![](https://storage-wp.thaipost.net/2022/03/ไตรศุลี.jpg)
รัฐบาลเชิญชวนคนไทยส่งกำลังใจให้ อสม. และ อสส. เนื่องในวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ “อนุทิน” ย้ำแผนเสริมศักยภาพ “หมอคนที่1” เพิ่มความเข้มแข็งระบบดูแลสุขภาพคนไทย
20 มี.ค. 2565 – น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องจากวันที่ 20 มี.ค. ของทุกปีเป็นวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ รัฐบาลขอเชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมส่งกำลังใจให้ทั้งอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร(อสส.) ทั้ง 1,050,306 คน ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งมาโดยต่อเนื่อง
ทั้งในช่วงเวลาปกติ อสม.และอสส. คือกลไกสำคัญในการช่วยดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนในขั้นปฐมภูมิ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ป้องกันโรคตามฤดูกาลแก่ประชาชนจนถึงระดับครัวเรือน และเมื่อเกิดโรคระบาดไม่ว่าจะเป็น โรคซาร์ส ไข้หวัดนก และล่าสุดโควิด19 อสม.และ อสส. ก็คือบุคลากรด่านหน้าที่ทำหน้าที่ทั้งการคัดกรอง ให้คำแนะนำและดูแลคนนหมู่บ้านและชุมชนอย่างใกล้ชิด สนับสนุนการทำงานของบุคลากรทาการแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนระบบสาธารณสุขไทยได้รับการยกย่องในระดับโลก
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้ย้ำถึงนโยบาย ที่จะเดินหน้าสร้างความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุขตั้งแต่ฐานรากตามโครงการคนไทยมีหมอดูแล 3 คน โดยมี อสม. เป็นหมอคนที่1 เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) เป็นหมอคนที่2 และแพทย์ที่โรงพยาบาลเป็นหมอคนที่3 โดยกระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมายการเพิ่มความชำนาญของเจ้าหน้าที่ อสม. ผ่านโครงการต่างๆ เพื่อให้ระบบการดูแลสุขภาพคนไทยมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
โดยล่าสุดกรมสนับสนุนบริการสุขภาพและสถาบันพระบรมราชชนกได้มีโครงการพัฒนาบุคลากรด้านสุขภาพ อสม. ให้เข้าศึกษาหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล 3,000 คน หลักสูตรระยะเวลา 1 ปี เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของหมอคนที่1 ให้มีความรู้ทั้งไปประกอบอาชีพและดูแลสุขภาพคนในชุมชนได้ดียิ่งขึ้น
“รองนายกรัฐมนตรีย้ำว่ากระทรวงสาธารณสุขโดยการสนับสนุนของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้ความสำคัญกับการดูแลขวัญกำลังใจของพี่น้อง อสม. ทั้งการสนับสนุนค่าเยียวยา ค่าเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานในช่วงสถานการณ์โควิด19 และที่รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นต่อไปคือการพัฒนาศักยภาพของ อสม. ผ่านโครงการต่างๆ เพื่อการดูแลสุขภาพของคนไทยที่เข้มแข็งตั้งแต่ระดับฐานราก” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับความเป็นมาของ อสม.ในประเทศไทยนั้น เกิดขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขอย่างทั่วถึง ในปี พ.ศ. 2520 จึงเกิดโครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พื้นที่ทดลองใน 20 จังหวัด ก่อนจะขยายพื้นที่ไปทั่วประเทศจนกลายเป็นกลไกความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุขของประเทศ และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของ อสม. คณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2536 จึงอนุมัติให้วันที่ 20 มี.ค. ของทุกปี เป็นเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ เพื่อมีกิจกรรมยกย่องเชิดชูเกียรติต่อความเสียสละและเกิดขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่แก่ อสม. เป็นประจำทุกปี
สำหรับเหตุผลที่เลือกวันที่ 20 มี.ค. นั้นเนื่องจากตรงกับวันที่รัฐบาลได้บรรจุโครงการสาธารณสุขมูลฐานแห่งชาติเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาการสาธารณสุขแห่งชาติ เมื่อวันที่ 20มี.ค.2522
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘อนุทิน’ สั่ง กทม.เร่งสอบที่มาป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ตและสัญชาติ ย่านห้วยขวาง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้ทราบถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้เปิดเผยและวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างถึงกรณีมีการติดตั้งป้ายโฆษณาภาษาจีน
มท. จ่อคลอดประกาศ 'ฟรีวีซ่า' 93 ประเทศ เริ่ม 15 ก.ค.
'โฆษก มท.' เผยมหาดไทยเตรียมออกประกาศยกเว้นวีซ่า 60 วัน 93 ประเทศ เริ่ม 15 ก.ค. 67 พร้อมปรับปรุงแนวทางตรวจลงตราให้ยืดหยุ่น หนุนท่องเที่ยวไทย
มหาดไทยพร้อมชง ครม.กำหนด เวลาเล่นแข่งวัวลาน
โฆษก มท. เผยมหาดไทยพร้อมชง ครม. เคาะกฎกระทรวงกำหนดเวลาเล่นแข่งวัวลาน 18.00 น. ถึง 6.00 น. ของวันรุ่งขึ้น หนุนท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายนายกรัฐมนตรี "อนุทิน" มอบปกครองวางมาตรการกวดขัน ป้องกันผลกระทบสังคม
สธ.โวพร้อมยกระดับบริการตามข้อเสนอแนะอาเซียน
สธ.พร้อมยกระดับและส่งเสริมการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ สร้างการเข้าถึงระบบการให้บริการและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ ตามข้อเสนอแนะอาเซียน
'อนุทิน' สั่งเข้มผู้ว่าจัดแผนป้องกันและเผชิญเหตุอุทกภัย
“อนุทิน” มอบผู้ว่าทั่วประเทศจัดแผนป้องกันและเผชิญเหตุอุทกภัย ลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
มท.1 ขีดเส้น 15 วัน สอบข้อเท็จจริง-รายงานผลสรุปปมอื้อฉาว 'รองผู้ว่าฯยะลา'
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และ โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตามที่ปรากฏข่าวทั้งในสื่อสาธารณะ และเกิดการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับพฤติกรรมของข้าราชการของกระทรวงมหาดไทยระดับรองผู้ว่าราชการจังหวัด เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด