เงินเฟ้อกระฉูด สถิติใหม่ใน8ด. พลังงานต้นเหตุ

"บิ๊กตู่" ลั่นยังไม่มีความสุขหากสถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย วอนอย่าแตกแยกทุกเรื่องเพื่อให้รัฐบาลมีสมาธิแก้ไข พร้อมวอนช่วยประหยัดพลังงาน "เงินเฟ้อ" ม.ค.กระฉูดสูงสุดรอบ 8 เดือน เหตุราคาพลังงานถีบตัว

เมื่อวันที่ 4 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ว่าได้พูดถึงเรื่องการลงทุนในอนาคตว่าจะสร้างรายได้ให้กับประเทศได้อย่างไร รัฐบาลไม่เคยหยุดคิดเรื่องพวกนี้ ตรงนี้เป็นการทำงานในเชิงปฏิรูปโครงสร้างทั้งหมด ทั้งระบบงบประมาณ แผนงานโครงการทุกอย่างต้องโปร่งใสในการใช้งบประมาณ เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

 “เมื่อช่วงเช้าได้เรียกคณะที่ปรึกษาหลายฝ่ายมาหารือ เพื่อหามาตรการที่จะดูแลประชาชนทั้งเรื่องพลังงาน ความเป็นอยู่ หนี้ครัวเรือน หนี้การจดจำนองที่มีจำนวนหลายล้านล้านบาท ซึ่งต้องหามาตรการที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนมาดำเนินการ เพื่อบรรเทาความเสียหายในขณะนี้ ทั้งที่เกิดจากโควิด-19 ทำให้รายได้ไม่มี แต่ทั้งหมดมีกฎหมายหลายตัวเหมือนกัน ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังที่สุด”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า อยากขอเตือนประชาชนให้ช่วยรัฐบาลโดยร่วมมือกันประหยัดพลังงาน เพราะสถานการณ์เรื่องพลังโลกกำลังมีปัญหา ทั้งเรื่องต้นทุนการผลิต ราคาน้ำมันดิบ ซึ่งยังไม่รวมค่าขนส่งและค่าแปรรูปต่างๆ ที่มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นทุกวัน อะไรที่ประหยัดได้ก็ประหยัด อะไรที่ลดลงได้ก็ลด อย่างเช่นการใช้รถ   ขอให้ใช้รถที่จำเป็นจริงๆ และตราบใดที่ราคาพลังงานมีต้นทุนที่สูงขึ้น รัฐบาลต้องหาเม็ดเงินมาเยียวยาเป็นจำนวนมาก รวมถึงการดูแลสถานการณ์โควิด-19 ที่มีมาตรการต่างๆ ออกมา

“นายกฯ ไม่เคยมีความสุขตราบใดที่สถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย วันนี้สถานการณ์ดีขึ้น หลายอย่างอยู่ในกรอบที่สามารถควบคุมได้ ก็ต้องขอขอบคุณประชาชนและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่อยู่หน้างาน ฉะนั้นอะไรก็ตามที่ไม่สมควรที่จะเป็นความขัดแย้ง ที่จะทำให้เกิดความแตกแยกสามัคคีขอให้ลดลงหน่อย เพื่อที่จะให้รัฐบาล นายกฯ มีสมาธิการทำงาน เพื่อที่จะสืบสานต่อในสิ่งที่ยังทำไม่เสร็จ หลายคนอาจจะมองว่าหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลทำอะไรไปบ้าง แต่สิ่งที่ทุกคนอาจจะลืมไปคือการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในเรื่องของการทำงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่นายกฯ บริหารมาต่อเนื่องโดยตลอด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

วันเดียวกัน นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน ม.ค.2565 เท่ากับ 103.01 เทียบกับ ธ.ค.2564 เพิ่มขึ้น 1.13% เทียบกับเดือน ม.ค.2564 เพิ่มขึ้น 3.23% สูงขึ้นจากเดือน ธ.ค.2564 ที่ 2.17% และทำสถิติสูงสุดในรอบ 8 เดือน โดยปัจจัยหลักมาจากสินค้ากลุ่มพลังงานที่ส่งผลกระทบทั้งทางตรง ทางอ้อมต่อเงินเฟ้อ โดยเพิ่มขึ้น 19.22% และมีผลต่อเงินเฟ้อถึง 2.25% ขณะที่สินค้ากลุ่มอาหาร แม้จะเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อของไทยเพิ่มสูงขึ้น โดยราคาอาหารสดที่เพิ่มขึ้นเป็นเพียงจำเลยที่ทำให้ค่าครองชีพประชาชนสูงขึ้น โดยค่าครองชีพที่สูงขึ้น มาจากราคาพลังงานเพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ

 “เงินเฟ้อเดือน ม.ค.ที่สูงขึ้น 3.23% ยังไม่เป็นสัญญาณบ่งชี้ให้หน่วยงานรัฐใช้มาตรการสกัดเงินเฟ้อ หากจะใช้มาตรการต้องพิจารณาเงินเฟ้อที่ขยายตัวต่อเนื่องในหลายๆ เดือนติดต่อกัน และเป็นการขยายตัวในอัตราที่เพิ่มขึ้นมากอย่างรวดเร็ว เช่น จาก 3% เป็น 5% 7% ซึ่งเงินเฟ้อเดือน ม.ค.2565 ยังเป็นเงินเฟ้อในระดับอ่อนๆ มาจากปัจจัยหลัก คือ ราคาพลังงาน ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้” นายรณรงค์กล่าว

นายรณรงค์กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อในเดือน ก.พ.2565 หากราคาพลังงานยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ก็จะส่งผลให้เงินเฟ้อของไทยสูงขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ทั้งปียังคาดว่าจะอยู่ในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่กระทรวงพาณิชย์ประเมินไว้ที่ 0.7-2.4%  ค่ากลางอยู่ที่ 1.5% โดยยังมีปัจจัยที่ต้องจับตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ราคาน้ำมันที่อาจสูงขึ้นได้อีก นอกจากนี้ ยังต้องติดตามปัจจัยอื่นๆ เช่น ค่าเงินบาท, มาตรการช่วยเหลือประชาชน ที่แม้ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้นในช่วงโควิด-19 แต่หากเงินเข้าสู่ระบบไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟ้องต้นตอหมอคางดำ

สภาทนายความฯ เตรียมฟ้องแพ่งบิ๊กเอกชน-หน่วยงานรัฐ ต้นตอ "เอเลี่ยนสปีชีส์"

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์