พณ.ตรึงสินค้า 7หมวดสำคัญ ลุยหารือผู้ผลิต

"จุรินทร์" เผยสถานการณ์ราคาสินค้าช่วงตรุษจีนตรึงไว้ได้  7 หมวดสำคัญ ไข่ไก่ราคาลดลง 7% เนื้อหมูลด 11% และมีแนวโน้มลงได้อีก ปลาหลายชนิดก็ลดลง ส่วนไก่ตรึงราคาในห้างได้ แต่ตลาดข้างนอกขยับขึ้นบ้าง และผักส่วนใหญ่ลดลง เตรียมเดินหน้าหารือผู้ผลิต ผู้ประกอบการตรึงราคาสินค้าที่จำเป็นต่อ ศุลกากรท่าเรือกรุงเทพเด้งรับนโยบาย​นายกฯ เข้มห้ามส่งออกหมู-ของผิด กม.​

เมื่อวันจันทร์ ที่ห้องประชุมชั้น 11 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.พาณิชย์  และนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน แถลงถึงสถานการณ์ราคาสินค้าในช่วงเทศกาลตรุษจีน 

  โดยนายจุรินทร์กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภคของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศอย่างใกล้ชิด ซึ่งทุกปีช่วงตรุษจีนราคาสินค้าในหมวดอาหารจะมีราคาสูงขึ้นเกือบจะสูงที่สุด แต่ปีนี้ได้สั่งการเป็นนโยบายให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าหมวดจำเป็นทุกหมวด อย่างน้อย  7 หมวดสินค้าสำคัญที่กระทรวงพาณิชย์สามารถตรึงราคาไว้ได้ เกิดจากกรมการค้าภายในเชิญเกษตรกร ผู้ประกอบการ รวมทั้งร้านค้าส่งค้าปลีกทั่วประเทศหารือร่วมกัน ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่ง

 โดยสินค้า 7 หมวดที่สามารถตรึงราคาไว้ได้ ประกอบด้วย 1.หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า 2.หมวดน้ำอัดลม 3.หมวดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 4.หมวดซอสปรุงรส 5.นมและผลิตภัณฑ์จากนม 6.หมวดอาหารกระป๋อง  7.อาหารสด

นายจุรินทร์กล่าวว่า สถานการณ์ราคาไข่ไก่จากการติดตามราคาจากห้างแม็คโคร, โลตัส, บิ๊กซี และราคาในตลาดกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทุกจังหวัด พบว่าไข่ไก่มีราคาลดลงกว่าราคากำกับของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกำกับว่าไข่ไก่หน้าฟาร์มต้องไม่เกินฟองละ  2.90 บาท และราคาไข่ไก่เบอร์ 3 จำหน่ายปลีกฟองละไม่เกิน  3.50 บาท ปรากฏว่าราคาเฉลี่ยของไข่ไก่ทั่วประเทศลดลง 7% จากราคาที่กำกับเหลือเฉลี่ยฟองละ 3.39 บาท

 สำหรับเนื้อสุกร กำกับราคาสุกรหน้าฟาร์มไว้ที่กิโลกรัมละ 100-110 บาท ราคาหมูเนื้อแดงมาตรฐานกลางมีราคาต่ำกว่าราคากำกับของกระทรวงพาณิชย์เฉลี่ย 11% จากราคากำกับที่ 205-210  บาทต่อกิโลกรัม เหลือเฉลี่ยทั่วทั้งประเทศที่ 187.19 บาทต่อกิโลกรัม และกรมการค้าภายในวิเคราะห์ว่า หลังตรุษจีนราคาเนื้อสุกรอาจจะมีแนวโน้มลดต่ำลงได้อีก และสินค้าอาหารด้านประมงพบว่าส่วนใหญ่ราคาลดต่ำลง เช่น ปลานิลราคาลดลง 11% อยู่ที่เฉลี่ยกิโลกรัมละ  55-65 บาท ปลาทับทิมราคาลดลง 3% มีเพียงปลาดุกที่ราคาเพิ่มขึ้น 3%

ขณะที่ราคาไก่ปกติจะสูงขึ้นมากในช่วงตรุษจีน เพราะประชาชนคนไทยเชื้อสายจีนนำไปใช้เซ่นไหว้บรรพบุรุษ แต่ปีนี้กำกับราคาไก่หน้าฟาร์มที่กิโลกรัมละไม่เกิน 40 บาท และจำหน่ายใน 3 ห้างใหญ่ แม็คโคร, โลตัส และบิ๊กซี 710 สาขาทั่วประเทศในราคากำกับ ดังนี้  ไก่ทั้งตัวกิโลกรัมละไม่เกิน 65 บาท น่องติดสะโพกไม่เกินกิโลกรัมละ  65 บาท เนื้อหน้าอกไม่เกินกิโลกรัมละ 75 บาท ซึ่งเนื้อไก่ใน 3 ห้างนี้ถือเป็นราคาชี้นำ สำหรับราคาไก่ในตลาดทั่วไปในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดยังมีราคาสูงกว่าราคากำกับในช่วงตรุษจีน แต่ 3 ห้างนี้เป็นไปตามข้อตกลง

