ซักฟอกสกัดยุบสภา ฝ่ายค้านลั่นยื่นญัตติเร็วที่สุดหลังเปิดสมัยประชุม22พ.ค.

“อนุทิน” ย้ำอำนาจยุบสภาเป็นของ “บิ๊กตู่”  คนเดียว คนอื่นอยากให้เป็นอย่างไรก็ไม่มีผล มั่นใจเสียงหนุนรัฐบาลเพียงพอ ปัดข่าว "เนวิน" แนะดึงเด็กเพื่อไทยปทุมธานีเข้าสังกัดภูมิใจไทย “เพื่อไทย” สั่งฝ่ายค้านทำการบ้านประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว 2 สัปดาห์มาหารืออีกรอบ คาดปลาย เม.ย.ถึงรู้ยื่นเมื่อใด รับต้องคำนึงหลายองค์ประกอบ "วิษณุ" ชี้สูตรคำนวณ ส.ส.เปิดกว้าง  แต่กระตุกว่าห้ามขัดแย้งรัฐธรรมนูญ 3 มาตรา           

เมื่อวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ปฏิเสธตอบคำถามถึงฝีมือการทำอาหารของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ภายหลังรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน 3 ป.เมื่อวันที่ 4 มี.ค. โดย  พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถามและเดินออกจากโพเดียมไป ก่อนหันมากล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าสั้นๆ  ว่า "ไร้สาระ ไม่อร่อยจะกินทำไมล่ะ"

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีฝ่ายค้านระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์อาจชิงยุบสภาก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือน พ.ค.นี้ว่า อำนาจยุบสภาเป็นอำนาจของนายกฯ คนเดียว เราจะคิดอย่างไรอยากให้เป็นอย่างไรก็ไม่มีผลอะไร เพราะอำนาจอยู่ที่นายกฯ

เมื่อถามถึงตัวเลขสนับสนุนรัฐบาลจะเป็นไปได้ตามที่เคยระบุไว้ที่ 260 เสียงหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เรามั่นใจในตัวเลขที่สนับสนุนรัฐบาล ยังมีความมั่นใจ เพราะดูแล้วเสียงที่จะสนับสนุนรัฐบาลเพียงพอ

 “ส่วนตัวเลข 260 เสียง นักข่าวไปเขียนว่าเป็นตัวเลขของผมการันตี ผมจะไปการันตีอะไร ผมการันตีได้เฉพาะเสียงของพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น เพียงแต่คิดว่ารัฐบาลน่าจะมีเสียงที่น่าเพียงพอ เพราะตอนที่เรามาเป็นรัฐบาลก็มีเสียงมากกว่าอยู่แล้วถึงได้เป็นรัฐบาล ไม่อย่างนั้นจะมาเป็นรัฐบาลได้อย่างไร” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินยังกล่าวถึงภาพการพูดคุยกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ในจังหวัดศรีสะเกษเกี่ยวกับการพัฒนาจังหวัดและเรื่องการเมือง โดยมีแนวโน้มว่าจะมาร่วมพรรค  ภท.ในอนาคตว่า ไปเปิดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติที่จังหวัดศรีสะเกษเมื่อวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งคนเป็นเจ้าภาพคือ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรค ภท. และที่ศรีสะเกษ ส.ส.เป็นญาติกันหมด เพียงแต่จะอยู่พรรคไหนเท่านั้นเอง และเวลาเราไปส่วนใหญ่ ส.ส.ก็มาต้อนรับ เพราะเราไม่มีอะไรกับใครอยู่แล้ว

 “ภาพที่ปรากฏออกมาเป็นการร่วมรับประทานอาหารเช้า เพราะหลังเปิดงานกีฬาแห่งชาติผมต้องค้างคืนอยู่ที่นั่น ส่วนกระแสข่าวว่าพรรคจะยึด ส.ส.ทั้งศรีสะเกษนั้น จะไปยึดได้อย่างไรเพราะ ส.ส.เป็นของคนไทยทุกคน ยึดไม่ได้หรอก แต่พรรคขอทำงานให้หนักๆ ทำงานให้เต็มที่ และหากประชาชนเห็นว่าเราทำงานเต็มที่เขาก็จะเลือกเราเอง” นายอนุทินกล่าว

เสี่ยหนูปัดข่าวเกาเหลาเมืองปทุมฯ

เมื่อถามว่า มีกระเเสข่าวนายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แนะนำนายศุภชัย  นพขำ ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ไปคุยเรื่องการเมืองกับนายอนุทิน หลังมีกระแสข่าวว่าเกิดความขัดแย้งกับ  พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ที่พรรคเพื่อไทยจะมอบให้เป็นหัวหน้าทีมจังหวัดปทุมธานี  นายอนุทินกล่าวว่าเป็นแค่กระแสข่าว ซึ่งอ่านแล้วและยังไม่ได้โทรศัพท์หานายเนวิน และไม่ได้เจอมานานแล้ว ยืนยันว่านายศุภชัยไม่ได้ติดต่อเข้ามา และขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องอะไรพวกนี้ ถ้าพรรคมันดีดูแล้วมีอนาคตน่าจะทำงานได้ ทำประโยชน์ให้ประชาชนได้ เราก็ยินดีต้อนรับทั้งหมด

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวนายอนุทินไปจีบ ส.ส.ใต้และอีสาน เพื่อเตรียมตัวรับการเลือกตั้งสมัยหน้าจริงหรือไม่  นายอนุทินกล่าวว่า "เคยจีบใครติดล่ะ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยปากแบบนี้"

รายงานข่าวแจ้งว่า นายศุภชัยได้เดินทางไปเชียร์ทีมสโมสรฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สนามช้าง อารีนา ที่เปิดบ้านพบกับราชบุรี มิตรผล เอฟซี เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งได้พบกับนายเนวินและพูดคุยกันทั้งเรื่องฟุตบอลและการเมือง ซึ่งนายเนวินได้แนะนำนายศุภชัยไปพบนายอนุทิน  เพื่อวางแนวทางการพัฒนาด้านสาธารณสุขของจังหวัดปทุมธานี รวมทั้งหารือเรื่องทิศทางการเมืองในอนาคต  เพราะขณะนี้นายศุภชัยกำลังมีปัญหากับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร  กล่าวว่า แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ประชุมร่วมกันผ่านระบบซูม มีวาระสำคัญคือ การพิจารณายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 โดยขณะนี้เป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภา จึงได้มอบหมายให้ทุกพรรค ไปเตรียมและรวบรวมข้อมูลประเด็นปัญหาที่จะใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และจะมีการประชุมร่วมกันทุก 2  สัปดาห์ เพื่อหารือว่าข้อมูลที่จะใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของแต่ละพรรคนั้นมีน้ำหนักมากเพียงพอหรือไม่ หากข้อมูลมีน้ำหนักมากเพียงพอที่จะล้มรัฐบาลได้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลให้เร็วที่สุด  หลังจากเปิดสมัยประชุมสภาวันที่ 22 พ.ค. เพื่อไม่ให้  พล.อ.ประยุทธ์ชิงยุบสภาหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปก่อน

ปลาย เม.ย.ตกผลึกยื่นอภิปราย

“ฝ่ายค้านต้องขอดูองค์ประกอบ ปัจจัย รวมทั้งสภาพปัญหาและอุปสรรคในช่วงนั้นด้วยว่าเป็นอย่างไร เช่น วาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง รวมทั้งร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 ที่คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวาระแรกวันที่ 1-2 มิ.ย.เป็นต้น หากเรื่องเหล่านี้เข้ามาสู่สภาในช่วงดังกล่าว ก็จะมีผลต่อการตัดสินใจยื่นอภิปรายว่าจะเป็นช่วงเวลาใด” นพ.ชลน่านกล่าว

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการประชุมแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ช่วงเวลาที่จะยื่นอภิปรายต้องสัมพันธ์กันระหว่าง 4 เรื่อง คือ เรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ, เรื่องงบประมาณ, เรื่องกฎหมายลูก  และเรื่องวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกฯ โดยที่ประชุมเห็นตรงกันว่า เมื่อเปิดสมัยประชุมสภาวันที่ 22 พ.ค.ก็อยากยื่นอภิปรายเลย แต่ต้องดูว่ามีวาระจำเป็นเร่งด่วนอื่นที่สภาต้องพิจารณาหรือไม่ อาทิ เรื่องกฎหมายลูก, เรื่องเศรษฐกิจปากท้อง, เรื่องผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน หรือเรื่องโควิด 

เมื่อถามว่า จะหลบการอภิปรายให้กฎหมายลูกใช่หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ไม่ใช่การหลบ ถ้าเปิดสภาแล้วกฎหมายลูกยังไม่เสร็จ ก็จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อน  แต่ถ้าเสร็จช่วงเวลาเดียวกันก็จะพิจารณาอีกทีว่าอะไรก่อนอะไรหลัง ซึ่งเราจะหารือกันอีกครั้ง คาดว่าปลายเดือน  เม.ย.ถึงจะชัดเจนว่าจะยื่นอภิปรายช่วงใด ส่วนประเด็นอภิปรายนั้นมอบหมายให้แต่ละพรรคไปรวบรวมประเด็น อีก 2 สัปดาห์จะสรุปประเด็นรอบแรกก่อนที่จะกลั่นกรองให้เหลือประเด็นที่คมชัดที่สุด ส่วนจำนวนผู้อภิปรายรอบนี้ทุกพรรคเห็นตรงกันจะใช้คนไม่มากเหมือนทุกครั้ง จะเนื้อๆ เน้นๆ เฉพาะคนที่มีทักษะขั้นสูงจริงๆ 

ถามว่า รัฐบาลมั่นใจมีเสียงสนับสนุนเพียงพอ นายสุทินกล่าวว่า มองตรงกันข้าม หากเราติดตามข่าววันนี้ มีแต่เสียงสั่นคลอนรัฐบาลมากกว่าเสียงสนับสนุน การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งก่อนก็มีเหตุการณ์กบฏเขย่าขวัญจนรัฐบาลเกือบไปแล้ว คราวนี้สถานการณ์เชี่ยวกรากยิ่งกว่าเดิมอีก  คิดว่าคงลำบากกว่าครั้งที่ผ่านมา 

เมื่อถามว่า คิดว่านายกฯ จะยุบสภาหนีการอภิปรายหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า เรื่องนี้อ่านใจ พล.อ.ประยุทธ์ยาก รู้แต่ว่าสถานการณ์ปิดล้อมจนทำให้นายกฯ หนักใจกว่าทุกครั้ง

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค  พท.กล่าวว่า หากเรามีข้อมูลหมัดเด็ดที่จะใช้ในการอภิปราย รัฐบาลก็ไม่มีความชอบธรรมที่จะอยู่จัดทำงบประมาณปี 2566 อีกต่อไป ฝ่ายค้านอยากอภิปรายให้ทันก่อนที่จะไปถึงช่วงเดือน ส.ค. เพราะจะมีเรื่องของวาระการดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย ไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น แต่ยังมีเวลาอีกหลายเดือน จะขอดูข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ที่จะใช้อภิปรายให้ชัดเจนก่อน

วันเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณี นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.(ฉบับที่…) พ.ศ. … และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่…) พ.ศ. …  เตรียมแปรญัตติใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แบบจัดสรรปันส่วนผสม (MMP) โดยคำนึงถึง ส.ส.พึงมีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 และมาตรา 94 ว่าได้อ่านข้อเสนอแล้ว แต่ไม่ทราบเรื่องและไม่เข้าใจมันคืออะไร และไม่เข้าใจว่าจะทำได้อย่างไร

ชี้ร่างแก้ไขหลักเปิดกว้าง

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะกลับมาใช้ระบบจัดสรรปันส่วนผสม นายวิษณุกล่าวว่า เอาเถอะเพราะร่างของพรรคร่วมรัฐบาลที่นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ  พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เขียนเปิดกว้าง ใครจะแก้อย่างไรก็แก้ได้ทั้งนั้น และใช้ร่างนี้เป็นหลักด้วย ไม่ใช่ร่างของรัฐบาลเป็นหลัก แต่อย่าให้ไปขัดกับรัฐธรรมนูญ 3  มาตรา พูดได้แค่นี้ เพราะไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกัน แต่จะทำอย่างไรยังคิดไม่ออก

