"วิษณุ" ย้ำ 11 รมต. ใครคะแนนไม่ไว้วางใจ 239 เสียงเป็นต้นไปตกเก้าอี้ ย้ำคะแนนน้อยไม่ต้องรับผิดชอบ 7 วันก็ลืม พร้อมห่วงเวลาฝ่ายรัฐบาลมีน้อย
18 ก.ค.2565 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีรัฐมนตรีหลายคนมาพูดคุยขอคำปรึกษาก่อนที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 19-22 กรกฎาคม และ ลงมติในวันที่ 23 กรกฎาคม ว่า เป็นการพูดคุยกันอย่างสนุกสนานไม่เคร่งเครียดหรือปรึกษาหารือในการเตรียมพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจแต่อย่างใด ไม่มีใครขอคำปรึกษาด้านกฎหมายจากตน เพียงแต่ตนได้เล่าถึงสมัยอดีตในยุคที่นายกรัฐมนตรีหลายคน เช่น นายกฯ ชวน นายกฯ บรรหาร นายกฯ ชวลิต นายกฯทักษิณ ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นบ้าง และเป็นอย่างไรในการอภิปรายในสมัยนั้นๆ เล่าให้ฟังสนุกๆ เพราะรัฐมนตรีหลายคนไม่ได้อยู่ในรัฐบาลยุคนั้น ครั้งนี้เองก็เป็นธรรมดาไม่ได้หนักเบาไปกว่ากันเพียงแต่คราวนี้ผู้ถูกอภิปราย 11 คนถือว่าเยอะ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาเพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจทั้งคณะก็เคยมีมาแล้ว ตนไม่ได้เจตนาที่จะหวังผลปลุกใจก่อนวันอภิปรายในวันที่ 19 กรกฎาคม อย่างที่ถูกวิจารณ์แต่อย่างใด ตนเป็นคนที่อดไม่ได้ก็อยากจะเล่าให้รัฐมนตรีฟังถึงเรื่องในอดีต ไม่ใช่ว่ามีใครหวั่นไหวอะไร ตนเองแค่อยากเล่าเท่านั้น
นายวิษณุ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามหากจะเป็นห่วงมีอยู่นิดเดียวคืออภิปราย 11 คน แต่ใช้เวลาเพียง 4 วัน อาจจะตอบได้เพียงคนละนิด ดังนั้นจึงน่าหวั่นเกรงในเรื่องการบริหารเวลาทั้งของฝ่ายค้านและรัฐบาล ที่อาจจะบริหารยากหน่อย
ผู้สื่อข่าวถามว่าการวางคิว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นคนสุดท้ายถือเป็นเทคนิคหรือนัยยะของฝ่ายค้านหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ วิปทั้งสองฝ่ายตกลงกันอย่างไรตนไม่ทราบ แต่ถ้าจะลำดับเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดเป็นเรื่องปกติที่จะทำ เพราะหากตนเป็นฝ่ายค้านก็จะทำเช่นนั้นเหมือนกัน อย่างไรก็ตามผู้อภิปราย1 คน สามารถอภิปรายรัฐมนตรีหลายคนได้ ซึ่งฝ่ายค้านแบ่งเอาไว้เป็นสูตร 2:3:3:3 คือเริ่มที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กับนายศักดิ์สยาม ต่อมาคือพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ นายจุติ นายนิพนธ์ จากนั้นพรรคพลังประชารัฐ นายสันติ นายชัยวุฒิ นายสุชาติ และ วันสุดท้ายคือ 3 ป. ซึ่งก็เป็นระเบียบดี ในส่วนของรัฐบาลไม่ได้มีการจัดระเบียบอะไร แต่เตรียมไว้ให้รัฐมนตรีแต่ละคนตอบประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนนายกฯ ตอบ 5 ชั่วโมง แต่ถ้ารัฐมนตรีจะตอบมากกว่า1 ชั่วโมงก็ตอบไปหลังเที่ยงคืน หรือ ไปตอบนอกสภาฯดังนั้นสิ่งที่น่าห่วงคือการบริหารเวลา
เมื่อถามว่ากรณีเสียงปริ่มน้ำไม่น่าห่วงหรืออย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่เห็นว่ามีใครห่วง ทั้งนี้ ต้องใช้คะแนนเสียงไม่ไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่งคือคะแนน 238ครึ่ง ดังนั้นถ้ารัฐมนตรีได้ 239 ตามที่โหวตไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีคนนั้นสอบตก ส่วนคะแนนเสียงไว้วางใจจะมีเท่าไหร่นั้นในทางกฎหมายไม่เป็นสาระสำคัญเช่นอาจจะงดออกเสียงเป็นร้อยเลยก็ได้ แต่ในความรู้สึกของสื่อฯและประชาชนจะไปจับตาดูว่าคะแนนไว้วางใจมีเท่าไหร่แล้วเอามาเปรียบเทียบ แต่ในรัฐธรรมนูญมาตรา151 ไม่ได้ให้เทียบเช่นนั้น แต่รัฐมนตรีจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจและได้รับคะแนนไม่ไว้วางใจเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาที่มีอยู่ ซึ่งวันนี้สภามี477 ดังนั้นก็ต้องคอยดูว่าคะแนนที่จะได้แต่ละคนเป็นอย่างไร ซึ่งใครจะได้เท่าไหร่นั้นถือเป็นเทคนิคฝ่ายการเมืองตนไม่ทราบว่าใครมีคะแนนอยู่เท่าไหร่ ซึ่งตอนนี้เราก็รู้อยู่ว่าฝ่ายค้าน 206-207 เสียง และบางคนยังบอกว่ามีฝากเลี้ยง มีงูเห่า แต่สำหรับตนไม่มีความรู้ในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งตัวเลข239 ถือเป็นตัวเลขหลักที่อยากให้ทำความเข้าใจกับประชาชนที่จะต้องดูที่239 เสียง
ผู้สื่อข่าวถามว่าคะแนนที่รัฐมนตรีแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเท่ากันใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีอะไรผิดบาปเพียงแต่ทำให้รู้สึกเสียเครดิต เสียรังวัดไปนิดหน่อย ว่าคนนั้นได้รับความไว้วางใจมากกว่าคนนี้ เป็นเรื่องธรรมดาไม่เห็นต้องต้องถือสา อภิปรายกันมา3 ครั้งแล้วในรัฐบาลนี้ และคะแนนเสียงไว้วางใจก็ไม่ได้เท่ากัน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการเรียกร้องว่าหากใครได้รับคำแนนไม่ไว้วางใจสูงจะต้องรับผิดชอบอะไรหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า โดยมารยาทไม่มีปัญหา เมื่อถามย้ำว่าหากคนนั้นคือนายกฯจะต้องรับผิดชอบอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีในทางกฎหมายแต่มารยาทในทางการเมืองก็ไม่เคยมารยาทอะไรในเรื่องนี้ ก็ผ่านไป 7 วันก็ลืมกันแล้ว ถ้าใครได้ไม่ถึง 239 ก็อยู่ไป
เมื่อถามว่านายกฯ เครียดกับการเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ผมไม่รู้ สื่อก็ไปถามนายกฯ ดูสิ และเดี๋ยววันที่23 กรกฎาคม ช่วงเช้าก็รู้ว่าใครได้คะแนนอย่างไร ทั้งนี้หากมีรัฐมนตรี ที่ไม่ถูกยื่นอภิปราย แต่ถูกพาดพิงสามารถลุกขึ้นชี้แจงได้ จะปล่อยให้ถูกด่าฟรีได้อย่างไร เช่นถ้าอยู่ดีๆอภิปรายเรื่องพลังงานโดยไปซ่อนอยู่ในการอภิปรายนายกฯ ทางนายกฯก็มอบนายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตอบแทนได้ เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เท้ง' นัดดินเนอร์ฝ่ายค้าน จับตา 'บิ๊กป้อม' หอบความช้ำเข้าร่วมวง
'ณัฐพงษ์' นัด 'พรรคร่วมฝ่ายค้าน' ดินเนอร์พุธนี้ คาดหารือทิศทางในสภา-ขอเปิดซักฟอกต้นปีหน้า จับตา 'ลุงป้อม' ร่วมวงด้วยหรือไม่ หลังขับ 'ก๊วนธรรมนัส' 'พ้น พปชร.' ขณะ 'ไทยสร้างไทย' ยังไม่นิ่ง
'อิ๊งค์' ร่อนข้ามน้ำท่วมใต้ ยกครม.เยือนมาเลย์
นายกฯ เกาะติดน้ำท่วมใต้ ยืนยันลงพื้นที่แต่เป็นช่วงฟื้นฟู นำรมต.เยือนมาเลเซีย 15-16 ธ.ค. กระชับความร่วมมือระหว่างสองประเทศ
อดีตประธานสภาฯ ฉะพ่อนายกฯมีสิทธิ์อะไรไล่พรรคร่วมกลางสัมมนาพรรคเพื่อไทย
ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า “พ่อนายกฯ เป็นใคร มีสิทธิ์อะไรไล่พรรคร่ว
‘หนู’ ลั่นฟังแค่ ‘อิ๊งค์’ ยันร่วมรัฐบาลเป็นไฟต์บังคับ ‘ทักษิณ’ พูดไม่นำพา
"อนุทิน" ลั่น! รับสัญญาณจากนายกฯ อิ๊งค์เท่านั้น ยันที่ "ทักษิณ" พูดไม่ได้หมายถึงรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย "ท่านทักษิณพูดถึงพรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุม ผมก็ไม่นำพาไปฟังอะไรมาก"
รัฐบาลลุยขายฝันหนีบ่วงการเมือง แกนนำม็อบขยับจัดทัพเดินหน้าไล่
การแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 3 เดือนของ อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายใต้ชื่อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” ที่สตูดิโอ 4 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT)
'อนุทิน' ยันไม่ใส่ใจคำพูด 'ทักษิณ' โชว์ห้าวตะเพิดพรรคร่วมฯ ขอฟังแค่นายกฯอิ๊งค์
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวผ่านรายการข่าวเที่ยง ทางไทยพีบีเอส ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในการสัมมนาพรรคเพื่อ