วิกฤตพลังงาน มีงบช่วยจำกัด

สงครามรัสเซีย-ยูเครนจ่อผุดวิกฤตพลังงานรอบใหม่ "บิ๊กตู่" วอนประชาชนใช้รถเท่าที่จำเป็น  ยอมรับรัฐมีงบประมาณช่วยเหลือที่จำกัด จับตาประชุม กพช.หลังน้ำมันดิบพุ่งสูงรอบ 14 ปี แก้ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพิ่มวงเงินกู้อุ้มราคาน้ำมัน โฆษกรัฐบาลเผยอุ้มดีเซลต่อ ส่วนคลังระบุยังเร็วไปลดภาษีเบนซิน

มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมเป็นประธาน วันที่ 9 มีนาคม 2565 จะมีการทบทวนแผนรับมือวิกฤตน้ำมันเชื้อเพลิง หลังราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบปิดตลาดวันที่ 4  มี.ค.65 ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอยู่ที่ 115.68 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ราคาน้ำมันดิบเบรนต์อยู่ที่ 118.11 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี และราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 108.99 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

ทั้งนี้ เนื่องจากความกังวลว่าสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่ออุปทานจากรัสเซีย  หลังสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อตอบโต้ และบริษัทหลายแห่งหลีกเลี่ยงการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย อีกทั้งตลาดน้ำมันอาจตึงตัวมากขึ้น หลังสหรัฐฯ  เปิดเผยว่าอยู่ระหว่างการศึกษามาตรการเพิ่มเติมในการห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย

สำหรับการทบทวนแผนรับมือวิกฤตน้ำมันเชื้อเพลิง ในการประชุม กพช.ครั้งนี้จะมีการเสนอให้ปรับถ้อยคำเกี่ยวกับการดำเนินงานของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใน พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 หมวด 4 มาตรา  26 ที่ระบุว่า กองทุนต้องมีจำนวนเงินเพียงพอเพื่อใช้ในการบริหารจัดการกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อรวมกับเงินกู้ตามวรรคสองแล้วต้องไม่เกินจำนวนสี่หมื่นล้านบาท  โดยจะมีการเสนอให้ตัดบางถ้อยคำที่ว่า “ซึ่งเมื่อรวมกับเงินกู้ตามวรรคสองแล้วต้องไม่เกินจำนวนสี่หมื่นล้านบาท” ออก เพื่อช่วยให้การทำงานของกองทุนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น หรือมีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจทำให้กองทุนสามารถกู้เงินมาใช้ดูแลเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศได้  ตามความเหมาะสมแต่ละสถานการณ์และความจำเป็นได้มากขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า จะทำให้ทุกคนสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้ได้มากที่สุด ในเกณฑ์ที่รัฐบาลสามารถรองรับได้และงบประมาณที่มีอยู่ รวมทั้งตัวบทกฎหมายอีกหลายฉบับ วันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องเตรียมตัวและเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับราคาของพลังงานที่ขึ้นทุกวัน ทุกคนเห็นตัวเลขอยู่แล้ว รัฐบาลต้องหามาตรการที่เหมาะสม แต่จะดูแลได้ถึงเมื่อไหร่ก็ต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง ถ้ามันยืดยาวออกไปก็อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้าง ก็ต้องช่วยรัฐบาลบ้าง ช่วยประเทศชาติกันบ้าง

"สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้เราบังคับใครไม่ได้ เพียงแต่ขอให้ทุกคนช่วยกันประหยัดพลังงานให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะการใช้รถเท่าที่จำเป็น เพราะราคาน้ำมันสูงขึ้นทุกวัน เราก็ดูแลไปได้ในระดับหนึ่งแล้ว ถ้ามันสูงขึ้นไปกว่านี้มากขึ้นไปเรื่อยๆ เราจะทำยังไง งบประมาณเราก็มีจำกัดอยู่เท่านี้  แล้วอย่างอื่นจะเดือดร้อนตามไปด้วยหรือเปล่า และยังมีความเดือดร้อนจากกลุ่มอื่นๆ ขอให้ทุกคนเข้าใจ ส่วนเรื่องอื่นๆ อย่าเพิ่งเอาปัญหามาเยอะนักเลย ผมทำให้ทุกอย่างอยู่แล้ว" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยว่า  ข้อเสนอให้กระทรวงการคลังลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซินต้องมอง 2 ด้าน ขอวิงวอนให้ประชาชนที่บริโภคน้ำมัน ถ้าประหยัดได้ก็ช่วยกันประหยัด นำรถยนต์ส่วนตัวออกมาใช้ให้น้อยลง และมาใช้บริการรถสาธารณะ รถเมล์  รถไฟ ให้ช่วยกันในระยะสั้นๆ คนละไม้คนละมือ ใช้รถส่วนตัวเท่าที่จำเป็น ลำพังกระทรวงการคลังจะเข้าไปช่วยก็คงไม่ได้มากมายขนาดนั้น เพียงแต่ประคองระยะวิกฤตให้ผ่านไปได้ก่อน

