‘สนธิรัตน์’ เตรียมเสนอให้พรรคสร้างอนาคตไทย ศึกษา 2 นโยบายสำคัญด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อลดเงื่อนไขทางเศรษฐกิจให้กับภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศ
3 เม.ย.2565-นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ แกนนำและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังอยู่ท่ามกลาง 3 วิกฤติการณ์สำคัญที่เป็นแรงขับเคลื่อนจากกระแสโลก ได้แก่ 1. New Normal หรือความปกติใหม่ ซึ่งเป็นผลพวงจากสถานการณ์โรคระบาดโควิดที่ทำให้สังคมและเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง และเข้ามาสร้างบาดแผลให้กับโครงสร้างสังคมและเศรษฐกิจไปทั่วโลก 2. World Order หรือระเบียบโลกใหม่ ซึ่งแบ่งเป็น 2 มิติ คือมิติด้านความมั่นคงของขั้วอำนาจที่ต่างแข่งขันกันขยายดุลอำนาจเป็นพหุขั้วอำนาจ เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองทั้งทางเศรษฐกิจและอำนาจในมือ เช่น กรณีสงครามรัสเซียกับยูเครน และมิติด้านข้อตกลงทางการค้าที่สร้างกำแพงด้วยเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ข้อกำหนดเรื่อง Green Label ของภูมิภาคยุโรป ที่จะส่งผลกระทบต่อทั้งสินค้าส่งออกอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร เป็นต้น และ 3. Sustainability หรือความยั่งยืน ที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญต่อการบริหารเศรษฐกิจคู่ขนานไปกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนทั้ง 2 ด้าน จากแนวโน้มพฤตกิรรมของผู้บริโภคและธุรกิจที่มุ่งสู่สินค้าและบริการที่สร้างผลกระทบต่อโลกน้อยที่สุด
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ได้มองในทางกลับกันว่า ทั้ง 3 สถานการณ์ดังกล่าว ได้ซ่อนโอกาสทางเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมไว้ด้วยเช่นกัน ถ้าหากประเทศไทยมีการเตรียมพร้อมที่ดีและขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยน New Normal ให้เป็น Better Normal ผ่านการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี ให้เกิดความสมดุลทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ เช่น มาตรการ Work From Home การเข้าสู่สังคมไร้เงินสด หรือ e-Payment และการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ง่ายๆ ด้วยบริการทางการแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine รวมถึงการใช้ความได้เปรียบด้านศักยภาพของความอุดมสมบูรณ์ทางด้านอาหาร ทรัพยากรธรรมชาติ และความได้เปรียบในด้านการเป็นผู้นำเรื่องพลังงานทดแทน เพื่อก้าวข้ามผ่านกำแพงของ World Order และ Sustainability ไปได้
“ผมเตรียมเสนอให้พรรคสร้างอนาคตไทย ศึกษา 2 นโยบายสำคัญด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยนโยบายแรกคือ นโยบายส่งเสริมเรื่องการบริการทางแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine ซึ่งในอนาคตจะเป็นแนวทางสวัสดิการการรักษายุคใหม่และยังจะเป็นเทรนด์ธุรกิจทางการแพทย์ที่จะแพร่หลายมากขึ้นในอนาคต รวมถึงการเตรียมพร้อมต่อสถานการณ์โรคระบาด จากบทเรียนสถานการณ์โควิด นโยบายที่สองคือนโยบาย Carbon Tax เช่น การปรับสร้างภาษีสรรพสามิตรน้ำมัน เพิ่มภาษีคาร์บอน เพื่อนำเงินจากภาษีดังกล่าวมาสนับสนุนพลังงานสะอาด เพื่อลดเงื่อนไขทางเศรษฐกิจให้กับภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศตามเงื่อนไขและเทรนด์การแข่งขันของโลกในอนาคต”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘สนธิรัตน์’ จี้พรรคร่วมรบ. ยึดหลักการยกเลิก MOU2544 รักษาผลประโยชน์ชาติ
จี้พรรคร่วมรัฐบาลยึดหลักการ รักษาจุดยืนในอดีต ยกเลิก MOU2544 รักษาผลประโยชน์ชาติ หยุดเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน
'บิ๊กป้อม' ไขก๊อก! เลือก กก.บห.ใหม่ 'อุตตม-สนธิรัตน์' คัมแบ็ก 'วัน' ผงาด
'บิ๊กป้อม' ยิ้มแย้มประชุมใหญ่ พปชร. เลือก กก.บห.ใหม่ 'ไพบูลย์' จ่อเลขาฯพรรค 'อุตตม-สนธิรัตน์' คัมแบ็ก 'วัน' โผล่นั่งด้วย
มาอีกโพล 'ประชาชน' พอใจนายกฯ 'อุ๊งอิ๊ง' 57% เชื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจฉลุย
"ประชาชน" พอใจนายกฯ "อุ๊งอิ๊ง" 57% มั่นใจแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ฉลุย พร้อมหวังให้สานต่อนโยบาย รถไฟฟ้า20บาทตลอดสาย-30บาทรักษาทุกที่-ลดค่าครองชีพประชาชน
เปิดอีกมุม 'ธีระชัย' แนะใช้ 'ยานโยบายการเงิน' ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
โฆษก การันตี 'รัฐบาล' แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเต็มที่
รัฐบาล ยืนยันให้ความสำคัญปัญหาเศรษฐกิจ ทำงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หารือ รับฟังความคิดเห็นผู้มีประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อกำหนดนโยบายไทยให้ตอบโจทย์ตรงจุด ประชาชนได้ประโยชน์
'เศรษฐา' ยันรัฐบาลแก้ปัญหาปากท้องอยู่แล้ว เรื่องสำคัญอย่างสมรสเท่าเทียม ก็ต้องทำไปพร้อมกัน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำรวจความเห็นของประชาชนผ่านโพลสื่อมวลชนบางสำนัก สะท้อนปัญหาของประชาชน อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องปากท้อง โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าน้ำ