สั่งลดภาระปชช. พลังงานแพงขึ้น ศก.ยังแข็งแกร่ง

นายกฯ สั่งคณะที่ปรึกษาเดินหน้า 3 แนวทางเร่งด่วนช่วยประชาชนลดภาระสร้างรายได้ หลังราคาพลังงานสูงขึ้นจากสถานกาารณ์ยูเครน-รัสเซีย พร้อมเร่งรัดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ให้เม็ดเงินกระจายลงพื้นที่ มั่นใจเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง ทั้งฐานะการคลัง-ทุนสำรองระหว่างประเทศ

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 3 มีนาคม    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าปฏิบัติภารกิจที่ตึกไทยคู่ฟ้าตามปกติ โดยช่วงเช้านายกรัฐมนตรีได้เรียกนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน, นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และคณะที่ปรึกษา อาทิ นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานคณะที่ปรึกษานายกฯ,  นายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย คณะที่ปรึกษานายกฯ, นายประสัณห์ เชื้อพานิช คณะที่ปรึกษานายกฯ, นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร คณะที่ปรึกษานายกฯ เข้าหารือ

ภายหลังการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า แม้ว่ารัฐบาลได้ดำเนินการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวขึ้นมาก แต่ยังมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์ความตึงเครียดในยุโรป ซึ่งส่งผลให้พลังงานราคาสูงขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีห่วงใยและให้ความสำคัญกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบนี้ จึงสั่งการคณะที่ปรึกษาให้เดินหน้าอย่างเร่งด่วนตาม 3 แนวทางหลัก ดังนี้ 1.หาแนวทางลดภาระค่าใช้จ่าย ดูแลประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ร่วมพิจารณามาตรการที่เหมาะสม แบ่งเบาภาระของประชาชน อาทิ การช่วยเหลือเพื่อบรรเทาราคาน้ำมัน ราคาก๊าซหุงต้ม ค่าไฟฟ้า เป็นต้น

2.การบรรเทาภาระหนี้สิน เป็นประเด็นที่รัฐบาลดูแลมาโดยตลอด รัฐบาลได้กำหนดให้ในปี 2565 นี้เป็น “ปีแห่งการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน” และได้กำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนไว้ครอบคลุมทุกมิติ  อย่างไรก็ดี ในการประชุมนายกรัฐมนตรีต้องการให้มีหน่วยงานขับเคลื่อนเพื่อให้ดูแลประชาชนทุกคน เพื่อบรรเทาภาระหนี้ให้กับประชาชนไม่ให้มีคนต้องถูกยึดบ้าน ยึดรถ และ 3.การลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและเพิ่มรายได้ให้ประชาชน ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเสมอภาค

"นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เร่งรัดการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ ให้มีเม็ดเงินกระจายลงไปในพื้นที่ ทั้งโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โครงสร้างพื้นฐานสร้างความเชื่อมโยง กระจายทรัพยากรสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น รถไฟเส้นทางขนส่งสินค้าส่งออกซึ่งทำได้ในปริมาณมาก ประหยัด รวดเร็ว และเป็นโอกาสเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ นายกฯ ได้สั่งการให้เร่งรัดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน ต้องการให้แบ่งเบาภาระประชาชนทุกคนเห็นผลโดยเร็วที่สุด" นายธนกรกล่าว 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยด้วยว่า จากตัวเลขทางเศรษฐกิจชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ทั้งด้านฐานะการคลังและฐานะการเงิน โดยสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ร้อยละ 59.88 ต่อจีดีพี ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ณ สิ้นเดือนมกราคม 2565 อยู่ที่ 242,772.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีสัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศต่อหนี้ต่างประเทศระยะสั้นสูงถึง 3 เท่า อีกทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดปี 2565 คาดว่าจะกลับมาเกินดุลได้เล็กน้อยตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว รัฐบาลยังมีเงินคงคลังเพียงพอต่อการใช้จ่ายที่จำเป็นและความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาลยังอยู่ในเกณฑ์ดี

  ส่วนวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วงที่ผ่านมายังค่อนข้างน้อย และเป็นไปเพียงในระยะสั้น โดยปกติตลาดหลักทรัพย์จะมีความผันผวนตามสถานการณ์ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ จนถึงวันที่ 1 มีนาคม 2565 สถานะเงินทุนสุทธิของนักลงทุนต่างชาติไหลเข้าในตลาดหลักทรัพย์ที่ 81,356.8 ล้านบาท

สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทยังคงมีความแข็งแกร่ง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาทิศทางค่าเงินบาทโดยรวมยังปรับตัวแข็งค่าขึ้นที่ร้อยละ 2.10 จากต้นปี 2565 จากแผนการเปิดประเทศและตามสถานะเงินลงทุนสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าในตลาดหลักทรัพย์และตลาดพันธบัตรไทย ด้านการส่งออก ในเดือนมกราคม 2565 พบว่าการส่งออกในเดือนนี้ขยายตัว 8% หรือมีมูลค่า 21,258.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนมูลค่านำเข้าขยายตัว 20.5% หรือมีมูลค่า 23,785 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายธนกรกล่าวด้วยว่า การที่ส่งออกไทยขยายตัวเป็นบวกในเดือนแรก มาจากความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในรูปแบบ กรอ.พาณิชย์ในการผลักดันการส่งออกไทย รวมถึงการฟื้นความสัมพันธ์การค้าระหว่างซาอุดีอาระเบีย และยังมีการประเมินว่าปัญหาสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนจะยังไม่กระทบกับการส่งออกไทยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากรัสเซียและยูเครนไม่ใช่ประเทศคู่ค้าหลักของไทย ทั้งนี้ หากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนสามารถยุติลงได้โดยเร็ว มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงสามารถขยายตัวทั้งปี ที่ร้อยละ 3.5-4.5 ในปี 2565 ได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์

นายใหญ่เมินห่วงปมเศรษฐา

“ทักษิณ” ไม่ห่วง “เศรษฐา”  ปมศาล รธน. มั่นใจพา พท.กลับมาผงาดได้ ไม่ขอแตะ “ลุงตู่” หลังมีกระแสคิดถึง