รัฐบาลปึ้กพ่วงงูเห่า โหวต‘อิ๊งค์’ท่วมท้น/ปิดฉากซักฟอกถลก2พ่อลูกดีลปีศาจ

ดีลแลกประเทศวันสุดท้ายร้อนฉ่า! รังสิมนต์สับ 2 ไอ้โม่งทำให้เกิดดีลปีศาจชั้น 14 ระบุชัดหากนายใหญ่ป่วยวิกฤตจริงทำไมลูกสาวยังไปลั้ลลา ต่างประเทศ “อุ๊งอิ๊ง” โต้ยิบบอก “ทักษิณ” เป็นตัวท็อปของประเทศที่ไม่ได้รับความยุติธรรม ชี้หากจับมือพรรคก้าวไกลตั้งเป็นรัฐบาลสำเร็จพ่อก็กลับมาอยู่ดี วอนดูที่ผลงานเพราะลาออกจากการเป็นลูกแม้วและแม่คนไม่ได้ “ศิริกัญญา” บอกผลงาน 7 เดือนทำคนไทยตาสว่างว่า 2 นายกฯ ไม่ได้เก่งเรื่องเศรษฐกิจเหมือนที่โม้ “รักชนก” สับปราบแก๊งคอลฯ เก่งแต่เมียนมาแต่กัมพูชากลับเงียบ

เมื่อวันอังคารที่ 25 มีนาคม 2568  ถือเป็นวันที่สองในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 2

ครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านกับคณะ 165 คน เป็นผู้เสนอ

โดยผลสรุปเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันแรก เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ยุติไปในเวลา 02.22 น. ของวันที่ 25 มี.ค. โดยฝ่ายค้านใช้เวลาไป 13.34 ชั่วโมง, ฝ่ายรัฐบาลใช้เวลา 2.55 ชั่วโมง และประธานที่ประชุมใช้เวลาไป 1.15 ชั่วโมง รวมเวลาที่ใช้ไปทั้งหมดของทุกฝ่าย 17.45 ชั่วโมง

สำหรับการอภิปรายวันที่สองนั้น เริ่มที่ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า   นายกฯ ไม่มีคุณสมบัติผู้นำประเทศ ขาดความรู้ความสามารถ ไม่มีวุฒิภาวะ และไม่มีเจตจำนงที่รับใช้ประชาชน ที่จะนำพาประเทศไปสู่ข้างหน้าได้เลย น.ส.แพทองธารคือนายกฯ ที่อยู่ในตำแหน่ง แต่กลับลอยตัวเหนือปัญหา

“น.ส.แพทองธารไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ แต่เรื่องพื้นฐานทั่วไป การสื่อสารเพื่อระงับความสับสน และสร้างความสบายใจให้ความกระจ่างกับประชาชนที่กำลังกังวลเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่น และไม่ใช่หน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญที่ไหน แต่เป็นหน้าที่ของนายกฯ ถ้าคุณไม่รู้มีวิธีการเยอะแยะ แต่คุณไม่ทำคุณไม่พยายาม และหลายครั้งท่านไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าท่านเป็นนายกฯ นายกฯสามารถแสดงวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจได้  แต่เสียดาย เพราะนายกฯ ตอบเหมือนไม่เข้าใจคำถาม” 

น.ส.ภคมนกล่าวว่า โครงการซอฟต์พาวเวอร์ที่นายกฯ ไปไหนมาไหนก็จะโปรโมต ท่านพอใจในสินค้าไทย ถ้านายกฯ  จะบอกว่าตัวเองโปรโมตสินค้าไทย ท่านต้องพูดยุทธศาสตร์ให้มากกว่านี้ ไม่ใช่มองแค่ว่าใส่แล้วบอกว่าเท่ากับการกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่านเป็นนายกฯ ไม่ใช่อินฟลูเอนเซอร์ ทำได้มากกว่านั้น พูดไปเลย ยุทธศาสตร์เป็นอย่างไร ท่านต้องบอกว่ารัฐบาลส่งเสริมอย่างไร มีแผนการอย่างไร อะไรก็ว่าไป พูดให้มากกว่านี้ แต่นี่พูดบางเบา ปลิดปลิว ตื้นเขินเหลือเกิน

 “เรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายกฯ  มาบอกว่าก็โดนเหมือนกัน จะบอกทำไม เพราะประชาชนอยากรู้ว่านายกฯ แก้ปัญหาอย่างไร กลายเป็นว่าประชาชนต้องมาฟังเรื่องราวร้องทุกข์ของนายกฯ  ยังไม่รวมถึงที่นายกฯ โพสต์รูปภาพสวมเสื้อสีสันสดใส แคปชันสวัสดีวันจันทร์”

น.ส.ภคมนอภิปรายอีกว่า ในเวลา 7 เดือนที่ น.ส.แพทองธารดำรงตำแหน่งนายกฯ น.ส.แพทองธารได้อะไรไปเยอะ  พาพ่อกลับบ้าน ได้โปรไฟล์ ได้ยกระดับสถานะทางสังคมให้ตัวเองสูงขึ้นไปอีก แต่พี่น้องประชาชนเสียโอกาสที่จะมีผู้นำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้า  เสียภาพลักษณ์ของประเทศต่อนานาชาติ เสียโอกาสที่จะได้ทวงคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตในคดีตากใบ เสียจุดยืนในหลักการสากล เสียโอกาสที่จะได้เห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เสียโอกาสที่จะได้เห็นว่ารัฐบาลพลเรือนมีน้ำยากว่ารัฐบาลทหาร ทั้งหมดเพียงเพราะ น.ส.แพทองธารไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีวุฒิภาวะ และไม่มีเจตจำนงที่จะรับใช้ประชาชน

รังสิมนต์สับดีลปีศาจ

จากนั้นเวลา 09.15 น. นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ปชน. ลุกอภิปรายในหัวข้อชั้น 14 ว่ามีพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันได้ว่ากรณีชั้น 14 ลวงโลกอย่างไร พยานหลักฐานไม่ใช่ใครอื่น แต่คือ น.ส.แพทองธาร ซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดนายใหญ่มากที่สุดกว่าใครในห้องประชุมนี้ นายกฯ คือประจักษ์พยานที่ยืนยันความจริงทั้งหมด ตอนแรกเป็นแค่ประจักษ์พยาน แต่ต่อมานายกฯ กลายเป็นตัวการสำคัญในการกระทำความผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองที่มีโทษฐานที่รุนแรง ท้ายที่สุดคือขาดคุณสมบัติการเป็นนายกฯ

นายรังสิมันต์กล่าวว่า ขอย้อนกลับไปก่อนวันที่ 22 ส.ค.2566 วันที่นายใหญ่กลับบ้าน นายกฯ สามารถชี้แจงได้หรือไม่ว่าสุขภาพของนายใหญ่เป็นอย่างไร แต่เมื่อเปิดคลิปวิดีโอคำสัมภาษณ์ของนายกฯ เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2566 ระบุว่า คุณพ่อตรวจสุขภาพปีละ 2 ครั้ง คำพูดของนายกฯ เป็นสิ่งยืนยันว่าก่อนที่นายใหญ่จะกลับมา นายใหญ่คนนี้มีสุขภาพดีอย่างแน่นอน หากมีปัญหาสุขภาพ มั่นใจว่านายกฯ คงใช้โอกาสนี้สื่อสารกับสังคม

นายรังสิมันต์อภิปรายอีกว่า อะไรทำให้นายใหญ่ต้องไปขึ้นเขียงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจถึง 180 วัน มันต้องมีปัจจัยอะไรบางอย่างที่จู่ๆ ทำให้คนสุขภาพดี ได้รับการดูแลรักษาที่ดูไบเป็นอย่างดี ราวกับสลุต่านถึงได้ล้มป่วยกะทันหันขนาดนี้ จุดเดียวที่น่าเป็นไปได้มากที่สุด คือต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในเรือนจำ เราต้องไม่ลืมว่าวันนั้นที่นายใหญ่กลับสู่ประเทศไทย คนที่เป็นนายกฯ ในขณะนั้นชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร  และนายเศรษฐา ทวีสิน ยังไม่ได้เข้าทำหน้าที่

 “ไม่คิดว่ามันแปลกหรือ ขนาดวันที่น้องสาวของตัวเองเป็นนายกฯ ยังกลับมาไม่ได้ มันเป็นเพราะดีลที่ น.ส.แพทองธารไปทำมาหรือไม่ เพราะดีลลังกาวีหรือไม่ มีบิ๊กสีอะไรหรือไม่เป็นผู้เกี่ยวข้อง จึงทำให้นายใหญ่มั่นใจว่าครั้งนี้กลับมาประเทศไทยได้ นอกจากนี้ บทบาทของ น.ส.แพทองธาร แม้วันนั้นจะไม่ใช่หัวหน้าพรรค แต่เป็นแคนดิเดตนายกฯ และหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการหาเสียงให้กับพรรคตัวเอง การที่ท่านออกมาขานรับสนับสนุนแนวทางจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคการเมืองที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ในวันที่กลับมา นายใหญ่ยังมีคนไปรอต้อนรับราวกับว่านี่คือนายกฯ ที่เพิ่งทำภารกิจต่างประเทศเสร็จ กลับมาแล้วก็ไม่มีการควบคุมตัว ตำรวจไปต้อนรับ ช่วยจัดระเบียบให้ทุกอย่างสมูธด้วยซ้ำไป”

เมื่อนายรังสิมันต์ถึงช่วงนี้ ทำให้ สส.พรรคร่วมรัฐบาลลุกประท้วงถึงการเอ่ยชื่อคนนอก ซึ่งประธานได้วินิจฉัยว่าขอให้พยายามหลีกเลี่ยง นายรังสิมันต์ถึงใช้คำว่าไอ้โม่ง โดยอภิปรายต่อว่า ไอ้โม่ง 2 ตัว ใจดี ลด แลก แจก แถมด้วยการให้บิดาของ น.ส.แพองธารออกจากเรือนจำเพื่อรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ได้ทุกอย่างที่เคยสัญญาไว้กับประชาชนเป็นคำโกหก ไม่มีความหมายอีกแล้ว เพราะวันนี้พ่อได้กลับบ้านแล้ว นี่คือดีลแลกประเทศ ที่นายกฯ สมคบให้เกิดขึ้น เพื่อช่วยเหลือพ่อตัวเองไม่ให้นอนคุกแม้แต่วันเดียว จุดเริ่มต้นของชั้น 14 มันจึงเป็นดีลปีศาจเพื่อพาพ่อกลับบ้าน

