'นิพนธ์' ลั่นไม่ขาดคุณสมบัติ รมต. รอฟังศาลตัดสินเพิกถอนคำสั่ง มท.ให้ออก 'นายกอบจ.สงขลา'

"นิพนธ์" ยันไม่ขาดคุณสมบัติรมต. คำสั่งมท.ให้ออกนายกอบจ.สงขลา ชี้ชัดจัดซื้อรถซ่อมบำรุงอบจ.สงขลา ผิดกม.ฮั้วจริง ลั่นรักษาผลประโยชน์แผ่นดินแล้วผิด บ้านเมืองจะลำบาก เหน็บ "เรืองไกร" ร้องเป็นอาชีพปกติ

2 พ.ย.2564 - เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงกรณีกระทรวงมหาดไทย(มท.) มีคำสั่งของมท. ปลดออกจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา(อบจ.สงขลา) ย้อนหลัง ว่า ได้ดำเนินการนำเรื่องไปฟ้องยังศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 23 ก.ค.64 เพื่อฟ้องให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริงแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และคำสั่งของมท. ขณะนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองกลาง โดยมีเหตุผลในการขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว 3 เหตุผล คือ 1.ตนไม่ได้ทำผิดตามที่ป.ป.ช.กล่าวหา โดยกล่าวหาว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้กล่าวหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จะมีการกล่าวหาแบบละเว้นธรรมดา และละเว้นโดยทุจริต ซึ่งกรณีนี้ ป.ป.ช.กล่าวหาตนว่าละเว้นธรรมดา ทั้งนี้ สาเหตุที่ไม่จ่ายเงินให้กับบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด เพราะมีบริษัทไทยวินเนอร์ มายื่นร้องต่ออบจ.สงขลา และสตง.สงขลา ว่ามีการกระทำความผิดในการจัดซื้อจัดจ้างรถซ่อมบำรุง ซึ่งเหตุเกิดก่อนที่ตนจะมาเป็นนายกอบจ. เมื่อตนเข้ามารับตำแหน่งก็มีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวว่ามีการฮั้วประมูล จนนำสู่คำสั่งของรองผู้ว่าฯสงขลาให้ระงับจ่ายไว้ก่อน และตนก็ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งสรุปว่าเรื่องนี้กระทำผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในศาลปกครองสูงสุด ในคดีแพ่ง

นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนคดีอาญา ตนขอสู้ เพราะไม่มีความผิด เนื่องจากต้องมีการสอบก่อนว่ามีการฮั้วประมูลจริงหรือไม่ ประกอบกับทางจังหวัดมีคำสั่งให้ระงับการจ่ายเงิน ซึ่งผลสอบก็ออกมาว่ามีการฮั้วประมูลจริงก็ต้องปฏิบัติตามนั้น เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุดเงิน51 ล้านบาทต้องเก็บไว้ที่อบจ.สงขลา ดังนั้น เมื่อป.ป.ช.ชี้มูลก็ต้องส่งให้อัยการ อัยการเห็นว่าตอนนี้มีข้อไม่สมบูรณ์ พบพิรุธ จำนวน16 หน้า ประกอบกับสภ.สงขลา และกองปราบปรามพบว่ามีการฮั้วกันจริงและใช้เอกสารปลอม จึงยังไม่จ่าย มีการวิ่งเต้นให้ตนจ่าย แต่ตนไม่ยอมจ่าย และจะได้กราบเรียนรายะเอียดในชั้นศาลต่อไป

นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า สอง ป.ป.ช.ไม่ได้ชี้ว่าตนกระทำการโดยทุจริต จะนำคดีอาญามาลงโทษตนทางวินัยนั้นไม่ได้ มท. ต้องตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท้จจริงว่าทำผิดวินัยอย่างไรถึงจะลงโทษได้ แต่ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการ จึงถือว่าเป็นการออกคำสั่งโดยมิชอบ และสาม ตามพ.ร.บ.จัดตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด กำหนดว่าหากจะมีการลงโทษผู้บริหารท้องถิ่น การวินัยต้องลงโทษสองปีนับจากครบวาระดำรงตำแหน่ง ซึ่งตนได้รับเลือกตั้งเมื่อเดือน ส.ค. 56 และครบวาระเมื่อเดือน ก.ค. 60 ถ้าจะลงโทษต้องลงโทษภายในปี 62 แต่มท.มาลงโทษเมื่อเดือนมิ.ย. 64 ซึ่งล่วงเลยตามพ.ร.บ.ดังกล่าวกำหนด ประกอบกับที่ประชุมใหญ่ของศาลปกครองสูงสุดเคยกำหนดว่าการที่จะลงโทษ ต้องเป็นคดีทุจริต และในปี 64 คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ยังยืนยันตามหลักการนี้อยู่ คือต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง แต่คดีนี้ไม่ได้ตั้งกรรมการสอบ ดังนั้น ตนจึงต้องฟ้องให้เพิกถอนคำสั่ง

