ธปท.ปลดล็อก กระตุ้นอสังหา ให้กู้เต็มเพดาน

“แบงก์ชาติ” ปลดล็อกมาตรการ LTV หวังฉีดเงินผ่านสินเชื่อเข้าระบบ 5 หมื่นล้านบาท บูมตลาดอสังหาฯ ปีนี้โตเพิ่ม 7% เปิดช่องปล่อยกู้ซื้อบ้านได้เต็มเพดาน 100% ไม่หวั่นหนี้เสียพุ่ง เชื่อมือแบงก์พิจารณาถี่ยิบก่อนเคาะ

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2564 นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ แม้มีแนวโน้มจะทยอยฟื้นตัวได้จากความคืบหน้าในการกระจายวัคซีนและการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด ทำให้เปิดประเทศได้เร็วกว่าคาด แต่การฟื้นตัวยังเปราะบางจากความไม่แน่นอนสูง และฐานะการเงินของบางภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบหนัก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาวะซบเซาจากอุปสงค์ที่อ่อนแอและภาคก่อสร้างที่ได้รับผลจากการระบาด

ทั้งนี้ ธปท.ประเมินแล้วเห็นว่า เพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและพยุงการจ้างงาน จึงควรเร่งเพิ่มเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีธุรกิจเกี่ยวเนื่องจำนวนมาก โดยเฉพาะจากกลุ่มที่ยังมีฐานะการเงินเข้มแข็ง หรือรองรับการก่อหนี้เพิ่มได้ ผ่านการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (มาตรการ LTV) เป็นการชั่วคราว

นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเสถียรภาพระบบการเงิน ธปท. กล่าวว่า เบื้องต้นประเมินว่าการดำเนินการผ่อนคลายมาตรการ LTV รวมถึงแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ จากรัฐเพิ่มเติม น่าจะช่วยสนับสนุนให้มีเม็ดเงินใหม่ๆ ผ่านการปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2564 เติบโตเพิ่มขึ้น 7% จากคาดการณ์มูลค่าการซื้อขายในปีนี้ที่ 8 แสนล้านบาท โดยเชื่อว่าจะส่งผลดีไปยังกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วย เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีซัพพลายเชนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ทั้งภาคก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง สินเชื่อ และธุรกิจประกัน โดยธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเหล่านี้คิดเป็น 9.8% ของจีดีพี รวมทั้งจะช่วยให้เกิดการจ้างงานกว่า 2.8 ล้านคน

“เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเริ่มฟื้นตัว ในระยะต่อไปหากไม่มีมาตรการอะไรออกมาเพิ่มเติม ภาคอสังหาฯ ก็จะใช้ระยะเวลายาวนานกว่าจะฟื้นตัว โดยเดิมที ธปท.คาดว่าภาคอสังหาฯ จะฟื้นตัวได้ในปี 2568 แต่เมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการ LTV ก็เชื่อว่าน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ต้องทำในภาพรวม ทั้งมาตรการด้านการเงินและมาตรการด้านการคลังควบคู่กันไป ซึ่งก่อนหน้านี้ปลัดคลังระบุว่าอยู่ระหว่างหารือกับมหาดไทยและสำนักงบประมาณ เพื่อพิจารณาขยายมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์ในการลดค่าโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% หลังอัตราดังกล่าวจะสิ้นสุดในเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและกระตุ้นกำลังซื้อในธุรกิจ” นายดอนกล่าว

สำหรับสาระสำคัญของการผ่อนคลายมาตรการ LTV ได้แก่ กำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) เป็น 100% (กู้ได้เต็มมูลค่าหลักประกัน) สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (รวมสินเชื่ออื่นนอกเหนือจากเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยและมีที่อยู่อาศัยนั้น เป็นหลักประกันหรือสินเชื่อ Top-up แล้ว) ทั้งกรณีมูลค่าหลักประกันต่ำกว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 2 เป็นต้นไปและกรณีมูลค่าหลักประกันตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 1 เป็นต้นไป โดยการผ่อนคลายนี้ให้เป็นการชั่วคราว สำหรับสัญญาเงินกู้ที่ทำสัญญาตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.2564 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2565

"การผ่อนปรนเกณฑ์ในครั้งนี้ ส่งผลให้ผู้ที่ต้องการกู้เงินซื้อบ้าน ขั้นต่ำสุดไม่ต้องวางเงินดาวน์เลย สามารถกู้ได้สูงสุด 100% ทุกระดับราคาบ้าน ซึ่งรวมถึงบ้านมือสองด้วย แต่ว่าจะได้ขนาดไหน ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงินจะพิจารณาความเหมาะสมและความสามารถในการกู้ของลูกค้า" นายดอนกล่าว.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง