‘สกลธี’ ชูจุดขาย ‘ผู้ว่าฯ กทม.’ คนแรกหาเงินบริหารงานได้เอง

สกลธี ย้ำ จะเป็นผู้ว่าฯ กทม. คนแรกที่หาเงินได้บริหารจัดการการใช้เงินเป็น ตามนโยบายหาเงินจาก ‘สกลธีโมเดล’ เชื่อสร้างรายได้เงินไหลเข้า กทม.อย่างน้อย 8,000 ล้านต่อปี

9 พ.ค.2565-นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงนโยบายการบริหารจัดการงบประมาณของ กทม. ที่ตั้งใจจะทำภายใต้ “สกลธีโมเดล” หากได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.ว่า สิ่งที่ตนพูดมาตลอด และมีความตั้งใจหากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็คือการเป็นผู้ว่าฯ กทม. ในรูปแบบที่เรียกว่าหาเงินได้ ใช้เงินเป็น

นายสกลธี  กล่าวว่า  จากประสบการณ์การทำงานในช่วงที่ตนเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ที่ผ่านมา ทำให้ตนทราบดีว่า มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ เพราะปีหนึ่งอาจจะดูเยอะประมาณ 80,000 ล้านบาท ถ้าพูดเป็นตัวเลขกลมๆ แต่ถ้าหักค่าเงินเดือน หักค่าหนี้สะสมหักทุกอย่างไปแล้ว จะเหลือเม็ดเงินงบประมาณปีละราว 20, 000 ล้านบาท และยิ่งช่วง 2 ปีหลังที่ผ่านมา ในช่วงโควิด-19 จะเหลืองบที่ใช้ได้ประมาณกว่าหมื่นล้านบาทต้นๆ เท่านั้น ซึ่งในการพัฒนาเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ งบประมาณดังกล่าวแทบจะเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นในวันนี้ตนจะมาเสนอทางออกในการที่กรุงเทพฯ จะหาเงินได้ เพราะต้องเรียนรู้ว่าที่ผ่านมาผู้ว่าฯ แต่ละสมัยใช้เงินอย่างเดียว รอเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเท่านั้น  แต่วิธีคิดของสกลธีโมเดล จะต้องหาเงิน ไม่ใช่การที่จะต้องรอรับเงินจากรัฐบาลอย่างเดียว

นายสกลธี กล่าวว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองใหญ่เหมือนกับเมืองสำคัญในโลกอื่นๆ ทั่วไป การหาเงินเพื่อนำมาพัฒนาให้ดีขึ้นจึงจำเป็น ซึ่งผมจะเป็นผู้ว่าฯ กทม. คนแรกที่หาเงิน มาพัฒนาเมืองด้วยตัวเอง ตัวอย่าง 2 เรื่อง ที่ทำได้แน่นอน เรื่องแรก คือการบริหารจัดการขยะ ที่พูดมาเสมอและเป็นนโยบายหลักในการหาเสียงในครั้งนี้ด้วย เพราะในการบริหารจัดการเรื่องขยะของ กทม. ต้องมีเงินที่ถูกใช่ไปกับเรื่องนี้ในปีหนึ่งๆ ประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท แต่เม็ดเงินดังกล่าวถูกใช้หมดไปกับค่าเช่ารถ ซื้อรถค่าถังขยะ ที่แพงสุดคือการจ้างเอาไปฝังกลบ ถ้าคนเป็นผู้ว่าฯ เป็นคนที่รู้กฎหมายจะรู้เลยว่าสามารถทำวิธีอื่นได้ คือให้เอกชนเข้าทำ โดยการแก้ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร ซึ่งทำให้ กทม. สามารถประหยัดเงินปีหนึ่งๆ ประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท และแถมขยะที่ได้ กทม. ยังขายให้เอกชน และหมุนกลับมาเป็นเงินรายได้ของ กทม. ได้อีกด้วย