“ผิดพรบ.ฮั้วแล้วผมไม่จ่าย ผมผิดด้วยหรือ ผมพร้อมพูดความจริงในทุกศาล น้อมรับการวิพากษ์วิจารณาและตรวจสอบ แต่ต้องอยู่บนความยุติธรรม เที่ยงธรรม ถ้าผมทำผิดจริงไม่ต้องรอให้ใครถามเรื่องสปิริต เพราะพรรคถือเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ใครทุจริตก็อยู่ไม่ได้ ถ้าวันนี้ทำเพื่อป้องกันการโกงเงินของแผ่นดินแล้วถือเป็นความผิด บ้านเมืองจะอยู่กันลำบาก และต่อไปนี้รัฐจะเสียหายอย่างมาก” รมช.มท. กล่าว

นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่าขาดคุณสบัติความเป็นรัฐมนตรี ตามที่รัฐธรรมนุญต้องเริ่มที่การทุจริต ซึ่งขอเน้นย้ำว่าเรื่องนี้ป.ป.ช.ไม่ได้ชี้มูลว่าทุจริต ดังนั้น ตนจึงถือว่าไม่ขาดคุณสมบัติ และเชื่อว่าการพิสูจน์ความจริงจะปรากฎทุกอย่างในเอกสาร ซึ่งตอนนี้ทั้งสถานีตำรวจภูธรสงขลา และกองปราบปรามยืนยันว่าทำผิดพ.ร.บ.ฮั้ว โดยเป็นหลักฐานชี้ชัดว่าตนไม่ได้ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แล้วจะวินัยจะผิดได้อย่างไรจึงนำมาสู่การฟ้องศาลปกครองกลางให้เพิกถอนคำสั่ง ซึ่งต้องรอผลการตัดสิน

เมื่อถามว่านายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ไปยื่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตรวจสอบคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี นายนิพนธ์ กล่าวว่า การทำหน้าที่ของนายเรืองไกรก็ทำไปอย่างนั้น เป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นอาชีพของเขา ส่วนการที่นายเรืองไกร เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ตนไม่อยากให้คดีนี้เป็นเรื่องการเมือง ส่วนใครจะทำให้เป็นการเมืองก็รับผิดชอบไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จุรินทร์' ยึดหลัก 4 ข้อ โหวตแก้รธน. เชื่อ สว. ลงมติมีเหตุผลอยู่แล้ว

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงอุปสรรคในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประธานรัฐสภา จะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมร่วมรัฐสภา

'วันนอร์' ชี้นักการเมืองไม่ใช่อาชญากร บทลงโทษไม่ควรรุนแรงถึงขั้นตัดสิทธิ-ยุบพรรค 

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีสถานการณ์การเมืองปี 2568 มีโอกาสเกิดคดีความที่นำมาสู่การยุบพรรคการเมือง และตัดสิทธิ สส. ว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับองค์กรที่มีหน้าที่วินิจฉัย

'ชูศักดิ์' ดักคอฝ่ายค้านยื่นซักฟอก บอกปม 'ชั้น14-MOU44' คุยนานแล้วไม่มีน้ำหนัก

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบมีการลงมติตามมาตรา 151 ในสมัยประชุมนี้ว่า ถือเป็นสิทธิของฝ่ายค้าน แต่ตนคิดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นขึ้นอยู่กับประเด็น

เชือดนิ่มแต่เจ็บจี๊ด! 'นิพิฏฐ์' ตอกกลับ 'เด็จพี่-พายัพ' ตำหนิ 'ชวน หลีกภัย'

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ โพสต์เฟซบุ๊กว่า สันดานเดียวกัน คบกันได้ ผมอ่านข่าว นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ และ นายพายัพ ปั้นเกตุ ออกมาวิจารณ์ท่านชวน