28 เม.ย.2565 - ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. (ฉบับที่..) พ.ศ. กล่าวถึงเรื่องการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อว่า จากที่ปรากฎเป็นข่าวว่ามีการเสนอให้หารด้วย 500 หรือหารด้วย 100 นั้น หากหารด้วย 100 ก็จะเป็นไปตามร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. (ฉบับที่..) พ.ศ. ทั้ง 4 ร่างที่รับหลักการมา แต่หากหารด้วย 500 ก็จะเป็นการเสนอในที่ประชุมกมธ.วิสามัญฯ ทั้งนี้ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตประธานกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่.. พ.ศ...นั้น หากหารด้วย 500 ตนมองว่าขัดกับรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน เพราะปรากฎหลักการในการพิจารณาในที่ประชุมที่มีรายงานการประชุมละเอียดมากพูดถึงเรื่องการหาร 100 และไม่เห็นด้วยกับการหาร 500 ซึ่งนี้คือเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ นอกจากจะขัดต่อรัฐธรรมนูญแล้วหากหารด้วย 500 ก็ยังขัดต่อข้อบังคับการประชุมรัฐสภาด้วย เพราะกมธ.วิสามัญฯจะแก้ไขให้ขัดกับหลักการที่รับมาไม่ได้
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่จะให้จำนวน 500 มาเฉลี่ยก็จะทำให้ทำลายเจตนารมณ์ของประชาชนที่ออกเสียงลงคะแนนในบัตรบัญชีรายชื่อ ในเมื่อประชาชนออกเสียงมาให้พรรคนี้ได้ส.ส.จำนวนเท่านี้ แล้วทำไมต้องไปทำลายเจตนารมณ์โดยใช้ 500 หาร ในฐานะที่ตนสังกัดพรรคพลังประชารัฐ หากไปใช้ 500 หารทางพรรคพลังประชารัฐก็จะเสียหาย จึงเป็นเหตุให้ตนในฐานะกมธ.วิสามัญที่มาในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐไม่สามารถที่จะเห็นชอบ หรือต้องคัดค้านการเสนอหารด้วย 500 ที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเชื่อว่าจะมีการลงมติเกิดขึ้นในวันที่ 11 พ.ค. ตนเชื่อว่าส.ส.และส.ว.ส่วนใหญ่จะไม่ทำอะไรที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ อีกทั้งคงไม่เห็นด้วยกับการนำ 500 มาหาร แต่หากที่ประชุมกมธ.วิสามัญฯ และรัฐสภาเห็นชอบให้ใช้ 500 หาร ตนก็ขอสงวนสิทธิ์เพื่อไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า มีคนเสนอให้ใช้เอาคะแนนบัญชีรายชื่อมารวมกับคะแนนแบบบ่งเขตแล้วนำมาหารกับจำนวนส.ส.ทั้งสภาฯ เพื่อให้มาได้ซึ่งจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ ตรงนี้ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตรงนี้ยิ่งเลอะเทอะเข้าไปใหญ่ ต้องไปดูรัฐธรรมนูญมาตรา 93 ที่เป็นที่มาของสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชือ ว่าในร่างเดิมเขียนไว้ว่าต้องหารด้วย 500 และเราได้ยกเลิกไปแล้ว และได้มีการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขขึ้นมาใหม่แล้ว เรายังจะไปเอา 500 หารหรือเอาคะแนนทั้งบัญชีรายชื่อ และส.ส.เขตมารวมกันแล้วหารก็คิดกันไปแบบนักการเมือง โดยไม่คำนึงถึงกฎหมาย มันไม่มีความเป็นไปได้เลย
เมื่อถามต่อว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ผ่านมาและการแก้ไขลูกกฎหมายครั้งนี้สามารถกำหนดส.ส.พึงมีเพื่อให้ได้กลับไปเป็นระบบจัดสรรปันส่วนผสมได้หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญใหม่ด้วยการเริ่มจากกระบวนการเข้าชื่อกัน ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ทันอยู่แล้ว และก็ไม่มีใครเอาด้วย เนื่องจากต้องรวบรวมรายชื่อส.ส.เกือบ 100 คน เมื่อถามอีกว่า การแก้กฎหมายลูกครั้งนี้ต้องกลับไปล้อระบบเลือกตั้งเหมือนปี 40 และปี 54 หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า “ไม่เชิงครับ หลายเรื่องก็ไม่ตรงกัน เช่นเรื่องการนับคะแนน เรื่องการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อที่หารด้วย 100 ก็ไม่มีเพดานไว้คือพรรคที่มีส.ส.ไม่ถึงจำนวนเต็มตามร่างของคณะรัฐมนตรีก็ยังมีสิทธิ์ถ้าเศษเหลือมากก็ยังมีสิทธิ์ที่จะได้เป็นส.ส.ด้วย ซึ่งแตกต่างจากปี 54 และผมเชื่อว่าประเด็นนี้จะยุติด้วยการใช้ 100 หารอยู่แล้ว ส่วนหารด้วย 500 เป็นความต้องการของกลุ่มการเมืองที่เป็นนักการเมืองด้วยกันที่อยากได้แบบนั้น แต่มันจบไปตั้งแต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว”