'นิพนธ์' ชี้ยังไม่ถึงขั้นเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค ต้องใช้ผลเลือกตั้งเป็นตัวตัดสิน

"นิพนธ์" ย้ำกรณี"ปริญญ์" เป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล ไม่ควรใช้เป็นเกณฑ์เปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค วอนชาวปชป. ใช้เวลาที่เหลือทำงานร่วมมือสู้ศึกเลือกตั้ง คาดโทษคนนำข้อมูลในพรรคมาแฉถึงขั้นไม่ให้ตำแหน่งทางการเมือง

18 เม.ย.2565 - นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มี ส.ส.พรรคเรียกร้องให้กรรมการบริหารพรรคลาออกทั้งคณะ เพื่อรับผิดชอบกรณีของนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรค มีพฤติกรรมเสื่อมเสีย ว่า ความจริงในพรรคประชาธิปัตย์ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ ที่ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความเห็น สิ่งที่ทำได้คือการขอความร่วมมือ ว่าการจะแสดงความเห็นอะไรอยากให้คำนึงถึงพรรค ต้องแยกระหว่างเรื่องส่วนตัว กับปัญหาพรรค และเห็นว่า กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ควรใช้มาเป็นเกณฑ์ในการเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค และเห็นว่าระยะเวลาหลังจากนี้ ทุกฝ่ายในพรรคควรร่วมมือกันทำงานสำหรับการเลือกตั้งสมัยหน้าและหากได้ส.ส.น้อยกว่าเดิม ทางกรรมการบริหารพรรคก็พร้อมที่จะรับผิดชอบอยู่แล้ว

"เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เราคิดว่าเราผ่านสถานการณ์อย่างนี้มาหลายรอบหลายครั้ง ความเห็นที่ต่างกันเป็นเรื่องปกติในพรรคประชาธิปัตย์ แต่ในความเห็นของผมคิดว่าเวลาที่เหลืออยู่ ในสมัยการเลือกตั้งรอบนี้หรืออายุของรัฐบาล ไม่เกิน 10 ถึง 11 เดือนแล้ว ดังนั้นควรใช้เวลาที่เหลืออยู่ในการเตรียมภารกิจของพรรคให้ลุล่วง แล้วหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าฝนออกมาอย่างไรเลขาธิการพรรคก็พูดชัดแล้วว่าถ้าน้อยกว่าเดิมคือน้อยกว่า 51 เสียง ท่านรับผิดชอบอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทุกคนก็พร้อมที่จะรับผิดชอบอยู่แล้ว กรรมการบริหารพรรคก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ แต่อยากให้ใช้ผลการเลือกตั้งเป็นเครื่องตัดสิน ไม่ใช่ว่ามีเรื่องรายวัน กรรมการบริหารพรรคต้องออกเป็นรายวันซึ่งไม่ใช่วิสัยอย่างนั้น เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายก็ว่ากันไปใครผิดก็ต้องรับผิดชอบ ว่ากันไปตามผิด พรรคไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของใคร ถือว่าเป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้หลักการนี้ใช้เกณฑ์นี้มาโดยตลอด ถ้าคนทำผิดแล้วเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคถ้าใช้เกณฑ์นี้คงต้องเปลี่ยนกันทุก3-4เดือน ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย" นายนิพนธ์ กล่าว

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า กรณีที่มีภาพความขัดแย้งออกไปเกิดจาก กรณีที่คนในพรรคประชาธิปัตย์นำเรื่องภายในที่มีความเห็นต่างออกมาเผยแพร่ ทั้งที่เป็นเรื่องภายใน ดังนั้นคนที่ดำเรื่องออกมาเผยแพร่ก็ถือว่ามีความผิด และควรถูกตำหนิ รวมถึงเวลาที่มีการพิจารณาตำแหน่งทางการเมือง ก็ต้องถือว่าบุคคลนี้ไม่มีวุฒิภาวะ และไม่ควรให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันข้างหน้า ซึ่งขณะนี้ก็พอทราบว่าเป็นใคร

สำหรับกรณีที่มีการเสนอให้ตั้งกรรมการสอบนายปริญญ์ พานิชภักดิ์นั้น นายนิพนธ์ กล่าวว่า นายปริญญ์ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคก็ถือว่าจบจากพรรคไปแล้ว ที่เหลือเป็นเรื่องของกฎหมายบ้านเมือง ถึงไม่จำเป็นต้องตั้งกรรมการสอบอีกแล้ว ได้ย้ำว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล ใครทำผิดก็ต้องมีความผิด

ส่วนการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม เขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดราชบุรี นั้น นายนิพนธ์ กล่าวว่า นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ อดีตผู้สมัครเดิม ที่เคยลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘อภิสิทธิ์’ ขอคะแนน กทม. ชี้ 2 เดือน กระแส ปชป. ดีขึ้น ย้ำการเมืองสุจริต

หัวหน้าประชาธิปัตย์ระบุ กระแสตอบรับช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเป็นบวก ย้ำไม่มีใครเป็นเจ้าของประชาชน ตั้งคำถามเลือกตั้ง กทม. สองรอ

'อภิสิทธิ์' นำทัพ ปชป. พา 33 ผู้สมัคร สส.กทม. ไหว้พระแม่ธรณีก่อนสมัครเลือกตั้ง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคฯ และนางการดี เลียวไพโรจน์ รองหัวหน้าพรรคฯ และแคนดิเดตนายกรัฐมนต

'ต๊ะ นารากร' หวังเป็นม้ามืด ปชป. ปักธงเขต 1 เชียงใหม่ แม้สู้กันดุเดือด

น.ส.นารากร ติยายน ให้สัมภาษณ์ถึงการลงสมัครเลือกตั้ง สส.เชียงใหม่เขต 1 ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนพึ่งตัดสินใจในการลงสมัคร สส. หลังจากที่มีการยุบสภา คิดมาเป็นปีที่จะมีการลงเล่นการเมือง เพราะที่ผ่านมาเคยไปสมัคร สว. มาแล้วแต่ตกรอบ

เอาฤกษ์เอาชัย! 'อภิสิทธิ์' นำทีมผู้สมัคร กทม. ไหว้ศาลหลักเมือง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช ดร.การดี เลียวไพโรจน์ นายสกลธี ภัททิยกุล และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นำผู้สมัคร สส. กทม. ทั้ง 33 เขต