‘เพนกวิน’ ใส่EM สงสาร ‘อานนท์’ นอนคุกอ้างว้าง

“เพนกวิน” ใส่อีเอ็มแล้ว รับนอนไม่หลับ ตื่นเต้นกับอิสรภาพ ยังห่วง “อานนท์” ที่อยู่ในคุกเดียวดาย “กลุ่ม 24 มิถุนาฯ” ร้อง กมธ.ก้าวไกลสอบ “ตำรวจ-บิ๊กตู่” ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินกลั่นแกล้ง “อมรัตน์” ได้ทีโวถึงเวลาปฏิรูป

เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ศาลอาญา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำม็อบคณะราษฎร เดินทางมาศาลเพื่อติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (อีเอ็ม) หรือกำไลข้อเท้า ตามเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราว ภายหลังจากเมื่อวันที่ 22 ก.พ. ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวนายพริษฐ์ในคดีดำ อ.287/2564 และคดีอื่นรวม 8 คดี โดยมีเงื่อนไขห้ามจำเลยทำกิจกรรมหรือกระทำการใดๆ ที่อันจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และศาลในทุกด้าน รวมทั้งห้ามกระทำการใดๆ อันเป็นการขัดขวางกระบวนพิจารณาคดีของศาล ห้ามเข้าร่วมชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และห้ามออกนอกเคหสถานในช่วงเวลา 21.00 น. ถึงเวลา 06.00 น. เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเพื่อการรักษาพยาบาล ไปศึกษาเล่าเรียน ไปสถานีตำรวจ สำนักงานอัยการหรือศาลหรือได้รับอนุญาตจากศาล รวมทั้งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล และแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ

นายพริษฐ์กล่าวว่า เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ เพราะตื่นเต้นกับอิสรภาพ คิดว่าต้องใช้เวลาปรับตัวสักพักเพื่อกลับเข้าสู่ชีวิตปกติทั่วไป ซึ่งวันนี้มาติดกำไลข้อเท้าเป็นครั้งแรก ก็ไม่ได้กังวลอะไร แต่หนักใจเรื่องเรียนที่ผ่านมามากกว่า ที่ต้องไปปรึกษากับอาจารย์ว่าจะให้ทำอย่างไรบ้าง ส่วนเรื่องที่ว่าภายหลังครบเวลาที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว 3 เดือนแล้วจะยื่นขอประกันตัวต่อหรือไม่นั้น ก็ให้เป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการ

“รู้สึกเป็นห่วงนายอานน์ นำภา แกนนำอีกรายที่ไม่ได้ประกันตัว ยังติดค้างอยู่ในเรือนจำ ซึ่งนายอานนท์พูดอยู่ตลอดว่า ขอให้พวกเราเอาตัวออกมาข้างนอกเรือนจำก่อน แต่เมื่อนายอานนท์ไม่ได้ประกันตัว ก็รู้สึกนอนไม่หลับ เพราะอยากให้เขาออกมาช่วยดูแลเรื่องคดีให้ผมด้วย” นายพริษฐ์กล่าว

วันเดียวกัน ​ที่รัฐสภา น.ส.เพลง ทัพมาลัย นายกองค์การบริหารนิสิตมหาลัยวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมด้วยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ตัวแทนกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ยื่นหนังสือต่อนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบการใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.)  การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในวันที่ 10 ธ.ค.2564

โดย น.ส.เพลงกล่าวว่า พวกเราเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาฐานร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.64 เป็นวันสิทธิมนุษยชนสากล ที่ได้ไปเรียกร้องสิทธิมนุษยชนให้ประชาชนใน 7 ประเด็น เช่น การใช้มาตรา 112 กับประชาชน ซึ่งตลอดเวลาการทำกิจกรรมวันนั้น สวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างตามมาตรการของรัฐบาลที่ออกมา แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นได้มีหมายเรียกจาก สน.นางเลิ้งมาว่าพวกเรากระทำผิด นอกจากนั้นยังมีการกล่าวอ้างว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินนำมาเพื่อป้องกันโควิด แต่ 2 ปีที่ผ่านมาก็ยังมีคนเสียชีวิต ซึ่งไม่ได้เป็นการป้องกันโควิดเลยแต่เป็นการนำมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ฉะนั้นวันนี้จึงมายื่นหนังสือถึง  กมธ.การพัฒนาการเมืองให้ตรวจสอบรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ว่าใช้อำนาจโดยสุจริตหรือไม่ ซึ่งถ้าไม่ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย และขอให้ยับยั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และขอสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งพรรค ก.ก.เป็นผู้เสนอให้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร

ขณะที่นายณัฐชากล่าวว่า จะเห็นได้ชัดว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้ใช้มาเพื่อควบคุมโรค แต่ใช้มาเพื่อควบคุมประชาชนไม่ให้ออกมาแสดงความคิดเห็น กมธ.เองจะนำเรื่องนี้เข้ามาพิจารณา และจะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มาชี้แจง

นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ในฐานะคณะทำงาน กมธ. กล่าวว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินถูกออกแบบไว้ใช้เพื่อสถานการณ์ความมั่นคง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เรียกว่าเป็นการนำกฎหมายมาใช้อย่างผิดฝาผิดตัว และยังมีการนำกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงมาใช้กับคดีความทางการเมืองมากถึง 1,767 คดี และเป็นการใช้ พ.ร.ก.มากถึง 1,428 คดี ซึ่งนอกจากใช้กฎหมายผิดฝาผิดตัวแล้ว ยังนำมาใช้อย่างสองมาตรฐาน ถึงเวลาแล้วที่ต้องปฏิรูปกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม รวมถึงสถาบันตุลาการ ไม่เช่นนั้นประเทศเราไปต่อไม่ได้.