เรื่องที่ 2 ที่คิดว่าสามารถหาเงินเข้ากทม.ได้ คือ เรื่อง City Tax ซึ่งหลายคนคงเคยไปเที่ยวต่างประเทศอยู่แล้ว เวลาไปนอนโรงแรมนิวยอร์ก หรือว่าเมืองใหญ่ๆ เวลาจ่ายค่าบริการ ใบเสร็จออกมาจะเห็น ในบิลว่ามีรายละเอียดของ City Tax อยู่ด้วยนั่นคือการที่เราไปนอนต่างประเทศแล้วเขาก็จะเก็บภาษีเมือง แล้วแต่อัตราที่กำหนดเช่น นิวยอร์ก เก็บ 8 เปอร์เซ็นต์ หรือที่อื่นอาจจะ 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในนโยบายของสกลธีโมเดล เกี่ยวกับการหาเงินเข้ามาพัฒนากรุงเทพฯ มีแนวนโยบายว่า ปกติคนต่างชาติมาเมืองไทยจะต้องเสียค่าเหยียบแผ่นดินให้กับการท่าฯ อยู่แล้ว ในสกลธีโมเดลจะเก็บในส่วนของการเข้ามาในกรุงเทพฯ โดยไม่ต้องเก็บมากแค่ 100 บาทต่อหัว ถ้าลองคำนวณเก็บเพียง 100 บาทต่อห้อง จากจำนวนนักท่องเที่ยว ในปี 2559 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมากรุงเทพฯ 60 ล้านคน คิดแค่ครึ่งหนึ่งนักท่องเที่ยวนอนเตียงคู่ต่อห้องก็เหลือประมาณ 30 ล้านคน ต่อปี เมื่อคำนวณแล้ว 1 คืนจะได้เงิน 3,000 ล้านบาทต่อปี แต่โดยเฉลี่ยแล้วนักท่องเที่ยวจะนอนในกรุงเทพฯ ประมาณ 4.7 คืน

“แค่ 2 วิธีนี้ กรุงเทพฯ จะมีเงินเพิ่มอย่างน้อย 8,000  ล้านบาท ถ้าผมเป็นผู้ว่าฯ หาเงินได้และใช้เงินในการบริหารเป็น ผมคิดว่าอันนี้มันจะทำให้คนกรุงเทพฯ ได้ประโยชน์เพิ่มเติมขึ้นอย่างถึงที่สุด”  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ก้าวไกลเพ้อชนะยุบพรรค!

ใจดีสู้เสือ! "ชัยธวัช" เชื่อ "ก้าวไกล" มีโอกาสชนะสูง อ้างยิ่งศาล รธน.ปิดไต่สวน "คดียุบพรรค" ก็ยิ่งมั่นใจในคำแถลงปิดคดี ปลุกกองเชียร์ 7 ส.ค.

'ก้าวไกล' มองคดียุบพรรคไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เตรียมพร้อมเป็นรัฐบาล เลือกตั้งครั้งหน้า

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเปิด 3 วิสัยทัศน์พัฒนาเชียงใหม่ พร้อมกับเปิดตัว นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ว่

'สกลธี' ยื่นลาออก พปชร. ขอไปทบทวนทำงานการเมืองในแนวทางใหม่

นายสกลธี ภัททิยกุล ยื่นหนังสือถึงนายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ ขอลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โดยให้เหตุผลว่ามีภารกิจส่วนตัวหลายประการ จึงขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคและตำแหน่งอื่นๆ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

เหนื่อยแน่! เพื่อไทย รับต้องปรับยุทธศาสตร์ หลังผลโพลตามหลังก้าวไกล

นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงผลนิด้าโพลเปิดผลโพลในไตรมาส 2 ที่ ปรากฏว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และ พรรค

‘พิธา’ แสลงหู ‘สว.สีส้ม’ ขออย่าป้ายสีเติมนามสกุลให้ใคร

‘พิธา’ ขออย่าป้ายสีเติมนามสกุลให้ใคร หลังเลือก สว. ผุดคำว่า ‘สว.สีส้ม’ เชื่อส้มในที่นี้คือ ‘จุดยืนประชาธิปไตย’ ย้ำหลักกฎหมายพรรคการเมืองเอี่ยวไม่ได้ มองจะได้สภาสูงที่มีคุณภาพ แม้ไม่ใช่เลือกตั้งทางตรง