บิ๊กตู่บ่นม็อบอื้อ ‘หนู’ปัดขู่นายกฯ โรมไล่บี้ปมปวีณ

“บิ๊กตู่” ลั่นทำงานจนกว่าจะไม่ได้ทำ บอกม็อบมีเยอะเพราะประเทศเป็นประชาธิปไตย แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลประสานเสียงหนุนนายกฯ ทำงานครบเทอม “อนุทิน" แจง ส.ส.ขู่ ภท.ถอนตัวแค่องค์ลงตอนลงพื้นที่ อย่าคิดมาก ควันหลงอภิปรายฯ ค้ามนุษย์ "โรม" ตามต่อ อนุมาน 3 ป.เกี่ยวข้องเพราะปมโยกย้าย-มีอำนาจ “ผบ.ปั๊ด” รับประกัน “ปวีณ” กลับไทยปลอดภัยแน่นอน

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เต็มคณะ ที่ตึกสันติไมตรี ช่วงต้นการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้กล่าวถึงสถานการณ์ต่างๆ ภายในประเทศ พร้อมกับระบุว่า การประชุมวันนี้หายไปหลายคน เพราะบางคนต้องกักตัว เนื่องจากเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ซึ่งขอให้ปลอดภัย นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังพูดถึงการชุมนุมว่า การชุมนุมมีหลายที่ ทั้งที่หน้าทำเนียบฯ หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน้ากระทรวงการคลัง “ม็อบมีเยอะ แต่ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย” อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ยังฝากหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลให้ดูแลสถานการณ์ให้เรียบร้อย “เราต้องร่วมกันทำงานให้ดีที่สุด จะทำงานจนกว่าจะไม่ได้ทำ มีปัญหาก็มาคุยกัน” 

นอกจากนี้ ในช่วงพักเบรกการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ได้เรียกรัฐมนตรีที่เป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้าไปหารือในห้องสีเหลืองนานกว่าครึ่งชั่วโมง โดยหารือถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหลังเปิดประชุมสภาสมัยสามัญในเดือน พ.ค.นี้ด้วยว่า จะเอาอย่างไร ทั้งนี้ แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลต่างยืนยันกับนายกฯ ว่ายังสนับสนุนนายกฯอยู่ ให้นายกฯ ทำงานต่อจนครบเทอม

สำหรับความเคลื่อนไหว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หลังจากมีอาการท้องเสียเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ล่าสุดวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประวิตรได้ลาประชุม ครม. เนื่องจากอ่อนเพลียจากอาการท้องเสีย และแพทย์ได้เข้าตรวจเรียบร้อยแล้วที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด อาการไม่น่าเป็นห่วง ซึ่งช่วงเย็น พล.อ.ประวิตร ได้เข้าประชุมพรรคด้วย

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตอบคำถามกรณี พล.อ.ประยุทธ์ระบุให้เบาๆ เรื่องการเมืองกันรวมถึงกรณีที่นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 กล่าวในการเสวนา โดยระบุว่า หากรัฐบาลชุดนี้ไม่เห็นชอบหรือไม่พิจารณา พ.ร.บ.กัญชากัญชง พ.ศ….. พรรคภูมิใจไทยจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล โดยนายอนุทินกล่าวว่า นายศุภชัยพูดในพื้นที่ ซึ่งตนและนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ในฐานะเลขาธิการพรรค ได้โทรศัพท์ไปบอกแล้วเข้าใจว่าเป็นการพูดในฐานะผู้แทนฯ แต่เรื่องการร่วมรัฐบาลเป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สมาชิกคนอื่นไม่ต้องมาพูดให้ฟังหัวหน้าพรรคคนเดียวว่าจะมีท่าทีอย่างไรกับการร่วมรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า การแสดงความคิดเห็นแบบนี้จะทำให้นายกฯ ระแวงหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า คนที่เป็นผู้แทนฯ และอยู่ในพื้นที่ตัวเอง มีความเก๋าเกม บางทีก็องค์ลง เหมือนเวลาตนลงพื้นที่ไปปราศรัย ไปเจอพี่น้องอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) มาต้อนรับ ก็ต้องมีอะไรตอบสนอง เหมือนเวลาชกมวย ยังต้องมีปี่พาทย์ อย่าไปคิดมาก การร่วมรัฐบาลหรือจะมีท่าทีอย่างไร ไม่มีการขู่กัน จะไปขู่ทำไม ใครจะไปกล้าขู่นายกฯ หรือต่อรอง ไม่มีหรอก เวลาเดินผ่านนายกฯ ยังต้องก้มแล้วก้มอีก ค้อมหลังแล้วค้อมหลังอีก ขอย้ำว่าไม่มีอะไร อย่าไปคิดมาก เวลาทำงานพูดกันด้วยเหตุผล ขณะที่นายกฯ ก็ไม่เคยขู่พรรคร่วมรัฐบาล ถ้าจะตำหนิอะไรตน ก็เป็นในฐานะผู้ใหญ่ เช่น เวลาตนให้สัมภาษณ์อะไรแล้วมีอารมณ์ นายกฯ ก็เตือนว่าพูดอะไรต้องนึกถึงคนฟังด้วย และสำหรับตนอย่าว่าแต่นายกฯ อธิบดีตนยังไม่กล้าขู่เลย ไม่ต้องกังวล เรามีมารยาทวัฒนธรรม

ส่วนนายศุภชัยชี้แจงว่า เป็นการแสดงเจตนาผลักดันขับเคลื่อนนโยบายปลูกกัญชาเสรี เพื่อให้รัฐบาลเห็นความสำคัญ แต่ไม่ได้หมายถึงเป็นการขู่หรือต่อรองกับรัฐบาล รวมถึงไม่ได้มีความขัดแย้งเรื่องการเมือง แต่เป็นการพูดให้เห็นถึงความตั้งใจในการผลักดันให้เข้าสู่กระบวนการแก้กฎหมายให้สมบูรณ์แบบ ไม่ได้หมายถึงการเสนอ พ.ร.บ.กัญชงกัญชา เพราะตนเชื่อว่าการขับเคลื่อนปลดล็อกกัญชาของรัฐบาล ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เดินหน้ามาไกลแล้ว ไม่ได้เอามาเป็นปัญหาต่อรองทางการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการอภิปรายในสภาที่มีความพยายามเชื่อมโยงว่ามีนายตำรวจทีมงาน พล.อ.ประวิตร โทรศัพท์มาสั่งให้ประกันตัว พล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์นั้น พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำ พล.อ.ประวิตร เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด และหากมีชื่อบุคคลตามกล่าวอ้างดังกล่าว หรือมีข้อมูลผู้อยู่เบื้องหลังและผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ขอให้เปิดเผยหลักฐานและข้อมูลจริงทั้งหมดออกมา เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้ถึงที่สุด

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรอง ผบช.ภ.8 ทีมสืบสวนคดีค้ามนุษย์ถูกคุกคามกดดันจนต้องลาออกจากการเป็นตำรวจและต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศและยังถูกแจ้งดำเนินคดีอีกว่า เรื่องนี้ก็หลายปีแล้ว มีข่าวสารพัดบอกว่ามีการแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.ปวีณ เบื้องต้นให้ตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีการแจ้งความแต่อย่างใด ใครมีข้อมูลก็ส่งมา ตามที่เราตรวจสอบยังไม่พบการดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.ปวีณ ส่วนที่กลัวเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ตนตอบในนามตำรวจกว่า 2 แสนนาย ถ้าท่านกลับมาจะดูแลความปลอดภัยให้ กลัวอะไรมาบอกกันรับรองไม่มีเรื่อง ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครไปทำอะไร ตำรวจดูแลได้อยู่แล้ว ตรวจสอบแล้วยืนยันไม่มีหมายจับ

เมื่อถามว่ามีการฟ้องส่วนตัว เพราะมีข่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. มีการฟ้อง พล.ต.ต.ปวีณ ผบ.ตร. ตอบว่า ไม่ทราบรายละเอียดตอนนั้น แต่ขณะนี้เราตรวจสอบยังไม่พบการแจ้งความดำเนินคดี หรือแม้กระทั่งในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ทราบว่า พล.ต.ต.ปวีณกลัวอะไร แต่จะอะไรก็ช่าง ยืนยันความปลอดภัยไม่มีใครไปทำอะไร ตนดูแลให้ได้ แต่ถ้าท่านอยากจะกลับก็ขอให้บอกล่วงหน้าจะจัดการให้ไม่ต้องห่วง ยังไงท่านก็เป็นคนไทยต้องดูแลเหมือนกันอยู่แล้ว

ถามอีกว่า ในคดีนี้ในขณะนั้น ผบ.ตร.ก็เป็นหนึ่งในคณะชุดสืบสวนสอบสวนที่ไปร่วมด้วย มีเรื่องของแรงกดดันหรือผู้มีอิทธิพลทำให้ พล.ต.ต.ปวีณต้องกลัวหรือไม่ ผบ.ตร.ตอบว่า ไม่เห็นมีแรงกดดันอะไร ผู้ต้องหาเป็นร้อย พนักงานสอบสวนเยอะมาก ไม่ใช่แค่ท่าน 2 ท่าน หัวหน้าพนักงานสอบสวนเป็นอัยการสูงสุด คนเป็นร้อยที่ทำคดีนี้ ตนไม่เห็นว่ามีการขู่แต่อย่างใด ส่วนที่ พล.ต.ต.ปวีณพูดถึงเรื่องปลาตัวใหญ่ ตนไม่ทราบ ต้องไปถามท่านปลาตัวใหญ่คืออะไร

 “ไปดูในสำนวนการสอบสวนได้ ทำไว้ครบถ้วน ออกหมายจับเป็นร้อยราย อาจจะจับได้ยังไม่หมด ได้มีการเร่งรัดอยู่ เหลืออยู่ประมาณ 30 คน จับไปแล้วร้อยกว่าคน ที่ฟ้องส่วนใหญ่ศาลก็ลงโทษ ตอนนี้อยู่ชั้นฎีกา เชื่อว่าของอย่างนี้มันปิดกันไม่ได้ คนเป็นร้อยๆ ทำอะไรจะไปปิดคนขนาดนั้นได้อย่างไร เรื่องอย่างนี้ก็ตั้งนานแล้ว” ผบ.ตร.กล่าว และว่า การปราบปรามการค้ามนุษย์เราตั้งใจทำ ผลงานเพิ่มขึ้นตลอด ขบวนการนี้ก็ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรขนาดที่จะมาเปลี่ยนแปลงประเทศอะไรขนาดนั้น ไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้นเราจัดการได้หมดอยู่แล้ว ถ้าพล.ต.ต.ปวีณไม่กล้าบอกใคร บอกตนส่วนตัวก็ได้

 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า  จะใช้คณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร สืบหาข้อมูลที่ได้อภิปรายต่อไป ก็คงจะเป็นการทำคู่ขนาน แต่ต้องยอมรับว่าช่องทางนี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้เราอยู่ในบรรยากาศที่ปลอดภัย ที่ พล.ต.ต.ปวีณจะสามารถกลับมาพบครอบครัวของเขาได้ เราคงต้องทำมากกว่านั้น บางทีการจะเริ่มต้นสู่กระบวนการที่ปลอดภัยมากที่สุดอาจจะต้องมีการเลือกตั้ง มีรัฐบาลใหม่ ซึ่งตนเชื่อว่าทั้ง 3 ป. มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับกระบวนการค้ามนุษย์ เราจะได้รับความเชื่อมั่นจากสังคมโลกได้อย่างไร หาก พล.ต.ต.ปวีณ ซึ่งเป็นมือปราบการค้ามนุษย์อันดับหนึ่งยังลี้ภัยอยู่ต่างประเทศและหวาดกลัว

เมื่อถามว่า อะไรทำให้มั่นใจว่า 3 ป.เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ข้อแรกไม่มีเหตุผลที่ พล.อ.ประวิตรย้าย พล.ต.ต.ปวีณไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องที่อันตรายจริงๆ คล้ายกับตำรวจคนอื่นที่ไปเสียชีวิตที่นั่น   ข้อสอง ตนมีแหล่งข่าวที่ยืนยันว่า พล.อ.อนุพงษ์มีความรู้มากในเรื่องกระบวนการค้ามนุษย์ที่ จ.ระนองแน่นอน อาจเพราะพล.อ.อนุพงษ์เป็นรัฐมนตรีมานาน ฝ่ายปกครองต่างๆ ก็น่าจะมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี การจะย้ายชาวโรฮีนจาหลายครั้ง จาก จ.ระนองไปที่ จ.สงขลา ต้องผ่านหลายจังหวัด จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับความร่วมมือจากฝั่งตำรวจฝั่งเดียวแล้วจบ แต่จะต้องได้รับความร่วมมือจากหลายอย่าง ดังนั้นใครมีส่วนสำคัญที่ทำให้กลไกของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นทหารเรือ  ฝ่ายปกครองและตำรวจ ให้เป็นกลไกที่ไม่มีประสิทธิภาพจนเกิดกระบวนการค้ามนุษย์ได้ คนคนนั้นต้องใหญ่จริงๆ ข้อสาม สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนที่รู้ทุกอย่างอยู่แล้ว เพราะเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้รับคำขอจาก พล.ต.ต.ปวีณให้ทบทวนคำสั่ง แต่ก็ไม่ทบทวน อีกทั้งยังยืนยันในสิ่งที่ พล.อ.ประวิตรได้ทำร่วมกับ ก.ตร.ในขณะนั้น การที่ไม่ทบทวนทั้งที่เป็นนายกรัฐมนตรี ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์เกี่ยวข้องกับการทำให้ปัญหาการค้ามนุษย์แย่ลงตลอด ทำให้ พล.ต.ต.ปวีณต้องลี้ภัย.