ศบค.เมินเคาะคุมโควิด

ยอดติดเชื้อรายใหม่ 15,242 ราย เสียชีวิต 23 ราย “บิ๊กตู่” ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ พอใจแนวโน้มทั่วไปดีขึ้น สั่ง 10 จว.สูงสุดเร่งลดตัวเลขลงให้ได้  พร้อมไฟเขียวฉีดซิโนแวคในเด็ก ปลื้มอียูรับรองไทยแลนด์พาส “สปสช.” เตรียมลดราคา ATK และค่าตรวจ TR-PCR เริ่ม 1 มี.ค.นี้ “หมออุดม” วอน ปชช.อย่าการ์ดตก ช่วยกันไม่ให้ป่วยใหม่ทะลุ 2 หมื่น “อนุทิน” มั่นใจระบบสาธารณสุขยังรับมือได้ ห่วงกลุ่มเสี่ยงไม่ฉีดวัคซีนเสียชีวิตสูง

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 11 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ครั้งที่ 3/2565

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในที่ประชุม ศบค. มีการรายงานมาตรการความก้าวหน้าในทุกมิติ ทั้งในเรื่องของการเปิดประเทศ ไม่ว่าจะมาตรการใดก็ตาม ทุกอย่างยังมีสถานการณ์แนวโน้มที่ดีขึ้น ทำให้เกิดผลประโยชน์กับการประกอบการต่างๆ มากมาย สิ่งสำคัญที่สุดเราต้องระมัดระวังการแพร่ระบาด ถึงแม้ว่าจะไม่รุนแรงก็ตาม จะเห็นว่าตัวเลขอาจจะติดเชื้อมากขึ้น แต่ตัวเลขคนที่อาการหนักก็ลดลง สถานพยาบาลก็สามารถเตรียมมาตรการรองรับไว้ได้เพียงพอ เพราะฉะนั้นระหว่างนี้ขอทุกคนอย่าตื่นตระหนก

“ถ้าทุกคนไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้แล้วเดิม มันก็จะมีอันตรายคือตัวเลขจะสูงขึ้นๆ อันนี้ก็เป็นไปตามมาตรการ ตามหลักการของทางการแพทย์ต่างๆ เขาประเมินไว้อยู่แล้ว วันนี้ก็มีเน้นในเรื่องของโรงเรียน การท่องเที่ยว การเปิดประเทศ ซึ่งหลายๆ ประเทศก็นำแนวทางของเราไปเป็นแนวปฏิบัติอยู่เหมือนกัน และจากการที่พบปะพูดคุยกับทูตหลายประเทศ เขาบอกว่ารับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหภาพยุโรป (อียู) ที่รับรองเรื่องเอกสารรับรองเกี่ยวกับโควิด- 19 ของประเทศไทย หรือ Thailand Digital Health Pass ให้มีความเท่าเทียมกับเอกสารรับรองของสหภาพยุโรป (EU DCC) เขารับหลักการของเราเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจแทนบุคลากรของเราที่ได้ช่วยกันทำงานตรงนี้ออกมา” นายกฯ กล่าว

ขณะที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ว่า ปลัด สธ.ได้รายงานตัวเลขสถานการณ์ในปัจจุบันต่อที่ประชุมไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 15,242 ราย ติดเชื้อในประเทศ 14,925 ราย จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 14,885 ราย ค้นหาเชิงรุก 40 ราย เรือนจำ 135 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ 182 ราย หายป่วยเพิ่ม 8,955 ราย อยู่ระหว่างรักษา 111,393 ราย อาการหนัก 569 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 113 ราย ตรงนี้คือตัวเลขสำคัญหากทรัพยากรของโรงพยาบาลยังสามารถดูแลได้อยู่ ตรงนี้จะไม่เป็นประเด็น จะเหมือนกับโรคไข้หวัดใหญ่ทั้งหลายที่มีความต้องการเตียง แต่เราไม่ไปดูจำนวนผู้ติดเชื้อ

ส่วนยอดเสียชีวิตเพิ่ม 23 ราย เป็นชาย 10 ราย หญิง 13 ราย อายุ 60 ปีขึ้นไป 18 ราย มีโรคเรื้อรัง 4 ราย มีเด็กอายุ 8 เดือน 1 ราย ทำให้ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 2,561,115 ราย ยอดหายป่วยสะสม 2,427,335 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 22,387 ราย ยอดฉีดวัคซีนวันที่ 10 ก.พ. 514,227 โดส ยอดฉีดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 จำนวน 119,011,647 โดส ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 406,270,115 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 5,808,584 ราย ซึ่งที่ประชุมตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับสถานการณ์โลกว่า แม้ตัวเลขยังเป็นหลักล้าน แต่การติดเชื้อเป็นขาลง ขณะที่การเสียชีวิตไม่ได้มากขึ้น

เข้ม 10 จว.สูงสุดลดติดเชื้อ

 สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กทม. 3,019 ราย, สมุทรปราการ 979 ราย, ชลบุรี 785 ราย,  นนทบุรี 615 ราย, ภูเก็ต 412 ราย,  สมุทรสาคร 374 ราย, นครปฐม 318 ราย,  ราชบุรี 314 ราย, ปทุมธานี 302 ราย และ นครศรีธรรมราช 297 ราย ทั้งนี้ ผอ.ศบค.ขอให้ผู้มีส่วนรับผิดชอบ 10 จังหวัดนี้ หากคุมตัวเลขได้จะทำให้ตัวเลขของประเทศลดลงไปด้วย

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับการให้วัคซีนตอนนี้เราจะเน้นไปที่วัยเด็ก เพราะจากข้อมูลการติดเชื้อของเด็กอายุ 5-11 ปี ค่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ ตัวเลขเป็นเช่นนี้ความต้องการวัคซีนจึงสูงขึ้น แต่กรณีที่มีผู้ปกครองบางส่วนไม่สบายใจกับการให้บุตรหลานใช้วัคซีนกลุ่ม mRNA แต่ขอรับวัคซีนเชื้อตายในกลุ่มซิโนแวค ที่ประชุมจึงเห็นชอบสูตรให้ฉีดเข็มที่ 1 และ 2 เป็นซิโนแวคได้ด้วยเช่นกัน รวมถึงสูตรไฟเซอร์ฝาสีม่วงของกลุ่มเด็กที่ให้กันในปัจจุบัน นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบแผนการรับบริจาควัคซีนจากต่างประเทศเป็นวัคซีนซิโนแวค 500,000 โดสจากจีน และวัคซีนไฟเซอร์ 400,140 โดสจากฝรั่งเศส รวมถึงส่งวัคซีนคืนให้กับสิงคโปร์และภูฏาน รวมทั้งแผนบริจาควัคซีนให้แก่ประเทศในกลุ่มทวีปแอฟริกา

นอกจากนี้ยังพิจารณาเกี่ยวกับการเข้าถึงชุดตรวจ ATK ซึ่งเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้รายงานว่า จากเดิมที่ สปสช.สนับสนุนการคัดกรองโควิดด้วย ATK และ RT-PCR มานั้น ในเดือน มี.ค. คาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้มาได้ โดยคาดการณ์ว่าตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.เป็นต้นไป จะมีประชาชนที่ สปสช.สนับสนุนชุดตรวจ ATK ให้ไปตรวจด้วยตัวเองวันละประมาณ 56,000 รายต่อวัน คาดการณ์ว่าจะลดงบประมาณต่อชิ้นลงมาได้ จาก 80 บาทต่อชิ้น เหลือ 55 บาทต่อชิ้น   สำหรับการตรวจ ATK โดยหน่วยบริการที่คาดว่าจะอยู่ที่ 50,000 รายต่อวัน จะลดค่าใช้จ่ายจาก 300 บาทต่อคน ไม่เกิน 250 บาท เนื่องจากในส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของการออกพื้นที่เป็นทีมด้วย  และหากเป็นการตรวจ RT-PCR ที่จะมี 23,000 รายต่อวัน จะลดค่าใช้จ่ายจาก 1,200 บาท เหลือไม่เกิน 900 บาท เป็นสิ่งที่เราจะพยายามลดค่าใช้จ่าย

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ในเรื่องการเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบเทสต์แอนด์โก ซึ่งรายงานโดย ศปก.การท่องเที่ยว พบว่าตอนนี้มีตัวเลขที่เกิดขึ้น 4 เดือนของปี 64 มีคนเข้ามารวมแล้ว 65,000 คน 2 เดือนช่วงปลายปีที่เราเปิดเทสต์แอนด์โกคนมา 320,000 คน เท่ากับว่าเพิ่มขึ้น 5 เท่า และเดือน ก.พ.65 นี้ ไม่ถึง 10 วัน ตัวเลขประมาณ 32,000 คน ดังนั้นที่ประชุม โดยเฉพาะผู้ทรงคุณวุฒิด้านสาธารณสุข มีความมั่นใจในระบบนี้พอสมควร ทางทีม ศปก.การท่องเที่ยวได้แจ้งที่ประชุมว่ามีการอนุมัติระบบการเข้าประเทศอีกระบบหนึ่ง ซึ่งผูกโยงกับไทยแลนด์พลัส นั่นคือการตรวจสอบเรื่องการตรวจสารคัดหลั่ง ที่เรียกว่า ไทยแลนด์พลัส โฮเทลแอนด์สวอบซิสเต็ม จะทำให้เรามั่นใจได้ดีมากขึ้นว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย ได้รับการติดตาม ได้รับทราบผลการตรวจ โดยที่ไม่ต้องรอนาน คนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวหรือนักท่องเที่ยวจะได้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้น

ในส่วนแรงงานต่างด้าว ผอ.ศบค.เน้นย้ำตอนนี้ทำไมยังเห็นตัวเลขการจับกุมผู้ที่เป็นแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายอยู่บ่อยๆ ให้แต่ละหน่วยงานไปประสานกันโดยดูความต้องการ ดูปัญหา และดูปัจจัยต่างๆว่าจะให้เข้ามาในระบบที่ถูกต้องได้อย่างไร เพื่อความสบายใจของทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง เพราะการที่ได้กักตัวก่อนนั้น ย่อมต้องดีปลอดภัย

  “สำหรับการเปิดการเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์โควิด-19 โดยนโยบายของศบค. ต้องการให้เด็กเรียนแบบ Onsite มากที่สุด โดยบุคลากรการศึกษาที่ประชุมสนับสนุนให้เร่งฉีดให้ถึงเข็มที่ 3” โฆษก ศบค.กล่าว

ขอปชช.อย่าการ์ดตก

วันเดียวกัน นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษา ศบค. กล่าวถึงสถานการณ์โควิดว่า ขณะนี้ติดอยู่ประมาณ 15,000 คน คาดว่าปลายเดือนนี้น่าจะขึ้นไปถึง 17,000-18,000 คน และหวังว่าจะไม่ 20,000 คน ดังนั้นขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคนจะต้องช่วยกัน แต่ก็ต้องบอกกันตรงๆว่าทุกคนอึดอัดมา 2 ปี ก็อยากผ่อนคลายและต้องการให้เรื่องเศรษฐกิจเดินไปได้ จึงคิดว่ามีปัจจัยที่จะเอื้อ และดูแล้วก็พอไหว เพราะดูจากตัวเลขผู้เจ็บป่วยรุนแรงน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงปีก่อนในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.

 “ตอนนี้ความเป็นห่วงคือไม่อยากให้ตัวเลขเยอะเกินไป เพราะถ้าตัวเลขเยอะมาก สัดส่วนของผู้ป่วยหนักที่ตอนนี้น้อยกว่าเดิม 10 เท่า มันก็จะสูงขึ้นเป็นไปตามอัตราส่วน ซึ่งขณะนี้เราสูงไหว สบายๆกำลังด้านสาธารณสุขเราเพียงพอ มีกำลัง ระบบทุกอย่าเซตไว้ดีหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น HI หรือ CI หรือผู้ป่วยที่จำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาล ตอนนี้เตียงเราเพียงพอเรามีระบบพร้อม เรามีบทเรียน ฉะนั้นตรงนี้ไม่ต้องกังวล” ที่ปรึกษา ศบค.กล่าว

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สธ. กล่าวว่า ระบบสาธารณสุขยังรับมือสถานการณ์โควิดได้ แม้จะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น แต่จำนวนที่มีอาการหนักและเสียชีวิตยังคงเดิมอยู่ การใช้อุปกรณ์เครื่องช่วยชีวิตไม่ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งกรมควบคุมโรคมอนิเตอร์สถานการณ์ตลอด พบแต่เพียงว่าจำนวนที่เพิ่มขึ้นคือผู้ติดเชื้อรายวัน ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว

“เชื้อโอมิครอนแพร่เชื้อเร็ว แต่โชคดีที่ไม่รุนแรง นอกจากนี้ฉีดวัคซีนได้มากแล้วทำให้มีภูมิต้านทานเพียงพอที่จะรับมือเชื้อโรค การจะไปบอกว่ามีผู้ติดเชื้อใหม่กว่า 15,000 รา ถือว่าพีกสุดแล้วหรือไม่  ยังพูดแบบนั้นไม่ได้ เพราะโควิดมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคน ตอนนี้ไม่ได้ล็อกดาวน์ และห้ามอยู่อย่างเดียวคือผับบาร์คาราโอเกะ” นายอนุทินกล่าว

ถามว่าผับบาร์คาราโอเกะจะมีโอกาสได้กลับมาเปิดให้บริการหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เราพยายามจะเปลี่ยนให้มาเป็นร้านอาหารแทน ให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน ซึ่งชัดเจนเลยว่าหากผับบาร์คาราโอเกะเปิดให้บริการ ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นแน่นอน ทั้งนี้ ต้องประเมินสถานการณ์ด้วย ซึ่งวัคซีนที่เราใช้ฉีดตอนนี้เป็นวัคซีนฉุกเฉิน ไม่ใช่วัคซีนถาวรที่ใช้กับไข้หวัดทั่วไป จึงต้องติดตามตลอดเวลา คาดหวังว่าในโอกาสต่อไปเราจะมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ตอนนี้จึงต้องใช้ชีวิตตาม COVID-Free Setting

 “เราลำบากใจที่จะพูดว่าผู้เสียชีวิตขณะนี้กว่า 90% เป็นกลุ่มเสี่ยงและไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งจากบันทึกพบว่าผู้ป่วยโควิด-19 ที่เสียชีวิตมีโรคประจำตัวหนักอยู่ด้วย หากเป็นคนปกติทั่วไปและได้รับวัคซีนจะไม่เจอปัญหานี้แน่ เราอย่าไปบอกว่าอะไรเสียชีวิตหรือไม่เสียชีวิต”นายอนุทินกล่าว

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข แสดงความเป็นห่วงหากเป็นกิจกรรมที่คนมาเจอกัน ทั้งวาเลนไทน์และเทศกาลสงกรานต์ ข้อมูล สธ.ชี้ว่าตัวเลขจะมีอัตราสูงขึ้นติดต่อกัน เราต้องระมัดระวังให้ดี โดยให้ประชาชนดูแลตัวเองตามมาตรการสาธารณสุข.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟ้องต้นตอหมอคางดำ

สภาทนายความฯ เตรียมฟ้องแพ่งบิ๊กเอกชน-หน่วยงานรัฐ ต้นตอ "เอเลี่ยนสปีชีส์"

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์