 “เวลานี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน เพราะตอนนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง  กระทรวงพลังงานก็มีงบประมาณเพียงพอที่จะเข้าไปดูแลราคาน้ำมัน ส่วนคลังอย่างไรก็ต้องดูแลเรื่องค่าครองชีพ  เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ กำลังคิดอยู่ว่ามีวิธีการหรือมาตรการอย่างไรได้” นายสันติกล่าว

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลยังคงตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน  30 บาทต่อลิตรอย่างต่อเนื่อง อยากขอวิงวอนนักวิเคราะห์ชาวเน็ตทั้งหลาย ให้เข้าใจการขึ้นลงของราคาพลังงานโลกหรือการสู้รบ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาล ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีประชุมหารือกับคณะทำงานเพื่อวางแผนและออกมาตรการต่างๆ รับมือกับความไม่แน่นอน ซึ่งต้องอาศัยทุกฝ่าย เอกชน ผู้ประกอบการ รวมทั้งประชาชน ร่วมมือกับรัฐบาล ช่วยกันเดินหน้าประเทศ มั่นใจว่าไทยก็จะผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจโลกครั้งนี้ไปได้

นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน  เปิดเผยภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันเดือนมกราคม 2565 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 20.9 โดยการใช้กลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้นร้อยละ  11.8 กลุ่มดีเซลเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.4 น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เพิ่มขึ้นร้อยละ 75.5 น้ำมันก๊าดเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 น้ำมันเตาเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.8 LPG เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 อย่างไรก็ตาม การใช้ NGV ลดลงร้อยละ 2.7

การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเดือนมกราคม 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 30.54 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.8) โดยปริมาณการใช้กลุ่มแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 29.91 ล้านลิตร/วัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ  12.2) การใช้แก๊สโซฮอล์ 91, แก๊สโซฮอล์ 95, แก๊สโซฮอล์   E20 และแก๊สโซฮอล์ E85 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.04 ล้านลิตร/วัน, 15.79 ล้านลิตร/วัน, 6.13 ล้านลิตร/วัน และ 0.95 ล้านลิตร/วัน ตามลำดับ เนื่องจากการผ่อนคลายล็อกดาวน์และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมันเบนซินลดลงมาอยู่ที่ 0.63  ล้านลิตร/วัน เนื่องจากราคาเบนซินที่อยู่ในระดับสูง โดยแตะระดับสูงสุด 42.01 บาท/ลิตรในช่วงปลายเดือนมกราคม 2565 อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาการใช้กลุ่มเบนซินเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2564 พบว่าการใช้ลดลงร้อยละ 9.4 เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19  สายพันธุ์โอมิครอนหลังเทศกาลปีใหม่

การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเดือนมกราคม 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 75.87 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  (เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.4) สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B7  การใช้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 62.63 ล้านลิตร/วัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ  68.9) น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ซึ่งเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2562 ปริมาณการใช้ลดลงมาอยู่ที่  3.83 ล้านลิตร/วัน และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 มีปริมาณการใช้ 0.23 ล้านลิตร/วัน การใช้ที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมีการใช้น้ำมันดีเซลในการผลิตไฟฟ้า โดยในเดือนมกราคม 2565  อยู่ที่ 6.94 ล้านลิตร/วัน

การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 6.99 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  (เพิ่มขึ้นร้อยละ 75.5) เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการการบินและการเดินทางเข้าประเทศ เมื่อเทียบกับมาตรการปีก่อนหน้า แต่เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน การใช้น้ำมัน Jet A1 จึงยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ 

การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเดือนมกราคม 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,015,944 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.9) โดยการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 926,590 บาร์เรล/วัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6) ในจำนวนนี้พบว่าเป็นการนำเข้าจากรัสเซียร้อยละ 1.2 (ปี  2564 การนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียคิดเป็นร้อยละ 3.3)  มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 81,810 ล้านบาท/เดือน  (เพิ่มขึ้นร้อยละ 77.5) สำหรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป  (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา  น้ำมันอากาศยาน และ LPG) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 89,353  บาร์เรล/วัน คิดเป็นมูลค่าการนำเข้า 7,468 ล้านบาท/เดือน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟ้องต้นตอหมอคางดำ

สภาทนายความฯ เตรียมฟ้องแพ่งบิ๊กเอกชน-หน่วยงานรัฐ ต้นตอ "เอเลี่ยนสปีชีส์"

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์