 “แผนที่เตรียมไว้ คือแผนที่อดีตนายกฯ ต้องไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว แต่ทราบมาว่า น.ส.แพทองธารรู้ว่านายใหญ่จะเหลือโทษจำคุกอีก 1 ปี ในคืนหลังกลับถึงไทยแล้ว ถ้ารู้ล่วงหน้านานกว่านี้ การเตรียมการทั้งหลายมันจะดีกว่านี้ การเล่นละครถึงสมจริงกว่านี้ ไม่ต้องมาขายผ้าเอาหน้ารอด หลังจากนั้นกรมราชทัณฑ์ได้แถลงใหญ่โต ว่านายทักษิณตรวจพบ 4 โรค คือหัวใจขาดเลือด ปอดผิดปกติ ความดันสูง และกระดูกสันหลังเสื่อม จัดอยู่ในกลุ่มเปราะบาง การแถลงตรงนี้มันส่อพิรุธ เพราะ น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ ทำไมมาถึงได้สวนทางกันขนาดนี้ ทั้งที่ห่างกันแค่เพียง 2 วัน”

ข้องใจป่วยปางตายจริงหรือ

นายรังสิมันต์กล่าวว่า กรณีนี้ไม่ต่างอะไรกับนักโทษแหกคุก และดีลนี้ยังรวมไปถึงการที่คณะรัฐประหาร และ น.ส.แพทองธารได้ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายคน ซึ่งตามระเบียบแล้วคนสามารถขออภัยโทษได้คือตัวนักโทษเองและคนในครอบครัว แต่ น.ส.แพทองธารได้กระทำการอกตัญญู โดยการปล่อยให้บิดาของตัวเองช่วยเหลือตัวเองในการร้องขออภัยโทษ

 “ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านต้องรู้ทัน ต้องเห็น ท่านไม่เห็นเหรอครับว่าพ่อป่วยหนักขนาดไหน ผมมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพ่อของท่านอยู่นะ ในคลิปที่ท่านให้สัมภาษณ์ก็เพิ่งไปเยี่ยมพ่อมา ท่านไม่เห็นเหรอครับว่าพ่อของท่านป่วยจนรอเคาะโลงแล้ว ท่านจะมาให้พ่อของท่านเตรียมเอกสารเพื่อขอยื่นฎีกาอภัยโทษด้วยตนเองจริงหรือ หากทำไปแล้วพ่อป่วยหนักมากยิ่งขึ้น จะให้ทำอย่างไร ใครจะรับผิดชอบ” นายรังสิมันต์กล่าว

นายรังสิมันต์อภิปรายว่า วันนั้นนายใหญ่ป่วยปางตาย จะไปเฝ้ายมบาล ถึงขนาด รพ.ราชทัณฑ์ไม่มีศักยภาพ นายกฯ ไม่เห็นสภาพความเป็นจริงหรือว่าวิญญาณจะออกจากร่างแล้ว หรือความจริงเป็นการอุปโลกน์ขึ้นมา เพราะหากป่วยในระดับวิกฤตจริง ควรจะต้องอยู่ในห้องสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ไม่ใช่ห้องผู้ป่วยพิเศษ

นายกฯ ไม่รู้สึกเลยหรือว่ามีส่วนสำคัญในการฆาตกรรมความยุติธรรม ท่านได้ทำให้ความยุติธรรม พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมช่วงที่นายใหญ่ป่วย นายกรัฐมนตรียังไม่ได้มีอาการเครียด เป็นห่วงพ่อแม้แต่น้อย

นายรังสิมันต์ย้ำว่า ถ้าพ่อป่วยหนักปางตาย ลูกผีลูกคน จะตายแหล่ไม่ตายแหล่ มีหรือที่นายกฯ จะพูดแค่มีอาการเครียด อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ท่านนายกฯ  คงจะพูดแช่งพ่อไม่ได้ นายกฯ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอยู่ในตำแหน่ง หนีบเก้าอี้ต่อไปได้ ทั้งๆ ที่เรื่องราวมันเหม็นคลุ้งจนคนในสังคมวิจารณ์กันไม่จบไม่สิ้น นอกจากนี้แพทย์ใหญ่  รพ.ตำรวจยังได้รับการอวยยศในหน้าที่การงานเป็นบทละครบทใหม่หรือไม่

นายรังสิมันต์อภิปรายว่า ราชทัณฑ์เคยแถลงว่า นายใหญ่อยู่ในสภาวะอันตรายแก่ชีวิต ในเมื่อราชทัณฑ์ยืนยันว่าไม่พ้นขีดอันตราย ตนก็อยากจะรู้ว่านายกรัฐมนตรี ในฐานะลูก กังวลหรือไม่ เครียดหรือไม่ จิตตกหรือไม่ ปรากฏว่าสิ่งที่พบเห็นในการติดตาม คือพบแต่ความสบายใจ นึกว่านายกฯ จะสแตนด์บายรอดูใจ แต่กลับไปเที่ยวต่างประเทศ 2 ครั้ง

 “ไหนพ่อกำลังจะม่องเท่ง ช่วงนั้นพ่อของท่านป่วยพะงาบๆ อยู่ รพ.ตำรวจไม่ใช่เหรอครับ ไม่คิดจะไปเยี่ยมพ่อเลยหรือ นอกจากนี้ยังพบว่าท่านนายกฯ  โพสต์ไอจี โดยระบุถึงการไปเล่นสกีที่ญี่ปุ่น เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก ราชทัณฑ์แถลงปาวๆ ว่าพ่อของท่านอยู่ในภาวะวิกฤต พร้อมวางดอกไม้จันทน์ จริงๆ ต้องมารอดูหน้าพ่อแล้วหรือไม่  เผลอๆ ต้องเตรียมจองวัดไว้ล่วงหน้าแล้ว” นายรังสิมันต์กล่าว

ทั้งนี้ ในระหว่างการอภิปรายของนายรังสิมันต์นั้น ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ลุกขึ้นประท้วงหลายครั้ง  รวมถึงนางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส.ศรีสะเกษ พรรค พท., นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ และ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งประธานก็ได้วินิจฉัยให้ลดการเสียดสี และให้นายรังสิมันต์อภิปรายจนครบเวลา 100 นาที

เวลา 11.30 น. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ลุกชี้แจงกรณีที่นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายถึงเรื่อง 2 ซูเปอร์ดีล ทั้งกรณีแก้สัญญาโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน  และการขยายสัมปทานทางด่วน ว่า พยายามสร้างเรื่องราวบิดเบือนข้อเท็จจริงจากจินตนาการ เป็นการกล่าวหาเพียงลอยๆ และไม่ทราบว่าผู้อภิปราย กำลังอภิปรายรัฐบาลไหน เนื่องจากเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น เกิดก่อนที่รัฐบาลนี้จะเข้ามาบริหารงานด้วยซ้ำ โดยทั้ง 2 โครงการนั้นยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการต่างๆ ยังไม่ได้มีการเสนอถึงคณะรัฐมนตรี และยังไม่ถึงมือของนายกฯ

ทวีโต้จินตนาการโรม

ต่อมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ชี้แจงการอภิปรายของนายรังสิมันต์ ว่าช่างตัดตอน จินตนาการ และใช้วาทกรรม ในกรณีนายทักษิณ ไม่ได้เกี่ยวกับ น.ส.แพทองธารเลย เพราะนายทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษไปเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2567 ตอนนั้น น.ส.แพทองธารยังไม่ได้เป็นนายกฯ และที่อ้างว่ามีดีลแลกประเทศ และขยายว่ามีดีลปีศาจ ไม่รู้ว่าก้นบึ้งของจิตใจท่านจะหมายถึงอะไร เป็นวาทกรรม และเป็นเรื่องที่นายรังสิมันต์จินตนาการเอง

“เรื่องนี้ไม่ได้เป็นดีลแลกประเทศ  ส่วนท่านจินตนาการอย่างไรในเชิงลึก  ผมไม่ใช่คนแบบท่าน ผมรู้อะไรลึกกว่าท่าน พูดไปคนของท่านก็จะเสียหาย ผมก็จะไม่พูด ที่บอกว่าไม่มีสักวันเดียวที่นายทักษิณติดคุก ต้องการวาทกรรมเพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดใช่หรือไม่ ท่านต้องเข้าใจว่า การที่นายทักษิณอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ที่กฎหมายได้เขียนว่าเป็นเรือนจำแล้วถูกควบคุม แต่ท่านบอกว่าไม่ถูกควบคุม ท่านทำตัวใหญ่กว่ากฎหมายใช่หรือไม่ และที่ผมไม่อยากพูดมากไปกว่านี้ แพทยสภา ในเรื่องของหมอ ความเจ็บป่วย ท่านกับผมก็ไม่มีใครรู้ดี และมีกฎหมายเรื่องจรรยาบรรณแพทย์ เรื่องอยู่ที่แพทยสภา รับเรื่องไว้ปีกว่าแล้ว ยังต้องสอบสวน แต่ท่านรับเรื่องไปแป๊บเดียว ท่านวินิจฉัยหมดเลยว่าดีลปีศาจ ท่านมีอะไรอยู่ในใจ ใครคือปีศาจของท่าน” พ.ต.อ.ทวี กล่าว

ต่อมาเวลา 12.43 น. น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน  อภิปรายถึงปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ ที่ยังจำเป็นต้องถูกทำลาย ทั้งทุนต่างชาติสีเทาและทุนไทยเทา ซึ่งร่วมมือกันบ่อนทำลายประเทศ โดยปัญหานี้เกิดจากการที่นายกฯ จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องและกลุ่มทุน จงใจปล่อยให้เกิดการทุจริตในระบบราชการ มองการคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นจนทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีแนวทางการจัดการว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะจบลงอย่างไร

 “นายกฯ พูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยว่า เกือบหลงเชื่อ พร้อมเล่าเหตุการณ์ต่างๆ เหมือนเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น แต่ถ้านายกฯ ลองคิดสักนิดว่า สิ่งที่ตัวเองเจอสะท้อนอะไร คนที่ถูกห้อมล้อมด้วยการรักษาความปลอดภัยระดับนี้ มิจฉาชีพยังติดต่อได้ แล้วตาสีตาสาผู้เฒ่าผู้แก่ประชาชนธรรมดาที่ไม่ทันเกม ไม่ทันเทคโนโลยี พวกเขาจะเหลือหรือ” น.ส.รักชนกกล่าว และว่า สิ่งที่ประชาชนอยากรู้คือขั้นตอนการแก้ไขปัญหา ไม่ได้อยากรู้ว่านายกฯ มีความตื่นเต้นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน เพราะถ้าเป็นนายกฯ แล้วทำได้แค่นี้ เราไม่ต้องมีนายกฯ ก็ได้

น.ส.รักชนกยังกล่าวถึงการตัดไฟและอินเทอร์เน็ตว่า จุดที่ตัดไปนั้นมีเพียงแค่ฝั่งเมียนมา แต่ฝั่งที่มีการหลอกคนไทยเป็นหลักคือฝั่งกัมพูชา และน่าแปลกใจมากว่าการจัดการฝั่งกัมพูชาควรง่ายกว่าจุดอื่นๆ เพราะดูเหมือนบุพการีของนายกฯ ประเทศไทยกับบุพการีของนายกฯ กัมพูชา ใกล้ชิดสนิทสนมกันเหลือเกิน ขนาดว่าออกจากชั้น 14 มาวันแรก ก็มาเยี่ยมก่อนใคร คุณทักษิณออกมาบอกเองว่า ลูกก็สนิทกัน พ่อก็สนิทกัน แล้วคนไทยได้อะไร สนิทกันแล้วประเทศไทยเราได้อะไรบ้าง เขาเคยอำนวยความสะดวกให้เราบ้างไหม นายกฯ อย่าทำให้คนเขานินทาว่า ปราบเมียนมาอย่างหนัก แต่ไม่ทำอะไรที่ฝั่งกัมพูชาเลย เพราะนายกฯ เกรงใจเพื่อนสนิทพ่อ แต่เขาไม่เคยเกรงใจอะไรเราเลย

7 เดือนทำคนไทยตาสว่าง

ต่อมา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายขอบคุณ น.ส.แพทองธาร ที่ได้ทำให้คนไทยทั้งประเทศตาสว่าง ได้เรียนรู้ว่ารัฐบาลเพื่อไทยไม่ได้เก่งกาจด้านเศรษฐกิจ ความสำเร็จในอดีตได้มาเพราะโชคช่วย ตอนนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ว่าแย่แล้ว วันนี้แย่ยิ่งกว่า พอมาถึงยุค น.ส.แพทองธาร แม้ว่าจะมีนายกฯ แพ็กคู่มากว่า 7 เดือนแล้ว แต่วันนี้เห็นชัดๆ  เต็มสองตา สัมผัสได้ทุกรูขุมขน เข้าใจกระจ่างแจ้งทุกอย่างแล้ว ว่าไม่ได้เก่งจริงอย่างที่คุณได้เคยโอ้อวดเอาไว้ ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญ ไม่มีความรู้ความเข้าใจ บริหารเศรษฐกิจเละคามือ 

 “วันนี้พวกเขารู้ตัวแล้วว่าเขาคิดผิด เข็ดแล้ว ไม่เอาแล้ว ไม่เห็นดีอย่างที่คิด ไม่เห็นเหมือนที่โฆษณา นึกว่าเก่งด้านเศรษฐกิจ พอเอาเข้าจริง บริหารได้ย่ำแย่ ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่นั่นยังไม่ทำให้เราช้ำใจ ความผิดมหันต์ที่ให้อภัยไม่ได้ของ น.ส.แพทองธาร คือการทำให้คนร้องหา พล.อ.ประยุทธ์คิดถึงลุงตู่”

น.ส.ศิริกัญญากล่าวต่อว่า ชนชั้นแรกที่ถูกแจกความสิ้นหวังกันอย่างเท่าเทียมคือเกษตรกร ล่าสุดการที่ รมว.พาณิชย์ชี้แจง เรามีคนแบบนี้ที่คอยส่งข้อมูลที่บิดเบือนให้กับนายกฯ ใช่หรือไม่ โกหกหน้าตายว่าราคาสินค้าทางการเกษตรทุกอย่างยังดี จนงงว่าอยู่คนละโลกกับท่านหรือไม่ เพราะทั้งข้าว อ้อย มันสำปะหลัง และข้าวโพด ราคาลดลง ซึ่งขอไม่โทษ รมว.พาณิชย์และ รมว.เกษตรฯ แต่โทษนายกฯ ที่ไม่ใส่ใจในการแก้ปัญหา รัฐมนตรีมารายงานอะไรก็เชื่อ ไม่รู้เรื่อง ไม่สามารถให้ทิศทางการแก้ไขปัญหากับรัฐมนตรีได้ ก็ปล่อยให้เขาทำไป ได้แต่สั่งให้ไปแก้ปัญหา แต่ไม่บอกว่าให้ทำอะไร ไม่ได้แยแสว่าจะต้องเตรียมการอะไรล่วงหน้า แถมยังไม่มีน้ำยาที่จะประสานงานกับรัฐมนตรีต่างพรรคให้ทำงาน

 “โกหกตอนหาเสียงแล้วทำไม่ได้ยังพอให้อภัย แต่มีอำนาจเต็มมือในฐานะนายกฯ ทำไม่ได้ แล้วยังจะมาหลอกประชาชนไปเรื่อยๆ เป็นนายกฯ แล้วก็ยังทำไม่ได้ มีนายกฯ 2 คนก็ยังทำไม่ได้ แต่มาหลอกแรงงานให้มีความหวังในเรื่องค่าแรง” น.ส.ศิริกัญญากล่าว และว่า  ความสิ้นหวังไม่ได้มีแค่เฉพาะชนชั้นล่างและชนชั้นกลางอีกต่อไป แต่เริ่มขยับขึ้นมาเรื่อยๆ แล้ว แม้แต่นักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นก็ยังได้รับผลกระทบ

"การอภิปรายทั้งหมดนี้ ดิฉันไม่คาดหวังการชี้แจงอะไรอีกแล้ว เพราะประชาชนเบื่อจะฟังคำแก้ตัวแบบบิดเบือน หรือบางทีก็ด้อยค่าประชาชน ไปต้องมายกตัวเลขนู่นนี่แล้วว่าเศรษฐกิจยังดี เราจะรวยกันแล้ว ไม่อยากฟังคำแก้ตัวแล้ว ยิ่งพูดยิ่งสะท้อนว่า นายกฯ และบรรดาลูกน้องรัฐมนตรีของท่าน กับประชาชนเหมือนอยู่คนละโลก ยังคงทำนโยบายรายวัน ขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ ฝันไกลจะไปไม่ถึงดวงดาว หลังชนฝา ก็ไปควักนโยบายเก่าๆ เมื่อ 20 ปีที่แล้วมาใช้ หมดหนทางจริงๆ ก็ร้องหาแบงก์ชาติให้ลดดอกเบี้ย” น.ส.ศิริกัญญากล่าว

จากนั้นเวลา 15.11 น. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.การคลัง  ชี้แจงต่อว่า ดูเหมือนทุกอย่างแย่ คนไม่อาจคาดหวัง สรุปแบบนั้นไม่ได้ต้องมีความหวังแม้ยากลำบาก เห็นด้วยที่เศรษฐกิจไม่ดีมายาวนาน เพราะเติบโตแค่ 1.9% มานาน อย่างไรก็ดี การตั้งตัวเลขจีดีพีไว้ 3% เพราะคาดหวัง และเชื่อว่าจะเติบโตแม้จะช้า โดย 6 เดือนที่ผ่านมา เราโต 3.1% ทำให้ต้องผลักดันไปให้ถึง

โอดพ่อแม้วเป็นผู้ถูกกระทำ

ต่อมา น.ส.แพทองธารลุกขึ้นชี้แจงถึงกรณีการอภิปรายถึงชั้น 14 ว่าขอชี้แจงประเด็นในฐานะของลูกสาวคนหนึ่ง เพราะตั้งแต่คุณพ่อกลับมาอยู่ที่ประเทศไทย จนถึงวันที่ออกจากโรงพยาบาลชั้น 14 ตนเองยังไม่ได้เป็นนายกฯ เลย ก็ไม่อยากให้ท่านอภิปรายให้เกิดความสับสน เหมือนกับว่าตนเองเป็นนายกฯ แล้ว และมีอำนาจในการสั่งข้าราชการ หรือสั่งใครใดๆ ตนเองเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และตอนนั้นไม่มีอำนาจใดๆ  เลย และในเรื่องของความถูกต้องหรือระเบียบ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็ตาม ทุกคนที่มีหน้าที่รักษากฎระเบียบ เขาก็ต้องทำแบบนั้น อย่างที่บอกว่าการอภิปรายอะไรแบบนี้ ก็ต้องเห็นค่าของผู้ที่รักษากฎหมาย คนที่เป็นข้าราชการด้วย เพราะการพูดแบบนี้เหมือนเป็นการด้อยค่าไปด้วยในตัว

 “เชื่อเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าลูกคนไหนก็ตาม ที่เห็นความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อ ที่ผ่านมาเป็นเกือบ 20 ปี ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก แล้วก็สถานการณ์ที่ผ่านมาในรอบ 20 ปีของประเทศ เราทุกท่านก็ต้องทราบดีถึงความยากลำบากที่เรา และพี่น้องประชาชนได้ประสบมาในเรื่องของความอยุติธรรม ถ้าจะหาใครสักคน ที่เผชิญเรื่องของความไม่ยุติธรรม ดิฉันมั่นใจว่า ดร.ทักษิณคือหนึ่งในคนท็อปๆ เลยที่ได้รับความไม่ยุติธรรม” น.ส.แพทองธาร กล่าว

น.ส.แพทองธารยังได้เล่าย้อนถึงความไม่ยุติธรรมตั้งแต่นายทักษิณถูกยึดอำนาจทางการเมืองและถูกอายัดทรัพย์สิน ก่อนชี้แจงข้อกล่าวหาว่าที่คุณพ่อได้กลับมา เพราะมีการดีลกับปีศาจผ่านการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ ว่า 100% ไม่ใช่ความจริงเลย เพราะนี่คือการตัดสินใจของท่านอย่างเต็มรูปแบบว่าจะกลับมา ตนเองด้วยความที่รู้จักคุณพ่อ ก็ไม่อยากให้ท่านกลับมาแล้วต้องติดคุก หรือต้องถูกจำกัดที่ทาง ก็เป็นห่วง เลยบอกว่าไม่เป็นไรไหม อยู่เมืองนอก เราก็เจอกันได้ แต่ท่านก็บอกเลยว่าอยากใช้เวลาที่เหลือของท่าน เพราะปีนี้ก็อายุ 75 ปีแล้ว อยากใช้เวลาที่เหลือกับครอบครัวที่เมืองไทย เพราะชีวิตท่านเติบโตที่เมืองไทยมาโดยตลอด ท่านมีความรัก และห่วงพี่น้องประชาชนอย่างมาก คิดอะไรก็จะคิดเรื่องเศรษฐกิจให้พี่น้องประชาชนรวย ตนเองก็ฟังท่าน และรู้สึกว่ามีแพสชัน มีแรงบันดาลใจในการทำงาน

 “ถ้าวันนั้นทางพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจับมือกันสำเร็จ และตั้งรัฐบาลได้ ท่านเองเป็นผู้นำรัฐบาล ส่วนพวกเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ยังไง ดร.ทักษิณก็กลับมาอยู่ดี ไม่ว่ารัฐบาลนั้นจะเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งโดยใคร อันนี้คือเรื่องจริงที่คุณพ่อตั้งใจแล้วว่าจะกลับให้ได้” น.ส.แพทองธารกล่าว

นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องของกระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นสิทธิของผู้ต้องขังความ ซึ่งมีขั้นตอนกระบวนการต่างๆ ที่ขอไม่ก้าวล่วง แต่ก็เป็นสิทธิของผู้ที่มีคดีความทุกๆ คน ถ้าจะพูดเรื่องว่าท่านป่วย ป่วยจริง หรือป่วยหลอก เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าคุณพ่อมีอาการป่วย การรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจก็เป็นสิ่งที่ชัดเจน

 “ถ้าดิฉันจะบอกว่าคุณพ่อที่อายุ 70 กว่าป่วย ต้องได้รับการผ่าตัดในช่วงที่เป็นโควิดหนักมาก น้ำหนักลดไป 10 กว่ากิโลกรัม ทำให้เกิดอาการผมร่วง มีสการ์ที่ปอดจะเชื่อหรือไม่ ท่านจะบอกคนที่อายุ 70 อัป ต้องผ่าตัด และการผ่าตัดมันไม่ได้ง่ายเหมือนคนอายุ 20 กว่า 30 กว่า ท่านเชื่อหรือไม่ เพราะฉะนั้น ดิฉันก็ไม่ทราบว่าจะต้องอธิบายแบบไหน แต่ขณะนี้เรามีการยื่นเรื่องต่อแพทยสภา เชื่อว่าผลสรุปออกมาได้ อีกไม่นานนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะยอมรับ เพราะถามจากดิฉัน และดิฉันตอบไปท่านก็ไม่เชื่ออยู่ดี ซึ่งก็ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไร” นายกฯ กล่าว และว่า  เมื่อมีกระบวนการตรวจสอบนายทักษิณในหน่วยงานต่างๆ ในฐานะลูกเองตนเองห่วงใยแน่นอน เพราะเป็นลูกสาวรักคุณพ่อ ถ้าต่างประเทศเรียกว่า daddy’s girl ตนเองเป็นอย่างนั้นเลย 100% แล้วในฐานะของนายกฯ ไม่เคยใช้อำนาจไปแทรกแซงในหน่วยงานไหนๆ เลย อย่าดูถูกข้าราชการไทย อย่าดูถูกระบบข้าราชการของไทย บางทียุคสมัยนี้แล้ว ทุกอย่างมันตรวจสอบได้ การอภิปรายถ้าสมาชิกมีการเรียกร้องให้ตนเองลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของทุกท่านที่ในสภาแห่งนี้จะทำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำไม่ได้ คือขอให้ลาออกออกจากความเป็นลูกสาว หรือความเป็นแม่  สิ่งนี้ตนเองลาออกไม่ได้

อิ๊งค์วอนวิจารณ์ผลงาน

 “ดิฉันก็พร้อมที่จะทำงานให้กับคนทุกกลุ่ม ทุกคน ทุกจังหวัด ทุกที่ เพราะดิฉันสวมหมวกของนายกฯ ของประเทศไทย ดิฉันทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่ และสุดความสามารถแน่นอน ในขณะเดียวกันในฐานะของลูกสาว ดิฉันคือลูกสาวของนายทักษิณ ดิฉันพูดคำนี้ด้วยความภาคภูมิใจตั้งแต่สามารถพูดได้ และแน่นอนว่าขอให้ทุกท่านดู และพิสูจน์ที่ความสามารถของดิฉัน และความตั้งใจของดิฉันในการทำงานอย่างเต็มที่ ในฐานะของนายกฯ หากจะมีการอภิปราย หรือวิจารณ์ใดๆ ขอให้วิจารณ์เรื่องการทำงาน ก็น่าจะเป็นประโยชน์กว่าทั้งต่อสภาแห่งนี้ และต่อประเทศของเรา” น.ส.แพทองธารกล่าว

น.ส.แพทองธารยังได้ชี้แจงเรื่องของการครอบครองที่ดินโรงแรมเทมส์ วัลลีย์  เขาใหญ่ ว่าธุรกิจบริษัทของครอบครัวตอนนี้ทุกอย่างทำถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมดในการประกอบกิจการโรงแรม เช่นเดียวกับผู้ประกอบการอื่นๆ ในบริเวณนั้น ซึ่งจริงๆ ก็หาข้อมูลไม่ยากเพราะติดถนนเลย

น.ส.แพทองธารยังได้ชี้แจงถึงเรื่องคอลเซ็นเตอร์และการซีลชายแดน รวมถึงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต โดยยืนยันว่า ดิจิทัลวอลเล็ตเราพยายามประคับประคองอย่างดีเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ  เพราะเป้าหมายของเราคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นในสองรอบแรกเราจำเป็นจะต้องแจกเป็นเงินสด แม้จะถูกมองว่าไม่ตรงปก แต่ยืนยันว่าตรงเป้าแน่นอน

นายกฯ ระบุว่า เป้าหมายระยะยาวของนโยบายนี้คือการยกระดับสังคมไทยเป็นสังคมดิจิทัล เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ภายในหนึ่งวาระของรัฐบาลนี้ จะเกิดผลเป็นรูปธรรม ปกก็ตรง เป้าก็โดน เพราะเศรษฐกิจที่วิกฤตต่อเนื่องกันมาเป็นสิบ ปี ถ้าทำแบบเดิมไม่มีวิธีการใหม่ๆ อันนี้เป็นโอกาสที่เราจะพัฒนาได้ยาก เพราะฉะนั้นต้องมีการอัปเดตวิธีใหม่ และแนวของเศรษฐกิจด้วยดิจิทัลด้วยต้องมาควบคู่กัน

ในเวลา 16.35 น. นายสิทธิพล  วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายว่า นายกฯ กำลังปล่อยให้ผู้ประกอบการต่างชาติทำลายเศรษฐกิจไทย ไม่ว่าจะเป็นการทำลายงานคนไทย ทั้งที่หลายอาชีพสงวนไว้เพื่อคนไทยเท่านั้น ทำลายอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ และทำลายธุรกิจชุมชนที่เป็นเส้นเลือดหลักของประเทศนี้ทำให้ประเทศกลายเป็นดินแดนคนงานธุรกิจชุมชนศูนย์เหรียญ โดยหาไปในพื้นที่อีอีซี เช่น จ.ชลบุรี จ.ระยอง จ.ฉะเชิงเทรา จะพบแรงงานจีนจำนวนมากแบบน่าตกใจ

“ผมลงพื้นที่เก็บข้อมูลในพื้นที่ดังกล่าว มีคนจีนรวมทั้งสิ้น 15,000-16,000 คน คำถามคือคนจีนเหล่านี้อยู่ได้อย่างไร ทำไมตัวเลขจึงต่างจากตัวเลขคนงานจีนที่กระทรวงแรงงานเก็บได้ ที่สำคัญคนเหล่านี้เข้ามาแย่งทำอาชีพที่สงวนสำหรับคนไทยทั้งสิ้น ต้นตอสำคัญของเรื่องนี้คือมาตรการ Visa Free ของนายกฯ ที่เกิดพฤติกรรมเวียนเทียนวีซ่าเข้า-ออกประเทศ” นายสิทธิพลระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พรรคส้ม แซะรัฐบาล รีบคลอดร่าง พ.ร.บ.กาสิโนฯ หลังศึกซักฟอก

พรรคประชาชน แซะรัฐบาล รีบเกิน! คลอดร่าง พ.ร.บ.กาสิโนฯ หลังจบศึกซักฟอก คาดล็อคสเปคใบอนุญาต “สิทธิพล” เผยต้องคุยในพรรค แนะรัฐบาลสร้างความเชื่อมั่น-โปร่งใส

'วิโรจน์' มั่นใจนายกฯออกตั๋ว PN เลี่ยงภาษี เป็นการทำนิติกรรมอำพราง

"วิโรจน์" มองศึกซักฟอกตรงตามแผนที่ฝ่ายค้านคาดหวัง น้อมรับคำวิจารณ์ไปปรับปรุง ไม่กังวลผลลงมติไว้วางใจ ชีวิตต้องทำงานต่อ ย้ำพรุ่งนี้เข้าพบอธิบดีสรรพากร มั่นใจปมตั๋ว PN นายกฯ คือการทำนิติกรรมอำพราง ชี้ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทำได้ หากเป็นประโยชน์กับ ปชช. แต่ต้องประมูลโปร่งใส-ป้องผลกระทบเชิงลบ

วาทะและคำท้า : เมื่อ ’แพทองธาร’ บีบ ‘พรรคประชาชน‘ เปิดตัวเลือกพันธมิตรการเมือง!

ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 24-25 มีนาคมที่ผ่านมา ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการ โดยมีระยะเวลาอภิปรายถึง 37 ชั่วโมง และผลการโหวตในเช้าวันที่ 26 มีนาคมไม่ได้พลิกโผแต่อย่างใด

กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ หน้าหงาย! หอการค้า ชี้ไทยเดินตามกฎหมายปมส่งกลับอุยกูร์

นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า ในฐานะคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจติดตามผลกระทบนโยบายเศรษฐกิจและเศรษฐกิจด้านต่างๆซึ่งปัจจุบันสหภาพยุโรปลง

'ประเสริฐ' โวยรัฐบาลจะซื้องูเห่ามาทำไมเมื่อเสียงเกินเยอะแล้ว!

'ประเสริฐ' โต้ สส.ประชาชน โชว์แชทถูกซื้อตัวเป็นงูเห่า บอกไม่จำเป็นรัฐบาลเสียงเกินเยอะอยู่แล้ว ปัดคงตอบศาล รธน. รับพิจารณา 'ภูมิธรรม-ทวี' ชงฮั้ว สว. เป็นคดีพิเศษ