“สุพัฒนพงษ์” การันตีเองจีดีพีปี 65 โตไม่ต่ำ 4% แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนหายไปกว่าครึ่ง ขุนคลังแจงหั่นภาษีดีเซลแค่ 3 บาทพยุงราคาน้ำมัน เหตุติดข้อจำกัดเรื่องรายได้ ปักธงเดินหน้าการคลังยั่งยืน แย้มถึงเวลาเหมาะสมต้องยกเครื่องแผนหารายได้ใหม่ โยนแบงก์ชาติตอบเรื่องขึ้นดอกเบี้ย
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน 2022 NEXT ECONOMIC CHAPTER : NEW CHALLENGES AND OPPORTUNITIES เศรษฐกิจไทยปี 2565 ความท้าทายและโอกาสใหม่ ว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ยังมีสัญญาณเป็นบวก และเชื่อว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจหลายตัวฟื้นขึ้นมาอยู่ในโซนบวก หลังจากไทยกลับมาเปิดประเทศอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง นักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ทำให้เกิดความมั่นใจว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าไทยในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย โดยปัจจัยบวกเหล่านี้ทำให้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ที่ระดับ 3-4% ตามที่กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินไว้
สำหรับความท้าทายระยะสั้นของเศรษฐกิจไทยในปีนี้คือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่จบ ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมความพร้อมรับมือ โดยการสำรองวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชน 90 ล้านโดส รวมถึงเตรียมมาตรการต่างๆ ในการส่งเสริมกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งมาตรการคนละครึ่ง มาตรการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและอื่นๆ ขณะที่สถานการณ์หนี้ครัวเรือนยืนยันว่าปัญหาดังกล่าวลดลงไปกว่าครึ่ง แต่ตัวเลขภาพรวมยังอยู่ในระดับสูง จากกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องอัตราเงินเฟ้อ ข้าวของ สินค้าอุปโภคบริโภคราคาแพง รัฐบาลได้เร่งเข้าไปแก้ไข เข้มงวดเรื่องการกักตุน และสามารถแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี สะท้อนจากราคาสินค้าหลายรายการที่ปรับตัวลดลงมา ขณะที่ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นมาจากปัจจัยภายนอกทั้งสิ้น ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ดูแลอย่างเต็มที่ รัฐบาลใช้หลักในการดูแลราคา โดยการตรึงพลังงานไม่ให้สูงเกินไป ส่วนที่บอกว่าราคาน้ำมันแพงมากที่สุดในโลกนั้น ไม่จริง รัฐบาลต้องรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และระดับราคาน้ำมันของไทยไม่ได้สูงไปมากกว่าประเทศในแถบอาเซียนที่มีสถานะเป็นประเทศนำเข้าพลังงาน รวมถึงภาพรวมอัตราเงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนก็ไม่ถือว่าสูงมากนักเช่นกัน
ส่วนความท้าทายระยะยาวของเศรษฐกิจไทยนั้น นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมเศรษฐกิจใหม่ อุตสาหกรรมใหม่ และอยากให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการฟื้นตัวผ่าน 5 อุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ ได้แก่ รถยนต์-ยานยนต์ไฟฟ้า การท่องเที่ยว อิเล็กทรอนิกส์-ดิจิทัล ยา และพลังงานสะอาด ตรงนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลายฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยวิจัยด้านเศรษฐกิจต่างๆ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ ทั้งธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวดีขึ้น ส่วนประเทศไหนจะฟื้นตัวเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจภายใน ขณะที่ประเทศไทย ปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ที่ระดับ 4% ต่อเนื่องจากปี 2564 ที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว ดังนั้นต้องดูว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เศรษฐกิจชะงักงัน
โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยพบปัญหาในระยะสั้นที่สำคัญคือ ปัญหาค่าครองชีพ และระดับราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมาจาก 2 เรื่องคือ หมวดอาหาร มีปัญหาเรื่องสุกร รัฐบาลได้ดำเนินการตรวจสอบสต๊อกที่หายไป และมีมาตรการควบคุม กำกับราคาสินค้าในท้องตลาด และหมวดพลังงาน เป็นปัญหาที่ประสบกันทั่วโลก จากความขัดแย้งของรัสเซียและยูเครน รัฐบาลได้มีการตรึงราคาน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นต้นทุนการขนส่งและภาคการผลิตไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร รวมถึงการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 3 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 3 เดือน อย่างไรก็ตาม ถามว่าคลังเก็บภาษีดีเซล 5 บาทกว่า ทำไมลดแค่ 3 บาทต่อลิตร ต้องบอกว่าการลดภาษีต้องคำนึงถึง 2 ด้านคือ การสูญเสียรายได้ ซึ่งเป็นข้อจำกัดหนึ่งของการจัดทำงบประมาณประจำปี ดังนั้นจึงต้องดูให้สมดุลกันระหว่างกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะเข้าไปพยุง กับการเข้าไปเสริมความช่วยเหลือโดยการใช้มาตรการภาษีเพื่อบรรเทาภาระเรื่องต้นทุนการผลิต
รมว.การคลังกล่าวว่า ในปี 2565 มีประเด็นสำคัญ 7 เรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 4% โดยสิ่งแรกคือ การพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ผ่านโครงการอีอีซี โดยมุ่งสู่เศรษฐกิจมูลค่าสูง ผ่าน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่เกี่ยวโยงกับเทคโนโลยีขั้นสูง 2.เดินหน้าเศรษฐกิจใหม่ ภายใต้เศรษฐกิจดิจิทัล 3.การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศของโลก มี 2 เรื่องที่ต้องทำคือ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยรัฐบาลปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากร เพื่อให้เกิดดีมานด์และส่งเสริมการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าในไทย อีกเรื่องคือการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน
4.การปรับตัวของภาคธุรกิจเพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร จากการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ที่นอกเหนือจากการเชื่อมโยงภาคการท่องเที่ยวเข้ากับการแพทย์และสาธารณสุขแล้ว หากมีการเชื่อมโยงภาคการท่องเที่ยวเข้ากับภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัย จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ประเทศไทยได้
5.การเปลี่ยนแปลงภาคการเงิน เรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น 6.การสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัป โดยคลังอยู่ระหว่างออกมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือสตาร์ทอัปด้านดิจิทัล และ 7.ความยั่งยืนทางการคลัง โดยนโยบายการเงินและการคลังต้องสอดประสานกัน จำเป็นต้องมองเรื่องการใช้จ่าย และการหามาซึ่งรายได้ เมื่อถึงเวลาเหมาะสมต้องมีแนวนโยบายในการปรับโครงสร้างการจัดเก็บรายได้ที่เหมาะสมในอนาคต
“เศรษฐกิจสหรัฐที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ได้สะท้อนผ่านนโยบายการเงิน โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย ตรงนี้จะกระทบกับการเงินทั่วโลก กรณีของไทยเองการประสานนโยบายการเงินและการคลังทำได้ดีในช่วงที่ผ่านมา ส่วนคำถามต่อไปว่าเมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ย แล้วของไทยจะขึ้นตามด้วยไหม ตรงนี้คงต้องรอฟังทาง ธปท.” นายอาคมระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฟุ้งปีใหม่โอกาสดีทุกคน มั่นใจ‘แม้ว-หนู’ไร้ปัญหา
นายกฯ อิ๊งค์อวยพรปีใหม่ ให้ทุกคนมีจิตใจเบิกบานยันปี 68
ทักษิณจ่อพบอันวาร์ในไทย
"ทักษิณ" ยันเตรียมพบ "อันวาร์" กำลังรอคอนเฟิร์ม
แฉ10โกงทำประเทศจน เอกชนสมคบกับจนท.รัฐ
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันแฉ 10 กรณีทุจริตแห่งปี 2567 ที่ทำคนไทย “เจ็บ” และ “จน" หลายเรื่องราวยังไม่จบ
สมัครอบจ.คึกคักพท.เกทับปชน.
เปิดรับสมัครนายกและสมาชิก อบจ.วันแรกทั่วไทยสุดคึกคัก
รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง สื่อทำเนียบฯตั้งฉายา‘แพทองโพย’อิ๊งค์มองมุมดีส่งเสริมกัน
สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายาปี 67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง” นายกฯ "แพทองโพย" วาทะแห่งปี
‘แม้ว-หนู’จูบปากตีกอล์ฟ ‘แก้วสรร’ให้ลุ้นกลางปี68
ชื่นมื่น! “ทักษิณ” ควง "อนุทิน” ตีกอล์ฟ สยบรอยร้าวรัฐบาล