เปิดวิสัยทัศน์ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. 4 คน ถกปัญหา "รถไฟฟ้าสายสีเขียว" โดยทั้งหมดคัดค้านการขยายสัมปทานให้เอกชนไปอีก 30 ปี พร้อมหนุนการจัดทำค่าโดยสารราคาถูก จัดทำตั๋วร่วมเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 10 สายราคาเดียว "ซูเปอร์โพล" เผย ปชช.ส่วนใหญ่ระบุปัญหาขัดแย้งรถไฟฟ้าสายสีเขียวน่าเคลือบแคลงสงสัย ผลประโยชน์การเมืองระหว่างกระทรวงคมนาคมกับบริษัทเอกชน
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ มีการเสวนาออนไลน์ในหัวข้อ “รถไฟฟ้าต้องถูกลง ทุกคนต้องขึ้นได้ ผู้ว่าฯ กทม.ช่วยได้หรือไม่” จัดโดยสภาองค์กรของผู้บริโภค โดยมีว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. 4 คนเข้าร่วม
โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. อิสระแสดงความเห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอสในปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมาเกิดปัญหาตั้งแต่มีการว่าจ้างให้เอกชนเดินรถส่วนต่อขยายไปจนถึงปี 2585 โดยใช้อำนาจพิเศษ และไม่มีใครเคยเห็นสัญญา และมีความพยายามที่จะมีการขยายสัมปทานไปอีก 30 ปี ถึงปี 2602 มีการกำหนดราคาสูงสุด 65 บาท โดยไม่ผ่านกระบวนการกฎหมาย พ.ร.บ.ร่วมทุน ทำให้มีปัญหาความโปร่งใสตั้งแต่ต้น
นายชัชชาติเสนอ 5 ประเด็น คือ 1.ต้องไม่มีการขยายสัมปทานให้เอกชน ที่จะเป็นภาระให้คนรุ่นไปอีก 1 เจเนอเรชัน และนำกลับมาสู่กระบวนการกฎหมายร่วมทุน 2.กทม.ต้องเร่งเจรจาแก้ปัญหาหนี้ค่าจ้างเดินรถ/และภาระหนี้จากการรับโอนโครงข่าย 100,000 ล้านบาท โดย กทม.ไม่ควรเข้าไปแบกรับภาระการก่อสร้างส่วนต่อขยายสายสีเขียว เพราะที่ผ่านมารถไฟฟ้าเส้นอื่นๆ รัฐบาลก็รับภาระค่าก่อสร้างงานโยธา 3.ต้องเร่งดำเนินการให้ได้ข้อสรุปเรื่องค่าโดยสารส่วนต่อขยายทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ ซึ่งเปิดวิ่งมาแล้ว 3 ปีแต่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการเก็บค่าโดยสาร
4.ต้องเอาสัญญาค่าจ้างเดินรถถึงปี 2585 มาเปิดเผย เพื่อให้รู้ต้นทุนที่แท้จริงและนำไปสู่การคำนวณค่าโดยสารที่ถูกต้อง หลังหมดสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอสในปี 2572 และ 5.ต้องนำเส้นทางทั้งหมดมาจัดหารายได้ เช่น ค่าโฆษณาในสถานีตามแนวเส้นทางสายสีเขียว ทั้งนี้มองว่าราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น สามารถดำเนินการได้ในอนาคต สามารถจัดเก็บได้ในราคา 25-30 บาท/คน
นางรสนา โตสิตระกูล ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.อิสระ กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องไม่มีการขยายสัมปทานให้เอกชน เนื่องจากในสัญญาสัมปทานที่จะต่อนั้นมีเงินนำส่งรายได้ที่เอกชนต้องจ่ายให้ กทม. 200,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นค่าต๋ง และเป็นที่มาที่ประชาชนต้องจ่ายค่าโดยสาร 65 บาท หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ตนจะโอนรถไฟฟ้าสายสีเขียวกลับไปให้รัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลนำเอารถไฟฟ้าทุกสายกลับไปทำระบบตั๋วร่วมหรือตั๋วราคาเดียว เพราะที่ผ่านมาการทำโครงข่ายรถไฟฟ้ากว่า 10 เส้น
“เมื่อเกิดการเดินทางเชื่อมโยงรถไฟฟ้าทุกสายเสียค่าแรกเข้าเพียงครั้งเดียว ใช้บริการทุกโครงข่ายไม่เกิน 40-45 บาท ก็จะทำให้มีผู้ใช้บริการระบบรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จากวันละ 1.2 ล้านคนเป็น 3-5 ล้านคนในอนาคต นำไปสู่การแก้ไขปัญหาจราจรได้อย่างยั่งยืน” นางรสนากล่าว
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะมีการขยายสัมปทาน ทำให้คนรุ่นลูกต้องมาแบกรับภาระค่าโดยสารรถไฟฟ้าแพงรวมแล้วอีก 38 ปี และที่สำคัญคือต้องไปดำเนินการให้ชัดเจน และทำการเจรจา 2 ส่วนคือ ไม่ไปแบกรับภาระหนี้การดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายจาก รฟม.และไปเจรจาภาระหนี้ค่าจ้างเดินรถที่มีกับเอกชน 37,000 ล้านบาท และเงินลงทุนจัดหารถอีก 20,000 ล้านบาท
"ต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส และหากจะมีการกำหนดค่าโดยสารให้คน กทม.ได้ประโยชน์ สามารถใช้บริการได้ ก็สามารถไปหาข้อสรุปว่า กทม.จะมีการอุดหนุนค่ารถไฟฟ้าเท่าไหร่ แต่ต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส" นายวิโรจน์กล่าว
นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดขึ้นกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เนื่องจากกระทรวงคมนาคมในอดีตไม่ได้คิดวางแผนการพัฒนาเส้นทาง การจัดการเดินรถและเก็บค่าโดยสาร โดยคิดให้รอบด้านให้จบในครั้งเดียว พร้อมเสนอแนวคิดว่าสามารถผลักดันนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้าราคา 20 ถึง 25 บาทให้เกิดขึ้นจริงได้ โดย กทม.สามารถออกพันธบัตรโครงสร้างพื้นฐานเพื่อระดมทุนมาแก้ภาระหนี้ 30,000 ล้านบาท เพื่อนำรายได้มาแก้ไขปัญหาหนี้ของ กทม.และค่าจ้างเดินรถในอนาคตด้วย
ส่วนความเห็นที่สภาองค์กรของผู้บริโภคระบุว่า รัฐบาลยังมีความพยายามที่จะนำเรื่องการขยายสัมปทานกับเอกชนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้านั้น ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ทุกคนระบุว่า รัฐบาลไม่ควรเร่งรัดดำเนินการ เนื่องจากกว่าจะหมดอายุสัมปทานยังมีเวลาอีก 8 ปี และควรรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้
วันเดียวกัน ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่องความคิดเห็นต่อรถไฟฟ้าบีทีเอส กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพในเขตกรุงเทพมหานครและผู้พักอาศัยใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวดำเนินโครงการ จำนวน 1,032 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 11-13 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.9 ได้ใช้บริการรถไฟฟ้าในการเดินทางประจำวันในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
ที่น่าสนใจคือ ผู้ที่เคยใช้บริการส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.7 พอใจต่อเรื่องความปลอดภัยบริเวณสถานีและการเดินรถไฟฟ้า รองลงมาคือส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.3 พอใจต่อการให้บริการสถานีและการเดินรถไฟฟ้า และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.7 ระบุราคาค่าโดยสารที่เพิ่มขึ้นตามระยะทางมีความสมเหตุสมผล นอกจากนี้ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.5 ระบุว่า การให้บริการเดินรถควรให้บริการยาว ไร้รอยต่อ ไม่ต้องขึ้นลงต่อขบวนรถตลอดสาย
อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.8 ระบุมีความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นกับ ธุรกิจรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ และการแสวงหาผลประโยชน์ของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ร้อยละ 93.7 ระบุปัญหาความขัดแย้งในคณะรัฐมนตรีเรื่องสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวน่าเคลือบแคลงสงสัย ผลประโยชน์การเมืองระหว่างกระทรวงคมนาคมกับบริษัทเอกชน และร้อยละ 93.7 เช่นกัน ระบุปัญหาขัดแย้งการต่อสัมปทานให้บริษัทเอกชน เกิดขึ้นจากความขัดแย้งผลประโยชน์ทางการเมืองในรถไฟฟ้าสายสีอื่น และร้อยละ 89.7 ระบุกรุงเทพมหานครต้องชำระหนี้สินที่ค้างจ่ายให้บริษัทเอกชน
ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.6 ต้องการให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.แสดงวิสัยทัศน์แก้ปัญหาขัดแย้งธุรกิจการเมืองเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว เช่น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์, นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์, พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง, นางรสนา โตสิตระกูล เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 6.4 ไม่ต้องการ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นิกรหักเพื่อไทย เตือนส่อผิดกม. ให้กมธ.ตีความ
“นิกร” หักข้อเสนอ “ชูศักดิ์” เลยช่วงเวลาแปลงร่างประชามติเป็นกฎหมายการเงินแล้ว
ตั้งกก.สอบผกก.บางซื่อ ทนายปาเกียวเล็งทิ้งตั้ม
“ดีเอสไอ” เตรียมสรุปสำนวนคดี 18 บอสดิไอคอนเสนออัยการคดีพิเศษภายใน 20 ธ.ค.นี้
จ่อส่งคดีหมอบุญให้DSI
ตร.สอบปากคำอดีตภรรยา-ลูกสาว “หมอบุญ” เพิ่มเติม
‘สนธิ’ลั่นการเมืองใกล้สุกงอม!
“อุ๊งอิ๊ง” เมินปม กกต.สอบครอบงำต่อ เด็ก พท.ยันเป็นการดำเนินการตามปกติ
ทักษิณรอดคลุมปี๊บ! ส้มเหลวปักธงอุดรธานี ‘คนคอน’ตบหน้า‘ปชป.’
เลือกตั้ง อบจ. 3 จังหวัด “เพชรบุรี-อุดรธานี-นครศรีธรรมราช” ราบรื่น
‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ
“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป