หน่อยตบหน้าทั่นผู้แทน เล่นการเมืองให้พองาม!

“นิโรธ” ยันสภาล่มเพราะอุบัติเหตุ ลั่นเป็นยุคที่ออกกฎหมายมากที่สุด “ศุภชัย” ข้องใจชลน่านอยู่ในห้องประชุมแต่ไม่แสดงตัว แรมโบ้ซัดควรเอาปี๊บคลุมหัวไม่รู้จักหน้าที่ “สมชาย” ชงใช้แบบยุค สนช.ดัดหลัง “หญิงหน่อย” ตบหน้าผู้แทนอย่าใช้ประชาชนเป็นตัวประกัน  เล่นการเมืองแต่พองาม

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาสภาผู้แทนราษฎรล่มว่า สภาล่มเมื่อวันที่ 4 ก.พ.เป็นอุบัติเหตุ โดยพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยังกักตัวโควิด-19 อยู่ประมาณ 20 คน พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก็ยังมีคนที่รักษาตัวอยู่ รวมถึงยังมี ส.ส.ที่ติดธุระอีก ส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในวันนั้นมีความจำเป็น เนื่องจากคิดว่าวาระไม่มีอะไร จึงเป็นคนอนุญาตให้ ส.ส.ไปธุระ และกฎหมายชุดนี้เป็นเรื่องของพรรคฝ่ายค้านที่นำเสนอ จึงได้อนุญาตให้ ส.ส.พรรคลา

เมื่อถามถึงกรณีสภาล่มบ่อยมองว่าจะทำให้การทำงานของนิติบัญญัติสะดุดหรือไม่ นายนิโรธกล่าวว่า กฎหมายของรัฐบาลผ่านไปหมดแล้ว และที่ผ่านมาสภาล่มนั้นไม่ใช่ล่มวันที่เป็นกฎหมายของรัฐบาล กฎหมายสำคัญของรัฐบาลผ่านหมด ผ่านเยอะมาก มากกว่าสมัยไหนด้วยซ้ำ สามารถถามนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาได้

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวในเรื่องนี้ว่า ปัญหามาจาก  2 สาเหตุหลักคือ 1.วิปรัฐบาลต้องเข้มข้นให้มากกว่านี้ 2.ถ้ามีข้อตกลงอะไรระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ก็ควรแถลงให้ประชาชนได้รับรู้ว่ามีการตกลงยังไงให้ชัดเจน นอกจากนี้ อยากฝากถึงสื่อมวลชน ช่วยนำเสนอและลงชื่อไปเลยว่ามีใครขาด ไม่เข้าร่วมประชุมบ้าง เพราะตอนนี้สังคมด่าเหมารวมทั้งสภาไปแล้ว คนที่อยู่ในห้องประชุมแล้วร่วมลงชื่อแสดงตนกลับถูกด่าเหมารวมไปด้วย

“ต้องแยก ส.ส.เป็น 3 กลุ่มคือ 1.ไม่อยู่ในห้องประชุม 2.อยู่ในห้องประชุมและร่วมลงคะแนน 3.อยู่ในห้องประชุม แต่ไม่ลงคะแนน ซึ่งประชาชนควรพิจารณาว่าควรดำเนินการกลุ่มไหนอย่างไร ไม่ใช่เหมารวมแบบนี้” นายศุภชัยกล่าว และว่า ฝ่ายค้านอย่าเล่นบทค้านทุกเรื่อง อย่าบอกว่าถึงเวลาไม่แสดงตน เพราะในบางวาระเป็นวาระร่วมกันระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน บางเรื่องเป็นเรื่องที่กรรมาธิการ (กมธ.) ไปศึกษามาแล้ว อยากถามไปถึง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรว่า การอยู่ในห้องประชุมสภา แต่ไม่ยอมแสดงตน แบบนี้หมายความว่าอย่างไร และต้องตอบคำถามนี้ให้กับประชาชนและสังคมได้รับทราบด้วย

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังเล่นการเมืองแบบน้ำเน่าไม่สร้างสรรค์ เหมือนกับที่ทำให้สภาล่มในขณะนี้บ่อยๆ ครั้ง ไม่เคยดูเลยว่ากฎหมายฉบับใดเป็นประโยชน์มีสาระสำคัญต่อประชาชน จะเอาแต่เล่นการเมืองในสภาให้องค์ประชุมล่มบ่อยๆ และมาโทษแต่นายกฯ ซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร แต่ฝ่ายนิติบัญญัติต้องรับผิดชอบต่อประชาชนในสภาร่วมกันมิใช่หรือ ประชาชนต้องจดจำบรรดาชื่อ ส.ส.คนที่ทำให้สภาล่มไว้ เมื่อมีการเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาชนจะได้ไม่ต้องเลือกกลับเข้ามาเป็น ส.ส.อีกให้เปลืองเงินภาษีเป็นแสนให้กับคนที่ขาดจิตสำนึกความรับผิดชอบเช่นนี้ ช่างน่าอับอายขายขี้หน้าพี่น้องประชาชนที่สุด อยากเอาปี๊บมาคลุมหัวแทน ส.ส.เหล่านี้เสียเหลือเกิน

นายสมชาย แสวงการ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กถึงข้อเสนอแก้ปัญหาสภาล่ม ว่า แก้ไม่ยาก คือให้พิจารณานำบทบัญญัติที่เคยกำหนดไว้ในช่วงที่มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และบางสภาในสมัยอดีตคือ 1.เขียนในรัฐธรรมนูญ ให้ ส.ส.สิ้นสุดสมาชิกภาพ เมื่อไม่แสดงตนเพื่อลงมติในที่ประชุมเกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ 2.กำหนดไว้ในข้อบังคับ ให้สมาชิกที่ไม่แสดงตนเพื่อลงมติในที่ประชุมสภาเกินกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนครั้งที่แสดงตนเพื่อลงมติทั้งหมดในรอบระยะเวลา 90 วัน ถือว่าสิ้นสุดสมาชิกภาพตามรัฐธรรมนูญ และ 3.กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาเงินประจําตําแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอื่น ว่าสมาชิกผู้ใดไม่มาประชุมเกินกึ่งหนึ่งของกําหนดนัดประชุมในแต่ละเดือน ไม่มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มเป็นรายเดือนสําหรับเดือนนั้น ซึ่งได้ผลดี

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า การประชุมสภาเป็นการทำหน้าที่ของทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายที่อยากยื้ออำนาจ และฝ่ายที่อยากล้มรัฐบาล ซึ่งเข้าใจดีว่าการต่อสู้กันทางการเมืองเป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักการเมือง แต่ต้องไม่ลืมปัญหาความทุกข์และผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ที่รอการแก้ไขจากสภาอยู่ ขอให้ทุกคนได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ การสู้กันทางเมืองในสภาควรทำแต่พองาม ขอให้รักษาหลักการ อย่าแย่งอำนาจกัน จนประชาชนกลายเป็นตัวประกันในเกมต่อรองอำนาจ และจะเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ หากสิ่งที่ประชาชนรอคอยความหวัง ไม่ได้ถูกผลักดันจากสภา.