'ประธานพรรคชาติพัฒนา' จี้รัฐบาลใช้เวลาที่เหลือ 7-8 เดือน ทำงาน 24 ชม. แก้ปัญหาปากท้องให้ชาวบ้าน
28 ก.ค.2565 - นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา อดีตรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จากนี้ไปเหลือ 7-8 เดือนจะหมดเทอมของสภา และถือว่าหมดเทอมของรัฐบาลอย่างเป็นทางการ เมื่อรัฐบาลผ่านอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้วคิดว่าแรงกดดันทางการเมืองต่างๆ าที่จะเบาบางลง และรัฐบาลสามารถที่ได้รับความไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อ และแม้การอภิปรายที่ผ่านมารัฐบาลจะชนะ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลจะได้ทำงานต่อ แต่ขณะเดียวกันข้อห่วงใยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงของการอภิปราย ข้อมูลต่างๆ ก็อยากให้รัฐบาลได้รวบรวม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของข้อเสนอแนะหรือข้อทักทวงต่างๆ อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นประโยชน์ที่เกิดขึ้นในสภาก็แสดงออกถึงการทำงานร่วมกัน อยากให้รัฐบาลได้นำข้อมูลต่างๆ ทั้งข้อมูลที่รัฐบาลชี้แจงรวมทั้งข้อมูลของฝ่ายค้านที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานในช่วงที่เหลือของรัฐบาลก็จะทำให้รัฐบาลนั้นก็สามารถร่วมมือกับสภา
“ในช่วงระยะเวลาจากนี้ไปเมื่อแรงกดดันทางการเมืองน้อยลงแล้ว อยากให้รัฐบาลได้ทุ่มเทได้มีสมาธิกับการทำงานในช่วงที่เหลือ โดยเฉพาะขณะนี้พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่มีความเดือดร้อนเรื่องข้าวของแพง เรื่องสินค้าราคาแพง เรื่องค่าครองชีพ เรื่องน้ำมัน เรื่องไฟฟ้า เรื่องแก๊สหุงต้ม ค่าไฟต่างๆ ที่กำลังมีการพิจารณาว่าจะขึ้นเท่าไหร่ สิ่งต่างๆนี้เป็นข้อห่วงใยเป็นความกังวลที่พี่น้องประชาอยากเห็นการแก้ไขปัญหาให้เขา ฉะนั้นอยากให้รัฐบาลได้ใช้ระยะเวลาที่เหลือทำงานแบบ 24 ชม.ทุกวัน ตามอายุของสภาที่เหลืออยู่ในการมุ่งมั่น ในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะปัญหาเฉพาะหน้าขณะนี้ก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากเรื่องโควิด เรื่องสงครามต่างๆ ฉะนั้นตอนนี้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนกันมากเรื่องของแพง”
นายสุวัจน์ย้ำว่าอยากขอรัฐบาลให้ความสำคัญในการลงมาดูแลจะทำอย่างไรน้ำมันจะถูกลง ทำยังไงให้แก๊สถูกลง ทำยังไงสินค้าอุปโภคไม่ขึ้นราคามากนัก ทำยังไงที่ค่าไฟสามารถที่จะลดต่ำลงมาได้ เพื่ออะไรก็เพื่อประคองพี่น้องประชาชนให้สามารถที่จะยังอยู่ได้ในสภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ ส่วนความเป็นห่วงกรณีนายกรัฐมนตรีบริหารเกิน 8 ปี ในกระบวนการยุติธรรมนั้น คิดว่าอันนั้นก็แล้วแต่รัฐธรรมนูญเขียนไว้อย่างไร และมีการตีความไว้อย่างไร อันนั้นถือว่าเป็นไปตามกลไก เป็นไปตามกติกา ยังไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร
