ปปป.จ่อนิมนต์ ‘11เจ้าอาวาส’ คุ้ยเงินทอนวัด

บก.ปปป.เตรียมนิมนต์ 11 เจ้าอาวาสในพื้นที่ จ.นครนายก มาให้ปากคำอีกครั้งว่าเกี่ยวข้องกับเจ้าคุณแจ๊คหรือไม่ ระบุออกหมายแดงให้อินเตอร์โพลล่าหัว “นพรัตน์” ยกครัวแล้ว “เพชรวรรต” เผยชาวพุทธไม่พอใจปฏิบัติการล้างอลัชชีใหญ่โตเกินงาม จ่อเรียกมาให้ข้อมูล กมธ.

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ก.พ. ยังคงมีความต่อเนื่องกรณีตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ เปิดปฏิบัติการล้างบาปปราบอลัชชีสางต่อคดีทุจริตเงินทอนวัดเฟส 4 เมื่อวันศุกร์ที่ 18 ก.พ. ที่มีการบุกรวบพระสิทธิวรนายก หรือเจ้าคุณแจ๊ค เจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียน และรองเจ้าคณะจังหวัดนครนายก

โดยล่าสุด พ.ต.อ.พิทักษ์ วาฤทธิ์ ผกก.2 บก.ปปป. กล่าวว่า ชุดคลี่คลายคดีอยู่ระหว่างขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินกลุ่มบุคคลใกล้ชิดพระสิทธิวรนายก  และนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เพื่อติดตามเงินส่วนที่หายไปอีกกว่า 90 ล้านบาท และเตรียมเชิญตัว 11 เจ้าอาวาสวัดต่างๆ ในพื้นที่ จ.นครนายก ประกอบด้วย วัดสมบูรณ์สามัคคี, วัดช้าง, วัดท่าซุง, วัดหนองโพธิ์, วัดบ้านนุ่ง, วัดนาบุญ, วัดดงละคร, วัดโพธิ์งาม, วัดปทุมวงษาวาส และวัดธรรมารังสฤษฏ์วัดบางเตย กลับมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับพระสิทธิวรนายก และนายนพรัตน์ ในการทุจริตบูรณะซ่อมแซมวัดดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งหากมีส่วนเกี่ยวข้อง อาจมีการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา

พ.ต.อ.พิทักษ์ยังกล่าวถึงการติดตามตัวนายนพรัตน์ นางพัทธานันท์ เบญจวัฒนานันท์ ภรรยาของนายนพรัตน์ และ น.ส.ณัฏฐาภรณ์ ทุน บุตรสาวของนางพัทธานันท์ ซึ่งเป็นสามผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครนายกนั้น คาดว่าน่าจะหลบหนีซ่อนตัวอยู่ต่างประเทศ เบื้องต้นจึงเตรียมทำเรื่องประสานไปยังองค์การตำรวจสากล พิจารณาออกหมายแดงแล้วแจ้งให้ประเทศสมาชิกทั้ง 194 ประเทศทั่วโลก ช่วยแจ้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อเร่งติดตามจับกุมตัวนำกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้านนายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ (พช.) ในฐานะรองประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18-21 ก.พ. ได้ลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย ในการจัดงานสัมมนาเรื่อง "การจัดทำบัญชีทรัพย์สินของวัด และการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้ในการสร้างวัดตามมติคณะรัฐมนตรี" ซึ่งได้รับการร้องเรียนจากพระสงฆ์และประชาชนเป็นจำนวนมากถึงปฏิบัติการล้างบาปปราบอลัชชี ว่าจะเป็นการเชิดชูพระพุทธศาสนาให้ดีขึ้น หรือทำให้พุทธศาสนาเสื่อมเสียมากกว่าเดิม เพราะเป็นการนำเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกสู่ที่รโหฐานของพระภายในวัด และนำนักข่าวเข้าไปทำข่าวด้วย ทำให้ชาวพุทธจำนวนไม่น้อยไม่สบายใจว่าจะทำให้ความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ที่เสื่อมถอยอยู่แล้ว จะยิ่งแย่กว่าเดิมหรือไม่

นายเพชรวรรตระบุว่า การห่มดองครองผ้า โดยปกติพระจะดำเนินกิจกรรมสงฆ์อยู่ แต่การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังเข้าไป จะผิดตามมาตรา 206 และ 207 หรือไม่ ซึ่งจะมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาท ถึง 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะอาจทำให้พุทธศาสนาเสื่อมเสีย รวมถึงพระสงฆ์ผู้ต้องคดี และเห็นว่าเพื่อให้เกิดความสบายใจของประชาชนชาวพุทธที่ร้องเรียนมายัง กมธ. ก็จะเสนอให้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติการดังกล่าว เข้ามาชี้แจงในชั้น กมธ. เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง