นายกฯ ประกาศเพิ่มรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำกลุ่มแรกที่เข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัวเป็น 46 ประเทศ ระบุต้องฉีดวัคซีนครบโดสและเป็นผู้ปลอดเชื้อโควิด มีผล 1 พ.ย. รู้ดีว่าเป็นความเสี่ยงที่ต้องยอมรับ "สธ." เผยสถานการณ์แนวโน้มดีขึ้น ยอดหายป่วยมากกว่าติดเชื้อ อาการรุนแรงลดลง "กทม.-ปริมณฑล" สัญญาณดี ห่วง 4 จว.ชายแดนใต้ เร่งส่งวัคซีนเพิ่มให้ครบ 1 ล้านโดสป้องกันแพร่ระบาด "อนุกรรมการเสริมภูมิคุ้มกัน" เล็งประกาศฉีดวัคซีนไขว้แอสตร้าฯ-ไฟเซอร์ ฉีดซิโนฟาร์ม 2 เข็มรอกระตุ้นต้นเดือน ธ.ค.
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม มีความคืบหน้าการเตรียมเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ซึ่งที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ พิจารณาและเห็นชอบเรียบร้อยแล้วนั้น ต่อมาช่วงค่ำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า หลังจากที่ผมได้ประกาศแผนยกเลิกการกักตัวสำหรับผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย โดยจะต้องเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เดินทางเข้าประเทศโดยทางอากาศ และเดินทางมาจากประเทศที่เราจัดว่าเป็นกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ เราจะเห็นได้ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเราประกาศออกไป ประเทศอื่นๆ เช่น อเมริกาและประเทศในภูมิภาคของเรา ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย (บาหลี) ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และมาเลเซีย ต่างก็กำลังทำเช่นเดียวกัน รวมทั้งมีการผ่อนคลายมาตรการข้อบังคับต่างๆ และนอกจากนั้น หลายๆ ประเทศที่เป็นนักท่องเที่ยวของประเทศไทย ก็เพิ่งประกาศผ่อนคลายให้ประชาชนของประเทศเค้าเดินทางออกนอกประเทศได้ง่ายขึ้น
เมื่อเราเห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยนเป็นแบบนี้แล้ว จากที่ในเบื้องต้นผมตัดสินใจว่าเราจะพิจารณาประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำเพื่อจะให้เดินทางเข้าไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัวอยู่ที่ประมาณ 10 ประเทศ แล้วจึงจะค่อยๆ เพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้น ตอนนี้ผมคิดว่าในสถานการณ์ใหม่ ถ้าเราต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยให้มาก เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและภาคธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่เดือดร้อนกันอย่างมากมานาน เราจำเป็นที่จะต้องเดินหน้าเร็วกว่านั้น และทำตั้งแต่ตอนนี้ เพราะการที่จะรอให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบก่อนนั้น จะทำให้เราช้าเกินไป อีกทั้งนักท่องเที่ยวอาจจะตัดสินใจเลือกเดินทางไปประเทศอื่นไปก่อน
ดังนั้นหลังจากได้ปรึกษาหารือกับหลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ผมดีใจที่วันนี้ จะแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า เราจะเพิ่มจำนวนรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำกลุ่มแรก ที่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัวเป็น 46 ประเทศ ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศ และมีหลักฐานปลอดเชื้อโควิด โดยมีการตรวจก่อนออกเดินทาง และตรวจเมื่อมาถึงประเทศไทย ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ทุกประเทศดังกล่าวคงต้องพิจารณาความเสี่ยงของประเทศไทยด้วยเช่นกัน ก่อนที่จะอนุญาตให้คนของประเทศเขาเดินทางมาประเทศไทยได้ ผมขอขอบคุณกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันทำภารกิจที่เต็มไปด้วยความกดดันนี้ พยายามแก้ไขและจัดการกฎระเบียบ ขั้นตอน และกระบวนการต่างๆ มากมายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งผมรู้ว่า ทุกคนทุกฝ่ายพยายามกันอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้พี่น้องประชาชนสามารถกลับมาทำมาหากินกันได้อีกครั้ง โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เป็นความเสี่ยงที่ต้องยอมรับ
เราต้องเร่งเครื่องเตรียมความพร้อม และผมได้ขอให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งเครื่องเรื่องการฉีดวัคซีนให้เร็วมากยิ่งขึ้นไปอีก แม้ว่าเราจะติดอันดับอยู่ในกลุ่มประเทศที่ฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุดในโลกอยู่แล้วก็ตาม
เรารู้ดีว่า การเร่งเดินหน้าอย่างรวดเร็วนี้ ย่อมมีความเสี่ยงที่จำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่เราต้องยอมรับ ผมคิดว่าตอนนี้ประเทศไทยเอง รวมถึงประเทศอื่นๆ ในโลก ต่างก็มีความสามารถในการรับมือกับความเสี่ยงของโควิด-19 ได้ดีขึ้น และเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิด-19 ให้ได้
"เราทุกคนมีบทบาทสำคัญในการช่วยกันลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาด ด้วยการการ์ดไม่ตก ผมขอให้ทุกคนยังคงรักษามาตรการทางสาธารณสุข มีวินัยในการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลอยู่เสมอ เพื่อที่เราจะได้เก็บเกี่ยวเรื่องดีๆ เล็กๆ น้อยๆ จากช่วงเทศกาลวันหยุดสิ้นปีนี้กันได้บ้าง" พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,727 ราย ผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 10,075 ราย ซึ่งมีแนวโน้มมากกว่าการติดเชื้อใหม่ ขณะที่ผู้ป่วยปอดอักเสบ 2,687 ราย ซึ่งลดลงมากว่าครึ่งหนึ่งจากตอนที่มีสถานการณ์ระบาด ส่วนผู้ใส่ท่อช่วยหายใจจากเดิมเคยพบวันละ 1,300 ราย ลดเหลือ 603 ราย อย่างไรก็ตาม ผู้เสียชีวิตใหม่ 73 ราย เราจะพยายามลดให้เหลือน้อยที่สุด ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกคงตัวอยู่ที่ 3-4 แสนรายใหม่ต่อวัน ส่วนไทยสถานการณ์เบาบางลง แต่ยังมีผู้ติดเชื้อค่อนข้างมากถ้าเทียบกับในอาเซียนที่มีการติดเชื้อมากคือ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์
"แนวโน้มการระบาดของไทยลดลง ที่เห็นชัดเจนคือกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สถานการณ์ดีขึ้น สอดคล้องกับการระดมทุกภาคส่วนในการควบคุมและการฉีดวัคซีนที่ค่อนข้างดี แต่ที่ต้องจับตาคือการระบาดในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดนใต้ โดย ศบค.ได้ตั้ง ศบค.ส่วนหน้าภาคใต้ ได้กระชับการดำเนินการบูรณาการภาครัฐ เอกชน ประชาชน และประชาสังคม ทาง สธ.โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข มีนโยบายส่งวัคซีนลงไปฉีด 4 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อควบคุมการระบาด กรมควบคุมโรคจึงส่งล็อตแรกประมาณ 5 แสนโดส และสัปดาห์นี้จะส่งอีก 5 แสนโดส ให้ครบ 1 ล้านโดส เพื่อควบคุมการระบาดไม่ให้ลุกลามไปพื้นที่อื่นของประเทศ" นพ.โอภาสกล่าว
นอกจากนี้ยังมีบางพื้นที่ที่มีแนวโน้มการระบาดเพิ่มเติม นอกจาก 4 จังหวัดชายแดนใต้แล้ว ยังมี จ.นครศรีธรรมราช ตาก ระยอง จันทบุรี เชียงใหม่ และขอนแก่น ซึ่งต้องระดมสรรพกำลังหน่วยงานต่างๆ ร่วมมือกัน ทาง สธ.จะส่งวัคซีน และเวชภัณฑ์ บุคลากร ไปสนับสนุนเพิ่มเติม
อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า สำหรับการฉีดวัคซีนในวันนี้เพิ่มขึ้น 915,956 โดส สะสมแล้ว 68,503,058 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 39,039,849 ราย คิดเป็น 54.2%, เข็มสอง 27,405,800 ราย คิดเป็น 38% และเข็มสาม 2,057,409 ราย คิดเป็น 2.9% ทั้งนี้ ตามเป้าหมายแผนเดิมที่กำหนดไว้สิ้นปี 2564 เราจะฉีดวัคซีนได้ 70 ล้านโดส เชื่อว่าในสัปดาห์น่าจะเกินเป้าหมาย ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่วางไว้ 2 เดือนกว่า
เล็งฉีดไขว้แอสตร้าฯ-ไฟเซอร์
"นโยบายของนายกฯ ที่กำหนดให้ฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โดยให้ฉีดให้ได้ 100 ล้านโดส เราคาดว่าจะฉีดได้ถึงเป้าในช่วงเดือนพ.ย.หรือต้นเดือน ธ.ค. โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนมากที่สุดคือผู้สูงอายุ กลุ่มโรคประจำตัวเรื้อรัง อสม.และบุคลากรสาธารณสุข ซึ่งมีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ ประเทศไทยมีอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจติดอันดับต้นๆ ของโลก" อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว
นพ.โอภาสกล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการประชุมอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ได้พิจารณาเรื่องการให้วัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กนักเรียน ซึ่งเราได้ดำเนินการไปตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. ขณะนี้ผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ ก็ได้มีการฉีดให้กับนักเรียนแล้วจำนวน 2 ล้านโดส ซึ่งสิ่งที่เราจะต้องพิจารณา เนื่องจากวัคซีนไฟเซอร์ได้รับความเห็นชอบจาก อย.ให้ฉีดในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ซึ่งมีข้อกังวลในเรื่องความปลอดภัยกับประสิทธิภาพ ตัวจัดการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญพบว่าวัคซีนไฟเซอร์ที่นำมาฉีดให้กับเด็กนักเรียนอายุ 12 ปีขึ้นไป ถ้าฉีด 2 เข็มจะมีระดับภูมิคุ้มกันเพียงพอ ต่อต้านกับเชื้อไวรัสเดลตาได้เมื่อเทียบกับเข็มแรก
"ผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ได้ให้ข้อมูลกับอนุกรรมการฯ ว่า ขณะนี้มีคนที่ฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม 2 เข็มไปพอสมควร ส่วนใหญ่ครบ 2 เข็มในเดือน ก.ค.เป็นต้นไป เพราะฉะนั้นจะกำหนดครบวัคซีนเข็มกระตุ้นในปลาย พ.ย.ถึงต้น ธ.ค. ทั้งนี้ ทางอนุกรรมการฯ ได้ขอให้ทางโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ได้ส่งข้อมูลเอกสารหลักฐานที่มีการศึกษาพบว่าจำเป็นที่ต้องฉีดเข็มกระตุ้น เพื่อให้คณะอนุกรรมการฯ ได้ใช้เป็นข้อมูลประกอบ ก่อนที่จะได้มีการประกาศก่อนที่จะให้ประชาชนได้อีกต่อไป โดยเราจะรีบพิจารณา แล้วจะมีการประกาศฉีดวัคซีนต่อไป" อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว
ถามว่าสูตรวัคซีนไขว้แอสตร้าเซนเนก้าและไฟเซอร์จะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการได้เมื่อไหร่ นพ.โอภาสกล่าวว่า สูตรนี้ทางอนุกรรมการฯ ได้อนุญาตให้ฉีดได้แล้วคงรอการประกาศอีกครั้ง เนื่องจากเราจะต้องดูปริมาณวัคซีนที่มี คงจะอนุญาตนำเรียนสูตรไขว้ที่อนุกรรมการฯ ได้ให้คำแนะนำทุกสูตรมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยใกล้เคียง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าฉีดสูตรไหนก่อนหลัง เพราะขณะนี้สิ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทยและ สธ.ได้ดำเนินการพยายามจะหาสูตรวัคซีนที่จะฉีดให้กับประชาชน รวมถึงท่านที่ต้องการจะฉีดบูสเตอร์คงไม่ต้องกังวล เพราะขณะนี้ประเทศไทยได้จองวัคซีนสำหรับปี 2565 โดยที่นายกฯ ได้เห็นชอบในการจัดหาวัคซีนไว้ 120 ล้านไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นมีวัคซีนเพียงพอ ซึ่งจะมีการแจ้งให้กับประชาชนในการฉีดวัคซีนเป็นระยะ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บิ๊กอ้วนตอกยํ้า แจก‘เงินดิจิทัล’ ‘อนุสรณ์’เตือน
“ภูมิธรรม” ยันรัฐบาลเร่งแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ
อิ๊งค์หาเสียงฟุ้งพท.มาคนจนรวยแน่
"หัวหน้าอิ๊งค์” ลุยนครพนม ช่วย “อนุชิต” ผู้สมัครนายก อบจ.เพื่อไทยหาเสียง
รพ.ตำรวจอึมครึม เวชระเบียนชั้น14
เส้นตายพุธนี้! แพทยสภาสอบหมอช่วย "ทักษิณ" อึมครึม "แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ" ปัดตอบส่งเอกสารหรือยัง
‘จ่าเอ็ม’เครียด อุบ‘ผู้มีบุญคุณ’ ตร.หิ้วฝากขัง!
ตำรวจเค้นสอบ “จ่าเอ็ม” ตลอดคืน ยังให้การไม่เป็นประโยชน์คดียิงอดีต
จับตา!เคาะ‘กาสิโน’ คลังชงเข้าครม.ไฟเขียว/นักวิชาการชี้ผลประโยชน์ทับซ้อน
จับตา “คลัง” เล็งชงเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เข้า ครม.จันทร์นี้หรือไม่ หลัง
‘จุรินทร์’ เผย8ปัจจัย การเมืองปี68เดือด!
"จุรินทร์" เปิด 8 ปัจจัยการเมืองปี 2568 จับตามีคดีความที่มีผู้ร้องไปยื่นร้องนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องที่ค้างอยู่อย่างน้อย