ขู่ใครแก้ รธน.กลับไปใช้บัตรใบเดียวอาจถูกถอดถอน

'นรินท์พงศ์' ออกเเถลงการณ์ต้านแก้ไขรัฐธรรมนูญกลับใช้บัตรใบเดียว ชี้ผิดเจตนารมณ์ ขู่ใครดำเนินการเเก้ไขขัดจริยธรรมอย่างร้ายแรงถูกถอดถอนได้

04 ส.ค.2565 - นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ว่าเหตุผลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีปรากฏอยู่ในหมายเหตุท้ายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2564 คือ "เพื่อให้การคำนวณคะแนน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนเป็นธรรมต่อพรรคการเมืองและเคารพหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงของประชาชน และการให้มีบัตรเลือกตั้งสองใบ เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิเลือกพรรคและผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แบบแบ่งเขต"

เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ดังกล่าว สมาชิกรัฐสภาจึงมีหน้าที่แก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับเหตุผลของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้แก่ การปรับปรุงวิธีการคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อใหม่เพื่อให้มีความชัดเจนและเป็นธรรมต่อพรรคการเมือง และการมีบัตรเลือกตั้งสองใบเพื่อให้ ประชาชนได้เลือกพรรคและเลือก ส.ส. แบบแบ่งเขต การกระทำใดที่ผิดเพี้ยนไปจากเหตุผลดังกล่าวคือการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

คำว่าปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2561 ข้อ 8 ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 219 ให้ใช้บังคับแก่สมาชิกรัฐสภาและคณะรัฐมนตรีด้วย หมายถึงการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพของตน (integity) ซึ่งตรงกับบาลีที่ปรากฏในทศพิธราชธรรมว่า "อวิโรธนัง" คือการไม่เอนเอียงไปจากความถูกต้อง ซึ่งเป็นมาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามถือว่ามีลักษณะร้ายแรงที่อาจถูกถอดถอนจากตำแหน่งได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1)

ดังนั้น การที่ผู้ใดหรือพรรคการเมืองใดก็ตามที่พยายามบิดเบือนเจตนารมณ์ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ผิดเพี้ยนไปจากเหตุผลในท้ายรัฐธรรมนูญดังกล่าว ไม่ว่าจะด้วยการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว โดยอ้างเอกสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 124 ที่มีสิทธิจะแสดงความคิดเห็นหรือออกเสียงลงคะแนนในทางใดก็ได้ก็ตามซึ่งอาจจะไม่ผิดกฎหมาย แต่การกระทำที่ผิดไปจากเจตนารมณ์ดังกล่าว สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยเห็นว่า เป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและถือเอาประโยชน์ส่วนตนเหนือกว่าประโยชน์ของประเทศชาติอันเป็นประโยชน์ส่วนรวม

กฎหมายเป็นเครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบการกระทำของคน ส่วนจริยธรรมเป็นเครื่องมือตรวจสอบความซื่อสัตย์ของการปฏิบัติหน้าที่ อันเป็นการตรวจสอบสำนึกของความเป็นมนุษย์ที่เหนือกว่าความเป็นคน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กอ้วน' หงุดหงิดถูกจี้ถามไทมไลน์แก้รัฐธรรมนูญ

'ภูมิธรรม' เผย กินข้าวพรรคร่วม 21 ต.ค. ยังไม่มีประเด็นอะไรเป็นพิเศษ บอก รธน.ยังไม่ชัด แสลงหูไม่เสร็จในรบ.นี้ จะกระทบ พท.หรือไม่ วอนอย่า 'ถ้า'

'ชูศักดิ์' ยังหวังแก้รธน.เสร็จทันเลือกตั้งรอบหน้า ย้ำต้องคุยพรรคร่วมให้สะเด็ดน้ำ

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะนัดหมายหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหารือกันว่า เนื่องจากที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีมีภารกิจเดินทางไปต่างประเทศจึงไม่ได้มีการพูดคุยกันเป็นกิจลักษณะ

รื้อรธน. รอแกนนำสรุป นิกรชี้แฉลบหลายเรื่อง

“วิสุทธิ์” ย้ำการชำเรา รธน.ต้องรอระดับแกนนำสะเด็ดน้ำ ส่วนจะทันสมัยประชุมนี้หรือไม่ก็แล้วแต่ “อนุทิน” ลั่น พท.ยังไม่ติดต่อมา อย่าเพิ่งกังวลช่วงนี้มีเรื่องสำคัญกว่า “นิกร”

'นิกร' หวัง 2 สภาเห็นพ้องหาข้อยุติแก้กม.ประชามติได้ทันเลือกนายกอบจ.

'นิกร' หวัง 2 สภาเห็นพ้องหาข้อยุติแก้กม.ประชามติได้ทันเลือกนายกอบจ. บอก หากไม่ทันก็ไม่มีพรรคไหนเสีย มีแต่ปชช.เสียโอกาส ชี้ ท่าที 'ภูมิใจไทย' แก้รธน.ไม่ใช่เรื่องด่วนแต่ไม่มีเหตุที่จะดึง