เมื่อถามว่า สูตรการคำนวณของ นพ.ระวีต้องใช้ ส.ส.ทั้งสภาหรือ 500 คนมาหาร จะเป็นไปได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าไม่ทราบ แต่รวมความแล้วอย่าให้ขัดกับรัฐธรรมนูญ 3 มาตรา

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะ กมธ.วิสามัญ กล่าวว่า การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยนำคะแนนจากบัตรเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อหารด้วย 500 เพื่อคิดเป็น ส.ส.พึงมี แล้วนำ ส.ส.แบบเขตเลือกตั้งมาหักลบนั้น เป็นการคำนวณตามความนิยมพรรคการเมืองที่แท้จริง ซึ่งเป็นการคิดคำนวณคล้ายกับการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวเมื่อปี  2562 แต่เป็นการสะท้อนความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และครั้งนี้ใช้บัตร 2 ใบ ซึ่งประเทศต่างๆ ที่ส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยหลายประเทศก็ใช้วิธีคิดแบบนี้

 “มั่นใจว่าการคิดคำนวณแบบนี้ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ  และเป็นการสะท้อนความนิยมของพรรคการเมืองจริงๆ  รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย” นายอัครเดชกล่าว

ส่วนนายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขานุการ กมธ.วิสามัญ กล่าวว่า การเสนอคำแปรญัตติของ นพ.ระวีเสนอได้ตามสิทธิของ ส.ส.  แต่ในชั้น กมธ.ต้องพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง โดยเฉพาะประเด็นว่าคำแปรญัตติดังกล่าวจะขัดกับรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ.2564 มาตรา 91  หรือไม่ เพราะเนื้อหาที่กำหนดไว้ชัดเจนว่า การคำนวณสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมือง ให้นำคะแนนของแต่ละพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งมารวมกัน  แล้วคำนวณเพื่อแบ่งจำนวนผู้ที่จะได้รับเลือกตั้งของพรรคการเมือง เป็นสัดส่วนที่สัมพันธ์โดยตรงกับคะแนนรวมข้างต้น

 “เจตนารมณ์ของมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญที่แก้ไข  คือให้หารจำนวน 100 คน เพื่อให้เป็นสัดส่วนที่สัมพันธ์โดยตรง ไม่ใช่ใช้ 500 คนซึ่งเป็นโดยอ้อม ส่วนที่มีการอ้างถึงถ้อยคำในมาตรา 93 และ 94 ของรัฐธรรมนูญนั้น  ในชั้นการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ กมธ.เห็นว่าไม่เกี่ยวข้องกัน และแม้จะไม่แก้ไขก็ไม่มีผลในทางบังคับใช้ เหมือนเป็นไส้ติ่งเท่านั้น มาตรา 93 และ 94 เป็นบทบัญญัติที่เกี่ยวเนื่องกับบัตรเลือกตั้งใบเดียว และ กมธ.เคยแก้ไขแล้ว  แต่ถูกร้องว่าส่อขัดหลักการจึงตัดออกภายหลัง แต่ในที่ประชุมมองว่าแม้คงไว้ก็ไม่มีผลใดๆ ทิ้งไว้แบบเดิมไม่มีปัญหา” นายนิกรกล่าว

นายนิกรยังกล่าวถึงกระแสข่าวยุบสภาว่า เป็นเรื่องปกติของสภาที่เกิดขึ้นได้ทุกยุคทุกสมัย เพราะเข้าสู่ช่วงปีที่  4 และเป็นครั้งสุดท้ายของฝ่ายค้านที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ดังนั้นต้องจัดเต็มเพราะมีโอกาสเดียว ส่วนรัฐบาลต้องตั้งรับเต็มที่ ดังนั้นไม่มีกลิ่นยุบสภาอะไรทั้งสิ้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟ้องต้นตอหมอคางดำ

สภาทนายความฯ เตรียมฟ้องแพ่งบิ๊กเอกชน-หน่วยงานรัฐ ต้นตอ "เอเลี่ยนสปีชีส์"

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์