‘ลูกพิชัย’ สับจัดงบปี 2566 ลดลง เหตุเก็บรายได้ไม่ตามเป้า ติดกรอบเดิม ยุ ส.ส.โหวตคว่ำ เปลี่ยนรัฐบาล โวเพื่อไทยฟื้นเศรษฐกิจได้แน่
30 พ.ค. 2565 – นายพชร นริพทะพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า งบประมาณปี 2566 ที่กำลังจะเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร โดยมีวงเงิน 3,185,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 เป็นจำนวนเงิน 85,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.74% แต่ก็ยังน้อยกว่างบประมาณปี 2564 ทีมีงบประมาณ 3,280,000 ล้านบาท อยู่ถึง 100,000 ล้านบาท แสดงว่าประเทศไทยยังเสื่อมถอยถึงต้องจัดงบประมาณลดลง เพราะการเก็บรายได้ที่ไม่ได้ตามคาดประมาณ นอกจากนี้เงินเฟ้อในปีนี้น่าจะสูงถึง 4.9% ตามที่แบงก์ชาติคาดการณ์ จะทำให้งบประมาณปี 2566 หลังจากหักเงินเฟ้อแล้วจะน้อยกว่าปี 2565 ด้วยซ้ำ การจัดงบประมาณที่ลดลงทั้งที่ประเทศต้องการเงินเพื่อฟื้นเศรษฐกิจแสดงถึงความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ปัญหาหลักไม่ได้อยู่แค่เรื่องมากขึ้นหรือน้อยลงเท่านั้น แต่เป็นปัญหาของการใช้งบประมาณแบบไม่มีประสิทธิภาพ พลเอกประยุทธ์จัดงบประมาณมา 8 ปีแล้ว ใช้เงินไปแล้วกว่า 20 ล้านล้านบาท แต่เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ต่ำเตี้ย ประชาชนส่วนใหญ่รายได้ลดลง หนี้สินเพิ่มขึ้นมากทั้งหนี้ประเทศ หนี้ครัวเรือน หนี้ภาคธุรกิจ และหนี้เสีย คนตกงานเพิ่มขึ้น คนจนมากขึ้น ความเหลื่อมล้ำห่างมากขึ้น ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยลดลง ทุจริตเพิ่มมากขึ้น ตามที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ได้อธิบายไว้แล้ว แต่ก็ยังคิดจะจัดงบประมาณแบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แล้วจะหวังว่าเศรษฐกิจของไทยจะกลับมาฟื้นคงเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะปัจจุบันโลกอยู่ในภาวะสงครามรัสเซียยูเครน การจัดงบประมาณแบบเดิมๆ จะยิ่งไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นได้เลย
ดังนั้น การจัดงบประมาณที่ยังติดกรอบคิดแบบเดิม ไม่ปรับตามสภาวะเศรษฐกิจและความจำเป็นเร่งด่วนของประะทศและ ประชาชนในปัจจุบัน ที่ประชาชนกำลังลำบากกันอย่างมากจากพิษเศรษฐกิจ จากปัญหาราคาน้ำมันแพง ข้าวของราคาแพง เงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยจะขึ้น ฯลฯ จะไม่สามารถแก้ปัญหาของประะทศไทยได้ อย่างไรก็ดี งบประมาณที่ดี จะต้องลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นทั้งหมดลง เพื่อนำเงินไปฟื้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ยากของประชาชนให้ได้ก่อน แต่ปรากฏว่างบประมาณปี 2566 กลับมีงบรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นอีกโดยมีงบรายจ่ายประจำถึง 2,396,942.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23,932.7 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 1.01% ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่เช่นนี้งบรายจ่ายประจำควรที่จะต้องลดเพื่อนำเงินไปฟื้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยสนับสนุนประชาชนในเรื่องเศรษฐกิจมากกว่า
นายพชร กล่าวว่า งบประมาณทางการทหารยังสูงมากมีถึง 197,292 ล้านบาท แม้จะลดลง 4,373 ล้านบาท แต่ก็ถือว่าลดลงน้อยมาก ทั้งที่ควรจะปรับลดมากกว่านี้ เช่น ต้องไม่ซื้อเครื่องบิน F 35 และอาวุธอื่นๆแล้วในตอนนี้ เรื่องเรือดำน้ำที่ไม่มีเครื่องจะทำอย่างไร ขอเงินคืนได้ไหม เป็นต้น เพื่อนำไปช่วยในเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งนี้ 8 ปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ใช้งบทางการทหารรวมไปแล้วมากกว่า 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจเลย นอกจากนี้ งบทางความมั่นคงปี 2565 ทั้งหมดมีถึง 296,003 ล้านบาท ซึ่งน่าจะลดลงมาได้มากเพื่อปรับนำไปฟื้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมีการแจกงบเพื่อซื้อ ส.ส. เข้าพรรคเหมือนที่ ส.ส. ออกมาสารภาพเอง และอ้างว่าจะย้ายพรรคเพราะได้งบประมาณ
เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือมีการตั้งรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวนแค่ 100,000 ล้านบาท ซึ่งไม่น่าเพียงพอกับค่าดอกเบี้ยสำหรับหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นทะลุ 10 ล้านล้านบาทแล้ว เพราะเฉพาะค่าดอกเบี้ยก็น่าจะเกิน 2 แสนล้านบาทแล้ว ดังนั้นจึงอยากถามว่าจะการจัดการกับค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นที่พลเอกประยุทธ์กู้เงินมาจนต้องขยายเพดานเป็น 70% ของจีดีพีอย่างไร จะซุกค่าใช้จ่ายเหมือนซุกค่าทนายของคดีเหมืองทองบริษัทอัคราคงไม่ได้ นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์จะมีปัญญาใช้คืนหรือไม่ หรือต้องรอให้รัฐบาลหน้ามารับชำระหนี้ที่ท่วมจนล้นนี้ และ ลูกหลานจะต้องมาแบกรับการใช้หนี้กันอีกกี่สิบปี กว่าจะใช้เงินที่พลเอกประยุทธ์กู้มาใช้จ่ายและแจกแบบสะเปะสะปะนี้ได้
เป็นเพียงบางประเด็นเท่านั้น และยังมีรายละเอียดของงบประมาณอีกมากที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านจะนำมาอภิปรายอย่างละเอียดในสภา และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจะรับงบประมาณปี 2566 นี้ได้ และขอเสนอให้โหวตไม่รับ ซึ่งจะเป็นการทำประโยชน์ให้กับประเทศ เพราะจะทำให้ผู้นำที่ไม่มีประสิทธิภาพและขาดความรู้ความสามารถต้องออกจากตำแหน่งไปด้วย และงบประมาณปี 2566 จะต้องจัดทำขึ้นใหม่โดยรัฐบาลใหม่ที่มาจากฝ่ายค้านซึ่งจะเป็นงบประมาณที่มีประสิทธิภาพมากกว่า และจะสามารถฟื้นเศรษฐกิจไทยได้
“ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรล้มงบประมาณปี 2566 นี้ เพราะจะเป็นการใช้เงินงบประมาณที่สูญเปล่า และจะได้เปลี่ยนผู้นำและเปลี่ยนรัฐบาลที่บริหารประเทศล้มเหลวไปด้วย โดยจะได้เปลี่ยนเอารัฐบาลที่เก่งกว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าเข้ามาบริหารแทน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝั่งรัฐบาลเองเข้าร่วมในการโหวตคว่ำงบประมาณปี 2566 นี้ และหากรัฐบาลนี้ต้องออกไป และ พรรคเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศ งบประมาณปี 2566 นี้ จะต้องถูกจัดเรียงความสำคัญใหม่ที่จะต้องมุ่งเน้นการฟื้นเศรษฐกิจและการแก้ไขความยากลำบากของประชาชนทางด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก และอยากให้ประชาชนมั่นใจและเลือกพรรคเพื่อไทยกันมากๆ ให้ชนะแบบแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้” นายพชร ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'วัน-อยู่บำลุง' เปิดหมดเปลือกซบ พปชร. เร้าเพื่อไทยขับ 'เหลิม' กัดฟันยังเคารพอาแม้ว
นายวัน อยู่บำรุง สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แถลงเปิดใจถึงการลาออกจากพรรคเพื่อไทย การย้ายมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ว่า มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นอกจากข่าวลาออกจากกรรมการผู้ช่วย
เพื่อไทยดอง 'เหลิม'! 'ภูมิธรรม' ลั่นยังไม่เคยคุยเรื่องขับพ้นพรรค
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ก
สิงหารู้เรื่อง! ดวง ‘แม้ว‘ กำลังมีปัญหากับข้าเก่าเต่าเลี้ยง
ท่านแม้ว เดินเกมการเมืองข้ามช็อตเตรียมจัดตั้งรัฐบาลต่อถ้าเศรษฐาถูกสอย ไม่ปล่อยให้ภูมิใจไทยพรรคลำดับ 3 จัดตั้งรัฐบาลตามธรรมเนียม
'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป
เพื่อไทย แขวน 'เหลิม ไขก๊อก' โยนให้ผู้ใหญ่คุยกัน
“วิสุทธิ์” เผย 'คกก.จริยธรรมพรรค' ยังไม่เรียกถกปม ‘เฉลิม’ อยากไขก๊อกพ้น ‘เพื่อไทย’ ชี้ เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ต้องคุยกัน
'วัน' ซบพลังประชารัฐ ซูฮก 'บิ๊กป้อม' ใจถึงพึ่งได้
นายวัน อยู่บำรุง อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในสัปดาห์หน้าว่า เป็นตามกระแสข่าวที่ออกไป โดยตนจะเดินทางไปสมัครในวัน