ส่วนราคาผัก จากการติดตามของพาณิชย์จังหวัดทั่วทั้งประเทศ พบว่าราคาผักลดลงทุกตัว ผักคะน้าลดลงจากช่วงที่สูงสุดช่วงก่อนปีใหม่จนถึงตรุษจีน ลดลงเฉลี่ย 44% ถั่วฝักยาวลดลง 13% กะหล่ำปลีลดลง  32% กวางตุ้งลดลง 26% ผักกาดขาวลดลง 63% ผักบุ้งจีนลดลง  36% ต้นหอมลดลง 52% ผักชีลดลง 79% และมะนาวเบอร์ 1-2 ลดลง 17% เฉลี่ยถูกกว่าช่วงที่ขึ้นไปสูงถึง 40%

 “กระทรวงพาณิชย์จะเชิญผู้ผลิต ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องมาหารือเพิ่มเติมในสินค้าบางหมวด ที่คิดว่ายังจำเป็นต่อการอุปโภคบริโภคของพี่น้องประชาชน เพื่อตรึงราคาสินค้าให้นานที่สุดและให้เกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภคสูงสุดต่อไป” นายจุรินทร์กล่าว

ช่วงท้ายผู้สื่อข่าวถามถึงโครงการพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน  Lot 17 ที่ของบกลางจากคณะรัฐมนตรีนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า แม้งบประมาณยังไม่ลงมา แต่กระทรวงพาณิชย์ใช้วิธีบริหารจัดการการลดราคาช่วยประชาชน โดยเน้นความร่วมมือต่อเนื่องจากโครงการเดิม ทั้งหมูลดราคาและโมบายพาณิชย์ โดยพยายามจะไม่ให้ขาดตอนเพื่อพยุงราคาชี้นำตลาด หรือราคากำกับนี้ไปให้นานที่สุดจนกว่าจะคลี่คลาย

พ.ต.อ.ณรัชต์พล เลิศรัชตะปภัสร์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ เปิดเผยถึงกรณีรัฐบาลออกมาตรการห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตออกนอกราชอาณาจักรเป็นเวลา 3 เดือน เนื่องจากราคาเนื้อหมูในประเทศมีราคาปรับตัวสูงขึ้นว่า​ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในกำกับเข้มงวดกวดขันทั้งเรื่องการลักลอบส่งออกสุกร เรื่องยาเสพติด หรือสินค้าผิดกฎหมายทุกชนิด โดยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้นำเรือตรวจการณ์ออกตรวจตราตั้งแต่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณอ่าวไทย จนถึงสุดเขตศุลกากรกรุงเทพด้านเหนือย่านรัฐสภาเกียกกาย เพื่อเป็นการป้องปรามการกระทำความผิดทางศุลกากรและรักษาผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน

นางสาววรรณา ผู้อุตส่าห์ ผู้อำนวยการส่วนบริการ 1 นายภาณุ  ลิ้มวงศ์ยุติ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร นายประสิทธิ์ ดีจงเจริญ ผู้อำนวยการศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร​ กล่าวว่า​  จากรายงานของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่าในปี 65 แนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังคงส่งสัญญาณที่ดี จะขยายตัวขึ้นมาอยู่ในช่วงร้อยละ 4 ต่อปี ในขณะที่การส่งออกสินค้าคาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.6 ต่อปี ตามอุปสงค์โลกที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ประเมินว่าจะมีผู้มาใช้บริการด้านพิธีการศุลกากรเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งศูนย์เอกซเรย์ฯ ได้เตรียมความพร้อมบุคลากรให้บริการตลอด  24 ชั่วโมง ซึ่งขานรับกับกรมฯ ที่มีนโยบายชัดเจนในการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกทางการค้าควบคู่การควบคุมทางศุลกากร เพื่อสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมให้สอดรับกับนโยบาย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของรัฐบาล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตั้งรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง จบใน ‘15กันยา’

"ภูมิธรรม" เผย "ป.ป.ช." ส่งผลตรวจคุณสมบัติว่าที่รัฐมนตรีแล้ว รอ "สลค.-กฤษฎีกา" ตรวจซ้ำ เพราะไม่รู้ใครเสี่ยงมีคดีกี่คน พยายามให้เสร็จใน 1

ชี้เป้าโกงเลือกตั้ง กกต.แจก ‘1ล้าน'

"ประธาน กกต." ย้ำนายจ้าง-ผู้บังคับบัญชา ต้องอนุญาตให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกไปใช้สิทธิเลือกนายก อบจ.ราชบุรี ตามกฎหมาย เผยได้รับเบาะแสเรื่องการซื้อสิทธิขายเสียง

‘อ้วน’ ปลุกผีเขื่อนเสือเต้น

รัฐบาลจุดพลุสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น "ภูมิธรรม" อ้างประชาชนประสบภัยพิบัติทุกข์ร้อน ต้องจมอยู่กับน้ำขังน้ำหลากมาเป็นเวลานาน เผยมีการประสานงานกับเวิลด์แบงก์ศึกษาผลกระทบ