ย้อนเกล็ด พท.อภิปรายตัดแปะ

เพื่อไทยเคาะกะลา! กำลังซ้อมซักฟอกไม่ลงมติ ฟุ้งรัฐบาลเสร็จแน่ ประชาชนจะหมดศรัทธาในอีกไม่นาน โฆษกรัฐบาลย้อนเกล็ด พท. ถามแตกมากี่รอบแล้ว หนักกว่า พปชร.อีก เย้ยอภิปรายตัดแปะ ยันรัฐบาลอยู่ยาว "แรมโบ้" เห็นด้วย "ส.ว.สมชาย" ชี้ช่อง ปชช.ยื่นสอบ ส.ส.สันหลังยาว ไม่ทำหน้าที่ประชุม ผิดจรรยาบรรณร้ายแรง

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2565 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงความพร้อมการอภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ที่จะมีขึ้นวันที่ 17-18 ก.พ.ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านพร้อมเต็มที่ เรื่องเวลาได้จัดสรรปันส่วนลงตัว ทั้งในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้านและภายในพรรค โดยพรรคได้เวลาอภิปราย 760 นาที ตอนนี้เหลือเพียงการขัดเกลาและฝึกซ้อมเพื่อให้การอภิปรายแม่นยำในเนื้อหาของตัวเอง

 "เชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นและความศรัทธาของรัฐบาลที่เสื่อมลงทุกอย่าง คนจะได้เห็นข้อบกพร่องของรัฐบาลอย่างชัดเจน แม้รัฐบาลทำงานต่อได้ แต่จะเข้าสู่การนับถอยหลัง เพราะประชาชนหมดศรัทธา หากอยู่ต่อได้ก็คงอยู่ต่อได้อีกไม่นาน" ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าว

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  กล่าวว่า ไม่ถึงขั้นเขย่าเสถียรภาพรัฐบาล แต่ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน  ซึ่งตนสนับสนุน เพราะเราเคยเป็นทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เมื่อเขามีหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน ก็ต้องมีหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ส่วนจะตรวจสอบประเด็นไหน รัฐบาลก็มีหน้าที่ชี้แจง

“ท่านนายกฯ ก็สั่งการแล้วว่าให้เตรียมการ อย่างเรื่องข้าวของแพงไม่มีปัญหา หลายกระทรวงจะช่วยกันตอบ ท่านนายกฯ ก็จะช่วยตอบ กระทรวงเกษตรฯ ก็จะช่วยตอบ ผมก็จะช่วยตอบ และรัฐมนตรีพลังงานก็จะช่วยตอบ เพราะมันสัมพันธ์กัน มันไม่ได้แพงมาเพราะกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง แต่มันมีที่มา ต้นทุนน้ำมันแพง อะไรต่อมิอะไร แต่ในส่วนกระทรวงพาณิชย์ตอนนี้เราเข้าไปกำกับควบคุมราคาสินค้าให้อยู่ในระดับที่ทรงตัว แล้วก็ลดลงมาหลายตัว ราคาหมูลดลงทุกวัน ตัวเลขเฉลี่ยผมมีตัวเลขทุกวัน ผมติดตามตลอด หมูเนื้อแดงลดลงมาจาก 200 เหลือ 149-150 แล้วขณะนี้”

นายจุรินทร์กล่าวถึงเสถียรภาพรัฐบาล ว่า ตอบไม่ถูกว่าจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับรัฐบาลหรือไม่ อย่างไร แต่อย่างน้อยที่สุดเสถียรภาพรัฐบาล ในสถานการณ์ปัจจุบันขึ้นอยู่กับ 2 ประเด็น 1.สถานการณ์ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ 2.สถานการณ์ในสภา สำหรับในครม. คงจะเห็นความคืบหน้าว่านายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็ได้พยายามหาทางคลี่คลายปัญหาไปได้ระดับหนึ่งแล้ว ส่วนในสภาผู้แทนราษฎรเป็นหน้าที่ของวิปที่จะต้องไปดำเนินการ เพื่อให้สภาเดินหน้าต่อไปได้ นำกฎหมายรัฐบาลให้ผ่านความเห็นชอบของสภาไปให้ได้ เพราะกฎหมายเป็นเครื่องมือของการเดินหน้านโยบาย และนโยบายบางอย่างต้องอาศัยกฎหมายจึงจะทำได้              

อภิปรายแบบตัดแปะ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม แถลงรัฐบาลพร้อมเป็นเจ้าภาพประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APEC 2022) ต้อนรับผู้นำนานาชาติสู่ไทยในเดือน พ.ย.นั้นไม่น่าเป็นไปได้ เพราะต้องเจอทั้งศึกในและศึกนอกว่า การที่พรรคการเมืองมีหลายกลุ่มหลายก๊วน และมีการแยกตัวออกไปอยู่กับพรรคอื่นนั้น ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง ซึ่งเรื่องนี้พรรคเพื่อไทยเองน่าจะเข้าใจดีที่สุด เพราะไม่ว่าจะเป็นสมัยพรรคไทยรักไทย มาจนถึงพรรคพลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทย ล้วนมีหลายกลุ่มหลายก๊วน จนต้องแยกแกนนำพรรคแต่ละคนไปคุมแต่ละก๊วนมาแล้ว

"เรียกได้ว่าเกิดปัญหามากกว่าพรรคพลังประชารัฐด้วยซ้ำ ดังนั้นไม่อยากให้คุณประเสริฐรีบมโนไปเองว่าพรรคพลังประชารัฐจะต้องเป็นเหมือนพรรคเพื่อไทย  เพราะอย่างน้อยอุดมการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะความเด็ดขาดกับการทุจริตคอร์รัปชันนั้น ไม่เหมือนกับพรรคเพื่อไทย  ที่มีอดีตรัฐมนตรีถูกตัดสินจำคุกอย่างแน่นอน"

นายธนกรกล่าวอีกว่า ยืนยันว่าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังทำหน้าที่นายกฯ ในการบริหารประเทศเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน และไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องยุบสภา เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยกับประชาชน มีแต่จะต้องเสียงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งใหม่ เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของพรรคการเมืองบางพรรค คนบางกลุ่ม ที่แอบหวังว่าจะมีโอกาสได้เข้ามาบริหารประเทศบ้าง ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลนั้นก็ยังเหนียวแน่น คงมีแต่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่พยายามยุยงรายวัน หวังจะให้เกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองให้ได้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นแค่ความฝัน แต่ก็ยังขอให้ได้ฝัน

"แม้ว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถยุบสภาได้ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่ท่านนายกฯ จะต้องยุบสภา เพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด รัฐบาลพร้อมชี้แจงฝ่ายค้านทุกประเด็น และจะใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย ที่สำคัญ การอภิปรายไม่ไว้วางใจในหลายครั้งที่ผ่านมาของฝ่ายค้าน ได้พิสูจน์ให้ประชาชนเห็นแล้วว่า เป็นการอภิปรายแบบตัดแปะ เพราะข้อมูลที่นำมาอภิปรายนั้นไร้น้ำหนัก มีแต่ข้อกล่าวหาและการสาดโคลน ไม่ได้เกิดประโยชน์หรือสาระอะไรให้กับประชาชนและบ้านเมืองเลย" นายธนกรกล่าว

นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวถึงกระแสข่าว ส.ส.ในพรรคเตรียมร่วมอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ในวันที่ 17-18 ก.พ.นี้ ว่ายังไม่มี ยังไม่ได้ยินใครพูดถึงว่าจะไปร่วมอภิปรายตามที่มีกระแสข่าว แต่โดยหลักการเรื่องการอภิปรายเป็นเอกสิทธิ์ของผู้แทนฯ ย้ำว่าเวลานี้ยังไม่ได้ยิน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมี ส.ส.ในพรรคไปอภิปรายนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล อาจมีเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสม เพราะก่อนหน้านี้ระบุว่ายังอยู่ฟากรัฐบาล นายไผ่กล่าวว่า เรายังไม่เคยพูดสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนรัฐบาล โดยระบุถึงยืนจุดยืนการทำงานของเราคือเพื่อประโยชน์ของประชาชน

หนุนจัดการ ส..สันหลังยาว

นายไผ่กล่าวถึงความคืบหน้าโครงสร้างการทำงานพรรคเศรษฐกิจไทยว่า เรายังไม่รีบเปิดตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมพร้อมในเรื่องต่างๆ ที่ต้องทำตามขั้นตอนให้ถูกต้อง ก่อนที่จะจัดประชุมพรรค เพื่อแต่งตั้งบุคลากรให้ทำหน้าที่ในพรรค ส่วนจะเปิดตัวได้ภายในเดือน เม.ย.นี้หรือไม่ ต้องดูสถานการณ์และความพร้อมในพรรคก่อน

ขณะที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา เสนอให้มีการรวบรวมข้อมูลเพื่อยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลฎีกา ฟันจริยธรรม ส.ส.ทำสภาล่มว่า เรื่องดังกล่าวตนนั้นเห็นด้วยอย่างยิ่งกับนายสมชาย ว่าถึงเวลาที่ประชาชนผู้เป็นนายจ้างตัวจริงเสียงจริงจะต้องดำเนินการจัดการกับพวก ส.ส.สันหลังยาวเสียที เพราะทุกคนรับเงินเดือนครบทุกบาททุกสตางค์ แต่ไม่ยอมทำงานตามที่นายจ้างนั้นได้ว่าจ้างไว้ แบบนี้เป็นอันว่า ส.ส.เหล่านี้ทุจริตต่อหน้าที่อย่างร้ายแรง ผิดต่อจรรยาบรรณ การทำหน้าที่อย่างยิ่ง ส.ส.อันได้ชื่อว่าผู้ทรงเกียรติ แต่เวลานี้หลายคนทำตัวยิ่งกว่ากุ๊ยข้างถนนเสียอีก ถึงเวลาทำงานก็ไม่ทำงาน ซ้ำยังเอาหน้าที่การงานมาเป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและนายใหญ่ของตัวเอง แบบนี้จะอยู่ไปทำอะไร 

"จิตสำนึกความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของคนที่เป็นผู้แทนประชาชนต้องมีมากกว่านี้ สภานิติบัญญัติมิใช่เวทีที่จะมาใช้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมือง  หวังตีกินเพื่อผลการเมืองของฝ่ายตัวเอง ส.ส.ประเภทนี้คงต้องฝากพี่น้องประชาชน ได้พิพากษาลงโทษ อย่าได้เลือกกลับเข้ามาเป็น ส.ส.ให้สกปรกรกรุงรังในสภาอันทรงเกียรติอีกเลย" นายเสกสกลกล่าว

นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ แสดงความขอบคุณหลายฝ่าย รวมทั้ง ส.ว. ที่แสดงความห่วงใย แต่แนะนำว่าวิจารณ์ได้ แต่ไม่ประสงค์จะให้ใครมาก้าวก่ายงานของสภา ส่วนคนทั้งหลายที่แนะนำให้มีการแก้ระเบียบของสภา คงไม่ได้มีความจำเป็น เพราะระเบียบไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่พฤติกรรมคน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสุดท้ายประชาชนในฐานะผู้มีสิทธิเลือกตั้งเขาดูอยู่ ชาวบ้านจะใช้ดุลพินิจตัดสินเองในวันที่เขาได้เข้าคูหา อย่าด้อยค่าสภาผู้แทนราษฎรพร่ำเพรื่อ ให้สภาถูกมองในแง่ลบ เพราะอย่างไรก็ตามสภาคือเสาหลักทางประชาธิปไตยของระบบนี้

“ท่านชวนย้ำว่า สมาชิกส่วนใหญ่ยังร่วมมือด้วยดี โดยภาพรวมเชื่อมั่นภารกิจและกิจการของฝ่ายนิติบัญญัติสามารถดำเนินไปได้ตามปกติ โดยเฉพาะจนถึงปัจจุบันร่างกฎหมายอันเป็นกลไกเครื่องมือของภาครัฐก็สามารถผ่านไปได้ทุกฉบับ ไม่มีตกค้าง ที่ต้องขออภัยก็คือหน่วยงานของรัฐที่มารอชี้แจงที่สภา ต้องเสียเวลาเนื่องจากสภาล่ม หวังว่าทุกฝ่ายจะร่วมมือกันโดยมองผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นเป้าหมายสูงสุด” นายอิสระกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ฐานะผู้ประสานงานกลุ่ม 16 เปิดตัวกลุ่ม ส.ส.พรรคเล็ก รวมถึงพรรค ส.ส.พรรคฝ่ายค้านบางส่วน รวม 16 คน โดยมีนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นหัวหน้านั้น ล่าสุด ที่พรรคชาติพัฒนา นายสมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ในกรณีที่มีชื่อสมัครไปปรากฏในกลุ่ม 16 ที่ออกมาเรียกร้องทางการเมือง อ้างอิงจากสื่อที่ได้เผยแพร่ก่อนหน้านี้ ตนขอปฏิเสธว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองดังกล่าวแต่อย่างใด โดยยังคงทำงานกับพรรคชาติพัฒนาตามปกติ จึงขอแจ้งให้ทราบ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปชน.ขนทัพใหญ่ หาเสียงทิ้งทวน! หวังปักธง‘สีส้ม’

“ปชน.” ปูพรมโค้งสุดท้าย ขนทัพใหญ่ดาวกระจาย 6 สายทั่วพื้นที่ “ปิยบุตร” ขอโอกาสปักธงสีส้ม “พิธา” เชื่อคะแนนยังสูสี พรรคประชาชนมีโอกาสพลิกชนะ