'อดีตบิ๊ก ศรภ.' ชี้กรุงศรีฯ ไม่แตกแน่! หากสลิ่ม 61-80 ปีออกมาใช้สิทธิ์เลือกผู้ว่าฯ กทม.

'พล.ท.นันทเดช' กางสถิติไล่เรียงกลุ่มอายุตั้งแต่ 18-80 คาดการณ์การลงคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯ ระหว่างฝ่ายสลิ่ม-ทักษิณ-3 นิ้ว ชี้กลุ่มชี้ขาดอยู่ที่ช่วงวัย 61-80 ปี

19 พ.ค.2565 – พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “กรุงศรีอยุธยาจะแตกอีกครั้งใน 22 พฤษภานี้หรือไม่” มีเนื้อหาว่า ข้อเขียนทั้งหมดนี้ เป็นความจริง แต่เพียงสถิติ จำนวนผู้มีสิทธิในการเลือกตั้งเท่านั้น เนื้อเรื่องนอกจากนั้นผมนึกฝันเอาเอง ดังนั้น สิทธิการลงคะแนนยังเป็นของ ท่านผู้อ่านทุกคนครับ

1.กลุ่มเด็กอายุ 18-27 กลุ่มนี้ มีประมาณ 7 แสนกว่าคน เป็นกลุ่มนิยมสลิ่มประมาณครึ่งหนึ่ง เท่าๆกับกลุ่มที่นิยมทักษิณ และพวก 3 นิ้ว ซึ่งปะปนกันอยู่อีกครึ่งหนึ่ง แต่ละฝ่ายจึงมีคะแนนนิยม พอๆกัน ประมาณฝ่ายละ 3.5 แสน

ฝ่ายสลิ่มมีตัวเก็ง 4 คน ( คุณ อัศวิน,ดร.เอ้ และคุณสกลธี และคุณรสนา) 3 คนแรกแบ่งกันไปคนละ 1 แสน คุณรสนาได้ส่วนที่เหลือประมาณ 5 หมื่น อีกฝ่ายหนึ่งมีคู่แข่ง 3 คน คุณชัชชาติอย่างไรก็ได้ประมาณ 1.5 แสน คุณ วิโรจน์ได้ไป 1.5 แสนเท่าๆ กัน ส่วนคุณ ศิธาได้ไป 5 หมื่น

สรุปคุณชัชชาติ กับวิโรจน์นำในอายุรุ่นนี้

2.กลุ่มคนอายุ 28-40 มีอยู่ประมาณ 1 ล้านกว่าคน คะแนนเสียงทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังสู่สีกันอยู่ แต่ฝ่ายสลิ่มจะมากกว่าหน่อยประมาณ 5.5 แสนคน เหนือฝ่ายนิยมทักษิณ/3นิ้ว ชึ่งมีประมาณ 4.5 แสนคน ฝ่ายสลิ่มจึงแบ่งกันไปดังนี้ คุณ อัศวินได้ 2 แสน ส่วน ดร.เอ้ ได้ไป 1.5 แสนคน สกลธีได้น้อยหน่อย 1 แสนคน ส่วนคุณรสนานั้นรูปถ่ายกับ อ.สุลักษณ์ทำให้คะแนนเสียงฝ่ายสลิ่มที่เชียร์คุณรสน่าจะตกไปมาก ทั้งๆ ที่คะแนนเริ่มดีขึ้น จึงได้ไม่มากเท่าทีควร ประมาณเกือบ 1 แสนคน ส่วนฝ่ายตรงข้ามกับสลิ่ม ในช่วงคนอายุนี้ คุณชัชชาติน่าจะได้มากที่สุดเอาไป 2 แสนคน คุณวิโรจน์และคุณศิธาเอาไปคนละประมาณ 1 แสนคน

สรุปคะแนนรวม 2 รุ่นแรก คุณชัชชาติ ได้ประมาณ 3.5 แสน คุณวิโรจน์ 2.5 แสน คุณศิธาได้ 1.5 แสนคน คุณ อัศวินได้ 3 แสน ดร.เอ้ได้ 2.5 แสน คุณสกลธี 2 แสน และคุณรสนา 1.5 แสน

**ไปดูต่อกันอีก3กลุ่ม**
3.กลุ่มคนอายุ 41-50 มีประมาณ 9 แสนกว่าคน กลุ่มสลิ่มยังได้ไป 5 แสน (อัศวิน กับ ดร.เอ้ และสกลธี ได้ไปประมาณคนละเกือบ 1.5 แสน ส่วนรสนา ได้ 5หมื่น) กลุ่มทักษิณ/3นิ้ว ได้ไปเกือบ 4 แสน (สรุป ชัชชาติได้ไป 2 แสน วิโรจน์กับศิธาได้คนละ 1 แสน เพราะมีการหาเสียงรุนแรงไปหน่อยของฝ่าย 3 นิ้ว )

4.กลุ่มอายุ 51-60 มีอยู่ประมาณ 8 แสนกว่า เป็นฝ่ายสลิ่มประมาณ 5 แสนคน ฝ่ายทักษิณ/3นิ้วนิดหน่อย รวมเป็น 3 แสนคน ฝ่ายสลิ่ม :อัศวินแผ่วลงจาก มีเรื่อง ”ฝุ่นแป้ง” เข้ามาวุ่น คนในกลุ่มนี้ไม่พอใจลดลงมาเหลือ 1 แสน ส่วนเอ้ได้ 1.5 แสนคนคงที่ แต่สกลธีได้จากคดีลาซาด้า รวมทั้งการวางตัวดีเมื่อถูกวิโรจน์ด่าในการดีเบต คะแนนขึ้นมาอย่างรวดเร็วในกลุ่มอายุนี้ เป็นประมาณ 2.5 แสน รสนาได้ 5 หมื่นกว่า ฝ่ายตรงข้ามสลิ่ม: ชัชชาติได้ 1 แสน (ลดลงจากเรื่องที่ลือกันว่า ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นกลุ่มคนที่สนใจการเมืองมากกว่าทุกกลุ่ม ) วิโรจน์ ได้ประมาณ 5 หมื่น ศิธาขึ้นมา 1 แสนจากการลงพื้นที่ย่านชานเมือง และ ดอนเมือง
เหลืออีกประมาณ 5 หมื่นน่าจะย้ายมาอยู่ที่ฝ่าย สลิ่ม

สรุปคะแนนรวม 4 กลุ่มอายุ ทั้งหมดโดยประมาณ คุณชัชชาติได้คะแนนรวม 6.5 แสน ดร.เอ้ได้ประมาณ 5.5 แสน คุณอัศวินได้ประมาณ 5.5 แสน คุณสกลธีได้ประมาณ 6 แสน คุณรสนาได้ประมาณ 2 แสนกว่า

5.กลุ่มอายุ 61-70 กลุ่มชี้ขาด มีประมาณ 6 แสนคน กลุ่มนี้เกือบ 5 แสนคนอยู่ฝ่ายสลิ่ม ดังนั้น ถ้ากลุ่มนี้อกมาออกมาเลือกตั้งสัก 80% ละก็ “อีก 3 วันข้างหน้ากรุงศรีอยุธยา ก็ไม่แตกแล้วครับ“ นี่ยังไม่คิดจะพูดถึง คนกลุ่มอายุ 71- 80 มีอีกประมาณ 3 แสนกว่าคน “ฝันมาตั้งนานตื่นกันได้แล้วครับ “

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เหนื่อยแน่! เพื่อไทย รับต้องปรับยุทธศาสตร์ หลังผลโพลตามหลังก้าวไกล

นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงผลนิด้าโพลเปิดผลโพลในไตรมาส 2 ที่ ปรากฏว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และ พรรค

‘พิธา’ แสลงหู ‘สว.สีส้ม’ ขออย่าป้ายสีเติมนามสกุลให้ใคร

‘พิธา’ ขออย่าป้ายสีเติมนามสกุลให้ใคร หลังเลือก สว. ผุดคำว่า ‘สว.สีส้ม’ เชื่อส้มในที่นี้คือ ‘จุดยืนประชาธิปไตย’ ย้ำหลักกฎหมายพรรคการเมืองเอี่ยวไม่ได้ มองจะได้สภาสูงที่มีคุณภาพ แม้ไม่ใช่เลือกตั้งทางตรง

'อนาคตไกล' ขยับเปิด 6 นโยบายบริหารพรรค หวังคว้าที่นั่งในสภา

นายภวัต เชี่ยวชาญเรือ โฆษกพรรคอนาคตไกล เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2567 ตัวแทนผู้บริหารระดับสูงของพรรค นายภาณุวัฒน์ เอกพลกุล นายทะเบียนสมาชิกพรรคและคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย

‘อดีตบิ๊กศรภ.’ ชี้กลยุทธ์’ซุนวู’ กำลังจู่โจม ‘เศรษฐา-ทักษิณ’ เสียขบวน

ตำราพิชัยสงครามของซุนวู มีการนำมาสอนกันใน ร.ร.เสนาธิการทหารของทุกเหล่าทัพ และยังใช้กันอย่างกว้างขวางในแวดวงธุรกิจ ปัจจุบันทางการเมืองก็นำมาประยุกต์ใช้เช่นกัน