บิ๊กเต่าขยายผล ทุจริตยาแถว2-3 รพ.ทหารผ่านศึก

"ภูมิธรรม" ตอกฝ่ายค้าน หลังจี้จัดการแก๊งทุจริตยา บอกไม่เคยบริหาร ปท.ไม่รู้วิธีปฏิบัติราชการ ยันต้องทำงานเงียบๆ ได้หลักฐานแน่น ด้าน "บิ๊กเต่า" เตรียมขยายผลขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก แถว 2-3

วันที่ 27 มี.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีการจับกุมเครือข่ายทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึกว่า เป็นเรื่องฝ่ายค้านเรียกร้องตนผ่านในไลน์ทุกวันว่าทำไมไม่จัดการเสียที ตนก็ตอบไปว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดำเนินการอยู่แล้ว เขาไม่เคยบริหารประเทศจึงไม่เข้าใจ เมื่อมีเบาะแสตามที่บอกมา ก็ต้องสอบสวน แต่จะให้เปิดเผยคงไม่ได้ เพราะหลักฐานก็หายหมด ตั้งแต่ฝ่ายค้านพูดมาทั้งหมด ตนได้ดำเนินการมาตลอด ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาสอบสวน ดำเนินการอย่างเงียบๆ ตามข้อเท็จจริง เรื่องอยู่ที่จังหวัดลพบุรี เราก็ส่งคนขึ้นไปสอบสวนหลายสิบคน ฉะนั้นเราทำอะไรเราค่อยๆ ทำ อันนี้ชัดเจน การสอบสวนมันมีหลายอย่าง หลายส่วน สอบได้เสร็จเราก็นำไปให้ศาลออกหมายจับ

"ผมรู้ก่อนแล้วว่าก่อนเที่ยงจะมีการบุกทุกบ้านพร้อมกัน เข้าไปกับหมายจับ อันนี้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลทำงานสุขุมรอบคอบ และอิงตามข้อกฎหมาย ตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่อิงตามอารมณ์ความรู้สึก เห็นคดีที่หลุดมาเยอะแล้ว โวยวายๆ ไม่มีหลักฐานเพียงพอ ศาลเขาก็พิจารณาตัดสินตามหลักฐาน ผมอยากบอกว่าท่านเริ่มต้นได้ดีที่พยายามบอกเรา ผมอยากเห็นอย่างนั้น ให้บอกมา แต่ไม่อยากให้ใจร้อนเกินไปโดยไม่เข้าใจวิธีปฏิบัติทางราชการ แล้วก็โวยวายหาว่าเรากำลังจะฮั้ว เราพิสูจน์ให้เห็นแล้ว และเครือข่ายจะขยายมากกว่านี้”

ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เผยถึงความคืบหน้าของคดีหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้น 17 จุด จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 8 คน และยังเข้าตรวจค้นร้านยาที่ต้องสงสัยอีก 11 จุดว่า สำหรับการสอบปากคำผู้ต้องหาตัวการหลักๆ แพทย์หญิงบรินดาไม่ขอให้การในชั้นสอบสวนตอนจับกุม แต่จะส่งคำให้การมาให้ในภายหลัง ส่วน พ.อ.หญิงกัญญารัตน์ ขอให้การในชั้นศาล

จากการสอบปากคำเจ้าของร้านยาอ้างว่าเป็นการขายยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ทราบที่มา แต่ตำรวจมีหลักฐานทั้งหมดเกี่ยวกับความเชื่อมโยงขบวนการนี้ หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบเฟส 2 โดยให้กรมบัญชีกลางตรวจสอบการเบิกจ่ายยาย้อนหลังทั้งหมดของแพทย์หญิงคนนี้ อีกทั้งยังให้ตรวจสอบโรงพยาบาลอื่นๆ ว่ามีพฤติกรรมในลักษณะนี้ด้วยหรือไม่ ซึ่งในส่วนของการตรวจสอบเส้นทางขบวนการนี้ ทางด้านของ ป.ป.ท.มีการขยายผลตรวจสอบเพิ่มแล้ว เราต้องไปให้สุดกับเรื่องนี้

“การซื้อขายยาของขบวนการนี้เป็นยี่ปั๊วเถื่อน  ไม่มีการเปิดบริษัท เป็นการซื้อขายจากตลาดมืด  ซึ่งเหตุผลที่มีการสั่งซื้อยาจากขบวนการนี้ เพราะยาบางตัวหายาก ยาบางตัวได้ราคาถูกกว่าการสั่งซื้อกับผู้นำเข้า พอร้านเห็นว่าสมประโยชน์ก็มีการซื้อขายกันมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2561” รอง ผบช.ก.กล่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติเปิดเผยอีกว่า  สำหรับร้านยา 11 จุดที่ตรวจค้นตามหมายค้นตำรวจ มีพยานหลักฐานทั้งหมด มีช่องการซื้อขายผ่านไลน์ การสั่งจองรายการยา หลักฐานการโอนเงิน เส้นเงินต่างๆ  ซึ่งต้องมาพิจารณาว่าจะมีความผิดสมคบค้าด้วยหรือไม่ เพราะยังพบว่ามีตลาดมืดแบบนี้อยู่อีกมาก เป็นไปได้ว่ากลุ่มร้านยาพวกนี้อาจจะรับซื้อจากยี่ปั๊วเถื่อนรายอื่น แม้ว่าบางคนจะไหวตัวทัน มีการลบแชต ก็ไม่มีผล และวานนี้ก็ตรวจยึดของกลางได้ในบางร้าน การที่ตำรวจไปตรวจยึดของกลางนั้นเพียงแค่ต้องการให้ประชาชนทราบว่าร้านยาพวกนี้มีการค้ายาเถื่อนในตลาดมืด เป็นขบวนการที่เลวร้าย โดยเฉพาะผู้ที่มีวิชาชีพ ส่วนเรื่องการขยายผลเรื่องร้านยาที่ไม่ได้รับอนุญาต ต้องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ และอาจจะต้องเรียกมาสอบทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการสอบพยานเพิ่มหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติตอบว่า แม้ ป.ป.ท.จะบอกคดีนี้ว่าสมบูรณ์แล้ว แต่ตนมองว่าต้องสอบเพิ่ม เพื่อขยายผลสาวหาผู้อยู่แถว 2 แถว 3 ส่วนเหยื่อที่ได้แค่เศษเงิน ที่อาจจะคิดว่าเอาผิดไม่ได้ ไม่ผิดกฎหมายเพราะมีใบเสร็จนั้น ส่วนนี้ต้องดูเจตนาและต้องดูพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีกหลายส่วน

ถามต่อว่า แพทย์หญิงบรินดาอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติบอกว่า แม้ว่าเส้นเงินจะโยงไปไม่ถึงชัดๆ แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานที่บ่งชี้ว่าแพทย์หญิงบรินดามีส่วนรู้เห็นและได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้ ส่วนพยาบาลที่เป็นลูกน้อง ที่มีการยอมรับสารภาพในบางประเด็นนั้น ต้องดูอีกทีว่าจะมีการกันใครไว้เป็นพยานบ้าง เพราะเท่าที่ตรวจสอบเส้นเงินของพยาบาล มีเป็นพวกเบี้ยเลี้ยง แต่พยาบาลเป็นลูกน้องของแพทย์หญิงคนดังกล่าว ย่อมทำตามคำสั่งของเจ้านายอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการประกันตัวของผู้ต้องหา ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน แต่หากพบว่าจะไปข่มขู่ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ก็จะดำเนินการถอนประกันทันที

 รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากนี้ยังผู้ต้องหาอีก 4 คนที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาไปแล้ว โดยให้ความร่วมมือ พร้อมให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีด้วย ทั้งหมดยอมรับว่าเป็นเพียงลูกข่าย ทางตำรวจจึงปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้ว

 ล่าสุดมีผู้ต้องหาไปแล้ว 7 ราย ขอยื่นประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนแล้ว ประกอบด้วย แพทย์หญิงหรือ น.ส.บรินดา อุจวาที อายุ 48 ปี ประกันตัว มูลค่า 400,000 บาท, พันเอกหญิง หรือ น.ส.กัญญารัตน์ จิตต์ประสงค์ อายุ 59 ปี ประกันตัว มูลค่า 400,000 บาท, นายสมปราช เคนถาวร อายุ 49 ปี ประกันตัว มูลค่า 250,000 บาท, ร.ต.หญิงภาวนา เคนถาวร อายุ 49 ปี ประกันตัว มูลค่า 250,000 บาท, น.ส.สุรีย์ ถิรนุทธิ อายุ 50 ปี ประกันตัว มูลค่า 400,000 บาท, นายสมพงศ์ กิจเจริญไพศาล อายุ 53 ปี ประกันตัว มูลค่า 400,000 บาท, นายทินกร จันทร์เมือง อายุ 49 ปี ประกันตัวโดยเช่าหลักทรัพย์และเงินสด รวมมูลค่า 300,000 บาท ส่วน น.ส.อภิญญา จรจรัส อายุ 56 ปี ยังไม่ได้รับการประกันตัวเนื่องจากอยู่ระหว่างหาเงินในการประกันตัว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง