“นายกฯ” เตือนโรงแรมร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4” ห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคา หากพบกระทำผิดพร้อมดำเนินตาม กม. ยันทุกโครงการมุ่งบรรเทาภาระประชาชน
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com พบมีกรณีร้องเรียนว่าโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการปรับราคาขึ้นสูงกว่า 40% ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ติดตามและสั่งการให้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ ไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นอย่างที่เป็นกระแสในโซเชียล เนื่องจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ไม่ได้เปิดรับผู้ประกอบการรายใหม่เพื่อเข้าร่วมโครงการในเฟสนี้
ดังนั้นโรงแรมต่างๆ ยังต้องใช้จำนวนห้องพักและราคาห้องพักเดิมที่แจ้งไว้ตั้งแต่เฟส 3 จะไม่สามารถปรับราคาได้ อย่างไรก็ตาม ที่ประชาชนพบว่ามีราคาที่สูงขึ้น อาจเกิดเนื่องจากจำนวนห้องที่ทางโรงแรมสมัครเข้าระบบอาจจะเต็มในช่วงเวลานั้นๆ ทำให้ต้องปรับประเภทของห้องพักที่อาจราคาสูงขึ้นได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตาม อย่าให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคา เพราะทุกโครงการที่รัฐบาลดำเนินการเพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน หากพบการกระทำที่เข้าข่ายผิด ให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ครม.ได้อนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2565 กรอบวงเงิน 9,000 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2565 โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าโรงแรมที่พัก 40% สูงสุด 3,000 บาท/ห้อง/คืน คนละไม่เกิน 10 ห้อง คูปองส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว 600 บาทต่อห้องต่อคืน ประชาชนจะชำระ 60% และรัฐบาลสนับสนุนอีก 40% ผ่านการตัดเงินจากคูปอง และค่าโดยสารเครื่องบิน จำนวน 6 แสนสิทธิ เป็นโครงการที่เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ
ทั้งนี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์เราเที่ยวด้วยกัน.com หลังเปิดให้เริ่มใช้สิทธิของเฟส 4 เพียง 5 วัน มีผู้ใช้สิทธิจองห้องพักแล้วเกือบ 2 แสนสิทธิ จากที่รัฐบาลให้ทั้งหมด 2 ล้านสิทธิ ซึ่งนับว่ากระแสการตอบรับโครงการดีมาก โดยทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็ได้ประเมินว่าโครงการนี้จะช่วยให้การท่องเที่ยวในประเทศในครึ่งแรกของปีจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นโดยต่อเนื่อง
“สถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศถือว่าทรงตัวและกำลังคลี่คลาย หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนจะเริ่มมีการเข้ามาทำงานที่สถานที่ตั้ง ประชาชนส่วนใหญ่ออกมาใช้ชีวิตและวางแผนเดินทางท่องเที่ยวโครงการของรัฐแล้ว อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกคนยังคงป้องกันขั้นสูงสุด ด้วยการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขแบบครอบจักรวาล Universal Prevention หมั่นตรวจ ATK และสังเกตเฝ้าระวังอาการอย่างสม่ำเสมอ และสถานประกอบการและร้านอาหารต่างๆ เข้มงวดในการปฏิบัติตาม COVID Free Setting เพื่อการใช้ชีวิตได้ปกติสุขที่สุดต่อไป” นายธนกรกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตอกยํ้าดีลฮ่องกง ลิ่วล้อแจงแทนนาย ‘พรรคส้ม’ ยากเป็นรัฐบาล
ตอกย้ำดีลฮ่องกงเหลว! "ณัฐวุฒิ" ขยายความ "ทักษิณ" คุย "ธนาธร" แค่เล่าชะตากรรม ไม่มีการพาดพิง ม.112 กับก้าวไกล เผยตั้งแต่โหวต "พิธา"
‘อิ๊งค์’ โชว์30บ. เวทีผู้นำเอเปก
นายกฯ อิ๊งค์โชว์ผลงาน 30 บาทรักษาทุกที่ บนเวทีผู้นำภาคเอกชนเอเปก พร้อมชวนลงทุนด้านธุรกิจดูแลสุขภาพในไทย มั่นใจหลังให้นโยบาย “บีโอไอ”
‘ทอน’ดีดปาก‘แม้ว’ ซัดพูดคลุมเครือไม่มีปม112ตั้งรบ./พิธารับคำท้าพ่อนายกฯ
“ธนาธร” ซัด “ทักษิณ” พูดคลุมเครือ บอกปมตั้งรัฐบาลไม่ได้ไม่เกี่ยวกับ 112
พท.มั่นใจกระแสกวาด200สส.
"พท." ดี๊ด๊า! "ทักษิณ" ปราศรัยอุดรธานีปลุกคะแนนนิยม เชื่อชาวอีสานยังรักเพื่อไทย
นายกฯชี้FTAเปรูจบปี2568
นายกฯ อิ๊งค์ถก "ประธานาธิบดีเปรู" ผลักดันการเจรจา FTA ให้เสร็จภายในปี 68
‘บิ๊กอ้วน’ยืนยัน ผุดJTCเมื่อไหร่ ถกผลประโยชน์
“ภูมิธรรม” บอกพร้อมเรียกถกแบ่งผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาทันที