‘แรมโบ้’กะซวก‘โทนี่’ ปชป.เมืองคอนเดือด!

"แรมโบ้อีสาน" ซัดกลับ "โทนี่" ร่วมงานกัน 20 ปี ผิดหวังพบว่าตนเองอยู่กับหัวหน้าโจรที่ทุจริตคอร์รัปชัน  เผย "เจ้าแม็กซ์" เป็นหมาฉลาด กัดเจ้าของเพราะรู้ว่าเป็นคนไม่ดี แฉโครงการมูลค่า 2.2 ล้านล้านบาทสมัยยิ่งลักษณ์มี "เสี่ย ป." เดินทางไปพบ พูดคุยเรื่องผลประโยชน์ ส่วนแบ่ง ค่าคอมมิชชั่น มีอักษรย่อ ช. อยู่ปักกิ่งเป็นคนวางแผนเดินเกมเรื่องเงินทอน

หลังเพจเฟซบุ๊ก CARE คิด เคลื่อน ไทย โพสต์ข้อความบางส่วนของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษหนีคุกคดีคอร์รัปชัน หรือโทนี่ วู้ดซัม   ร่วมสนทนาในรายการ Care Talk x Care ClubHouse ตอน "จุดสิ้นสุดรัฐบาลตู่    พลิกเกมสู้ของแพง" ซึ่งมีเนื้อหาโจมตีรัฐบาล

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีนายทักษิณพูดถึงตนเองและเล่าเรื่องเลี้ยงสุนัข 50 ตัวในบ้านว่า อยากจะชี้แจงข้อเท็จจริงว่าไม่มีใครรู้จักนายโทนี่เท่ากับตนเองแล้ว เพราะเป็นคนที่ทำให้นายโทนี่ได้เป็น ส.ส.สมัยแรกในปี 2538 ในนามพรรคพลังธรรม  เพราะนายโทนี่ให้อดีต ผบ.ทบ.คนหนึ่งโทร.ตามตนเองให้เข้ามาช่วยในการเลือกตั้ง ดังนั้นไม่ควรที่จะเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับสุนัขที่บ้านว่าไม่รู้จักบุญคุณคน

เขาบอกว่า ตั้งแต่ทำงานร่วมกับนายโทนี่และครอบครัวชินวัตรเป็นเวลากว่า 20 ปี ต้องยอมรับว่าผิดหวัง เพราะคิดว่านายโทนี่เป็นหัวหน้า คนที่จะมาบริหารประเทศเป็นคนดี ทุ่มเททำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่แสวงหาประโยชน์ ซื่อสัตย์ แต่เวลาผ่านไป กลับพบว่าตนเองอยู่กับหัวหน้าโจรที่ทุจริตคอร์รัปชัน มีแต่ญาติพี่น้องเข้ามาครอบงำในเรื่องของงบประมาณ ซึ่งคนในพรรคทราบเรื่องนี้ดี

ส่วนที่นายโทนี่กล่าวหาตนเองเป็นกิ้งกือไส้เดือน หรือเล่าเรื่องสุนัขที่บ้านชื่อแม็กซ์ ชอบมากัดเจ้าของตลอด มีลักษณะเปรียบเทียบเป็นตนเองนั้น นายเสกสกลชี้แจงว่า หากเจ้าของหมาเป็นคนดี ประวัติดี ไม่เป็นหัวหน้าโจร เจ้าแม็กซ์ เป็นสุนัขฉลาดก็คงไม่กัด

 “ผมต้องขอยกย่องชื่นชมเจ้าแม็กซ์สุนัขตัวนี้ด้วยซ้ำ ที่มันฉลาดรู้ว่าเจ้าของเป็นคนขี้โกง และนายโทนี่ไม่ควรที่จะด้อยค่า ส.ส.ในเครือข่ายของตัวเองเปรียบเทียบเป็นสุนัขที่เลี้ยงไว้ของคุณโทนี่เช่นเดียวกัน และบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือคนในพรรคน่าจะคิดได้แล้วว่าถูกมองอย่างไร้ค่า ส.ส.จะยอมเสียศักดิ์ศรีให้กับคนที่มาดูถูกดูแคลนเช่นนี้ได้อย่างไร ซึ่งผมอายแทนพี่น้องประชาชน”

นายเสกสกลเผยว่า ในขณะที่ตนอยู่พรรคไทยรักไทย ได้เห็นพฤติกรรมของนายโทนี่เป็นหัวหน้าโจร เอาครอบครัวมาแสวงหาผลประโยชน์ ในประมาณปี 2546-2547 มีตัวแทนภาคประชาชนมาร้องเรียนกับตัวเอง ซึ่งขณะนั้นเป็น ส.ส.ด้วย ถึงความไม่ชอบมาพากลโครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่อาจจะมีการทุจริตเสียหายต่อรัฐประมาณ 500 ล้านบาท ตนจึงเข้าพบนายทักษิณสมัยนั้นเป็นนายกฯ ชี้แจงเรื่องราวต่างๆ พร้อมเอกสาร แต่นายทักษิณกลับบอกให้เลขาฯ ส่วนตัวรับไปจัดการเรื่องนี้ สุดท้ายโครงการก็ผ่านไปได้โดยที่ไม่มีการตรวจสอบ และยังให้เลขาฯ ส่วนตัวโทร.มาบอกตนว่าอย่าเข้าไปยุ่ง ปล่อยไปให้เขาทำไป

นอกจากนี้ ยังมีโครงการมูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท ในสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีเสี่ย ป. เดินทางไปพบนายโทนี่ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ตนไปพบนายโทนี่พูดคุยเรื่องงานบ้านเมือง แต่ปรากฏว่าตนไม่ได้คุยเรื่องงานเลย นายโทนี่ไม่มีเวลาให้ เพราะนายโทนี่มีแต่เวลาคุยเรื่องผลประโยชน์ใต้โต๊ะกับเจ้าของบริษัทต่างๆ หลายบริษัท ขากลับตนมีโอกาสเดินทางกลับมาพร้อมเสี่ย ป. โดยเครื่องบินส่วนตัวของเสี่ย ป. และเสี่ย ป. ได้เล่าข้อมูลให้ฟังว่าไปพบนายทักษิณ พูดคุยเรื่องผลประโยชน์ ส่วนแบ่ง ค่าคอมมิชชั่น และเรื่องนี้คนที่รู้ดีที่สุดอีกคนคือเพื่อนรักนายทักษิณ ที่มีอักษรย่อ ช. อยู่ปักกิ่ง เป็นคนวางแผนเดินเกมให้นายทักษิณในการจัดการเรื่องเงินทอน

ป้องบิ๊กตู่ฉะทักษิณ

นายเสกสกลยังระบุถึงกรณีที่นายโทนี่ กล่าวหาว่านายกฯ ประยุทธ์ให้ตนเองไปตั้งพรรคการเมือง และบอกว่านายกฯประยุทธ์ทำตัวเหมือนพญาหงส์ไม่กล้าลงหนองน้ำเล็ก ปล่อยให้กิ้งกือไส้เดือนอย่างตนเองไป ยืนยันว่าการไปตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ นายกฯ ประยุทธ์ไม่ได้เป็นผู้สั่งการ เป็นการคิดและดำเนินการด้วยตนเอง ตนเห็นว่าชื่อพรรคดี มีความหมายดี  ตนจึงสนับสนุนพรรคนี้ ไม่เกี่ยวอะไรเลยกับนายกฯ เพราะท่านนายกฯ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวสั่งการตนกับเรื่องพรรคนี้

เขากล่าวว่า ไม่เหมือนในอดีตที่นายทักษิณได้เป็น ส.ส. และเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรมเพราะ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และตอนหลังตามกระทืบตามกัด พล.ต.จำลองแบบเอาเป็นเอาตาย จน พล.ต.จำลองต้องเอามวลชนมาขับไล่ คนที่เนรคุณ พล.ต.จำลอง ที่อุตส่าห์สนับสนุนให้ลงสู่ถนนการเมืองแบบนี้ใช้ได้หรือไม่ ตัวอย่างผู้นำที่เนรคุณผู้มีพระคุณ ทำกับพล.ต.จำลองเช่นนี้ใช้ได้หรือไม่ ทั้งนี้ ตนยังมีข้อมูลของนายทักษิณอีกมากมายที่ยังไม่อยากเอามาพูดในตอนนี้

"อย่ามากล่าวหาว่าผมเป็นกิ้งกือ ไส้เดือน เพราะกิ้งกือไส้เดือนคนนี้แหละที่เคยทำให้นายทักษิณได้เป็น ส.ส. เป็นนายกฯ มาแล้ว และหากตัวเองจะเปรียบเปรยนายโทนี่บ้าง ก็คงจะเปรียบเป็นตัวเงินตัวทองก็ได้ เพราะกินแต่ของสกปรก ซากปลาตายในน้ำไม่ได้มีประโยชน์อะไร แตกต่างกับกิ้งกือไส้เดือนที่ยังเป็นประโยชน์กับดินไว้ปลูกพืช”

นายเสกสกลกล่าวอีกว่า นายโทนี่ต้องย้อนกลับไปดูว่าที่ร่ำรวยเพราะอะไร ทุกคนรู้ว่าวิ่งไปมุดกราบตีนบิ๊กทหารคนหนึ่งในยุค รสช. จนได้สัมปทานดาวเทียมไทยคม และเอาผลประโยชน์ของคนไทยไปออกกฎหมายขายในยุคที่นายทักษิณเป็นนายกฯ จนทำให้ลูกน้องที่เป็นรัฐมนตรีติดคุกมาแล้ว ทำไมลืมง่ายจัง

"นายโทนี่รู้ดีทุกเรื่องในจักรวาลใบนี้ รู้กระทั่ง ส.ส.เพื่อไทยคนไหนกำลังจะรับเงินขายตัวคนละ 20-30 ล้านบาทมาอยู่ขั้วรัฐบาล แต่นายโทนี่ไม่รู้อยู่เรื่องเดียวว่าตัวเองจะได้กลับมาติดคุกคดีโกงเมื่อไร และจะได้กลับบ้านเมื่อไร" นายเสกสกล กล่าว

ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ระบุว่า นายทักษิณออกมาพูดว่า “…วันนี้หยุดทรมานคนไทยด้วยเศรษฐกิจเฮงซวยได้แล้ว…” แต่ผมคิดว่า “…..คนโกงชาติแล้วหนี ยังกล้าออกมาสอนคนนั้นคนนี้แบบไม่สำนึก เฮงซวยมากกว่า…..”

ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณระบุมีการฉีดวัคซีนให้ ส.ส.ฝ่ายค้านว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เชื่อว่าเจ้าตัวรู้ดีอยู่แก่ใจ  ไม่ขอไปวิพากษ์วิจารณ์ใคร แต่เชื่อว่า ส.ส.ทุกคนอยากกลับเข้ามาสภาในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ดังนั้นจึงมั่นใจว่าถึงที่สุดแล้วไม่มีใครกล้าหันหลังให้กับพรรคเพื่อไทยที่ประชาชนเขาคาดหวังให้เข้ามาแก้วิกฤตที่รัฐบาลนี้ทำไว้

 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นข่าวมาโดยตลอด แต่จำนวนเงินเท่าไหร่ ไม่มั่นใจ แต่พฤติกรรมที่ฝ่ายค้านไปร่วมรัฐบาลมีตลอด เมื่อก่อนเราเรียกงูเห่า ส่วนจะเป็นใครหรือไม่อย่างไร ตนไม่ทราบ แต่มีหลายรายที่ทางพรรคได้ตักเตือนและลงโทษไปก่อนหน้านี้ และเชื่อว่าคงไม่ได้มีแต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้หาหลักฐานยากเพราะเต็มใจกันทั้งผู้รับผู้ให้ แต่หากเรามีข้อมูล ต้องใช้กระบวนการสอบสวนตามระบบของพรรค แต่ที่สุดแล้วถ้าใครอุดมการณ์เปลี่ยนแปลงไปตามอำนาจเงิน การเลือกตั้งครั้งต่อไปเราก็ไม่ส่งลงสมัครเท่านั้นเอง และเชื่อว่าประชาชนจะตัดสินคนเหล่านี้ในการเลือกตั้งในที่สุด

ปชป.เมืองคอนเดือด!

วันเดียวกัน นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสุนทร รักษ์รงค์ เลขาธิการสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สคยท.) ได้ประกาศตัวและขึ้นป้ายโฆษณาแนะนำตัวทั่วพื้นที่อำเภอชะอวด, จุฬาภรณ์, ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ว่าเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่า ต้องขอขอบคุณที่นายสุนทรมีความสนใจที่จะร่วมอุดมการณ์กับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศเพียงแค่ว่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป จ.นครศรีธรรมราชจะมีเขตเลือกตั้งทั้งหมด 9 เขต ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะมอบหมายให้ กกต.จังหวัดแบ่งเขตการเลือกตั้งเมื่อใด เพราะฉะนั้นเขตการเลือกตั้งก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้

รวมทั้งหากมีการแบ่งพื้นที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครของพรรค จะส่งรายชื่อให้สมาชิกพรรคพิจารณาว่าใครจะลงสมัครในเขตเลือกตั้งไหน และนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารพรรค ตามหลักการที่พรรคทำมาตลอดว่า ‘ส่งเสริมคนใหม่ ใส่ใจคนเดิม’ ดังนั้น การที่นายสุนทร ประกาศตัวไปล่วงหน้าแบบนี้ อาจจะทำให้ชาวบ้านในเขตพื้นที่มีความสับสนและสงสัย อีกทั้งถือเป็นการไม่เคารพต่อสมาชิกรายอื่นๆ ที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาจากพรรคให้เป็นผู้สมัคร ส.ส. อย่างเป็นทางการอีกด้วย

นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวถึงกรณี 3 ส.ส.ที่แยกตัวจากกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ไม่ตามไปอยู่พรรคเศรษฐกิจไทยด้วย แต่ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยแล้วว่า ไม่เกินความคาดหมาย ได้ยินมาตลอด รู้นานแล้วว่าเขาจะไปอยู่ที่พรรคภูมิใจไทย แต่ไม่คิดว่าเขาจะไปตอนนี้ อย่างไรก็ตามก็อยู่ที่อุดมการณ์มากกว่า เรื่องนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่ได้พูดอะไร

ส่วนกระแสข่าวว่ามี ส.ส. 5 คนในกลุ่มที่ย้ายไปอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย อยากกลับมาพรรคพลังประชารัฐนั้น นายไผ่ กล่าวว่า เรื่องนี้คงไม่มีหรอก เป็นการตีกินทางการเมืองมากกว่า ถามว่าถ้าทั้ง 5 คนอยากกลับไปจริง แล้ววันนั้นเขาจะออกมาพร้อมกับพวกเราทำไม ยืนยันว่าทุกคนออกมาด้วยความเต็มใจ ทุกคนต่างบอกว่ารู้สึกสบายใจขึ้น มีอิสระมากขึ้น ที่บอกว่า 5 คนนั้น ตนว่าอย่าว่าถึง 5 คนเลย ขอแค่คนเดียวก่อนดีกว่า เอาชื่อคนที่ว่านั้นมาเปิดเผยให้ดูก่อนดีกว่า และเห็นว่าทางพรรคพลังประชารัฐก็อยากมาพรรคเศรษฐกิจไทยเยอะเหมือนกัน ขอให้รอดู

  ที่ อ.เมืองฯ จ.ยโสธร คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย เปิดตัวนางสุภาพร สลับศรี, นายวรายุทธ จงอักษร และนายสรวิศ เดชเสน เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ยโสธร พรรคไทยสร้างไทย โดยนางสุภาพรเป็นว่าที่ผู้สมัครในเขตเลือกตั้งที่ 1 อดีตเคยเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร มีประสบการณ์ด้านสาธารณสุข เคยเป็นพยาบาลวิชาชีพมายาวนานถึง 20 ปี นายวรายุทธเป็นว่าที่ผู้สมัครในเขตเลือกตั้งที่ 2 จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนเข้าสู่ถนนการเมืองเคยทำงานในภาคเอกชน ประสบความสำเร็จด้านการนำเข้าสินค้าเคมีภัณฑ์ เมื่อเห็นความเหลื่อมล้ำในบ้านเกิด จึงตัดสินใจร่วมงานกับพรรคไทยสร้างไทย เพื่อแก้ปัญหาให้คนในท้องถิ่น ทั้งราคาพืชผลทางการเกษตร การแก้ปัญหาระบบชลประทาน โดยเฉพาะปัญหาน้ำทำการเกษตร ส่วนนายสรวิศ เดชเสน ทายาทนายวิสันต์ เดชเสน อดีต ส.ส. 8 สมัย ได้รับมอบหมายจากพรรคให้เป็นว่าที่ผู้สมัครเขต 3 เคยเป็นวิศวกรด้านซอฟต์แวร์ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในระดับสูง โดยเฉพาะการพัฒนา App K Plus.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟ้องต้นตอหมอคางดำ

สภาทนายความฯ เตรียมฟ้องแพ่งบิ๊กเอกชน-หน่วยงานรัฐ ต้นตอ "เอเลี่ยนสปีชีส์"

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์