ทักษิณลั่นซื้อหนี้เกิดปีนี้แน่!

“สวนดุสิต” พบเกินครึ่งหนุนแนวคิด “ทักษิณ” ซื้อหนี้ แต่หวั่นไม่โปร่งใสประโยชน์แอบแฝง “พ่อนายกฯ” บอกซื้อหนี้เกิดปีนี้แน่ พร้อมขอใจเย็นๆ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ช่วยกระตุ้น ศก. "นักเศรษฐศาสตร์" ชี้ซื้อหนี้เพียงบรรเทาแค่ย้ายเจ้าหนี้เท่านั้น

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มี.ค. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดผลสำรวจความคิดเห็นเฉพาะประชาชนที่มีหนี้สินต่อกรณีซื้อหนี้..แก้ปัญหาให้ประชาชน กลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนที่มีหนี้สิน 1,153 คน พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีหนี้ในระบบ (สถาบันการเงิน ธนาคาร บัตรเครดิต) มากที่สุด 51.60% มีหนี้นอกระบบ (เงินกู้นอกระบบ เจ้าหนี้ส่วนตัว) 29.75% มีหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบร้อย 18.65% โดยจัดการด้วยการชำระเฉพาะขั้นต่ำทุกงวด 25.09% ผิดนัดชำระบางครั้ง 21.96% ชำระหนี้เต็มจำนวนทุกงวด 21.35%

ส่วนกรณีแนวคิดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่จะซื้อหนี้ประชาชนออกจากระบบธนาคาร ให้ผ่อนชำระใหม่แบบลดภาระ และล้างเครดิตบูโรโดยไม่ใช้เงินของรัฐ กลุ่มตัวอย่างที่มีหนี้มองว่า เห็นด้วย 62.19% เพราะช่วยรวมหนี้ทั้งหมดมาไว้ที่เดียว ดอกเบี้ยถูกลง ช่วยให้คนที่มีหนี้สบายใจขึ้น ฯลฯ ไม่เห็นด้วย 37.81% เพราะไม่แน่ใจเรื่องความโปร่งใส อาจมีผลประโยชน์แอบแฝง ทำให้คนขาดวินัยทางการเงินและกู้เพิ่ม อาจกลายเป็นหนี้เสีย ส่งผลกระทบต่อการเงินของประเทศในอนาคต ฯลฯ โดยมองว่าแนวคิดซื้อหนี้จะช่วยแก้ปัญหาหนี้สินของคนไทยให้หมดไปได้ 57.73% เพราะช่วยลดภาระหนี้ ส่งหนี้ได้ตรงเวลา ลดการกู้เงินนอกระบบ ทำให้มีเงินหมุนเวียนมากขึ้น มีเงินเหลือพอไปลงทุน ฯลฯ และช่วยไม่ได้ 42.27% เพราะคนขาดวินัย อาจกู้เพิ่มและไม่ใช้คืน หวังรอให้รัฐช่วย ทำได้ยาก ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ หนี้ไม่ได้หมดไปแค่เปลี่ยนเจ้าหนี้ ไม่ได้ช่วยคนที่เป็นหนี้นอกระบบ ยังไงก็ยังมีหนี้ ฯลฯ ทั้งนี้คิดว่าหากไม่ใช้วิธีซื้อออกจากระบบธนาคาร รัฐบาลควรใช้วิธีการปรับโครงสร้างหนี้ เช่น ขยายเวลาผ่อน ลดค่างวด 67.45% รองลงมาคือ ลดค่าครองชีพ 64.76% และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้ต่ำลง 61.37%

นายทักษิณกล่าวถึงผลสำรวจดุสิตโพล ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับนโยบายซื้อหนี้ประชาชนว่า เป็นเรื่องที่ต้องทำ วันนี้ต้องเข้าใจก่อนว่าประชาชนลำบากอยู่ 2-3 เรื่อง คือ 1.การบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาด โดยการดึงเงินออกนอกระบบ ทำให้เศรษฐกิจมันแห้ง ทำให้ประชาชนเดือดร้อน 2.เรื่องของโควิด-19 และ 3.การสร้างโอกาสให้กับประชาชนไม่เพียงพอที่ประชาชนจะสามารถทำมาหากินได้ ฉะนั้น วันนี้ก็ต้องหาทางให้ประชาชนสามารถเริ่มต้นใหม่ โดยการพยายามแก้หนี้ให้เขา หรือปรับโครงสร้างหนี้ ให้เขาสามารถชำระหนี้ได้มีเครดิตใหม่ และสร้างโอกาสให้เขาก็จะทำให้เขาฟื้นได้

เมื่อถามว่า ได้คุยกับเอกชนบ้างใช่แล้วหรือไม่ที่จะให้มารับซื้อหนี้ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่มีปัญหา ระบบทุนนิยมเราต้องการมีกำไรอยู่ได้ และวันนี้แบงก์ให้ดอกเบี้ยต่ำ ถ้าให้ดอกเบี้ยสูงกว่านี้เขาก็มา ซึ่งการแก้หนี้ภาคประชาชน ภาคครัวเรือนจะเกิดขึ้นในปีนี้ และน่าจะไปได้ดี

เมื่อถามว่า หลายฝ่ายมองว่าดิจิทัลวอลเล็ตทั้ง 2 เฟสที่ผ่านมาไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่พรรคเพื่อไทย (พท.) หวังไว้ นายทักษิณกล่าวว่า ใจเย็นๆ ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย มันจะไหลลงมากกว่านี้ ซึ่งบางทีเราทำแล้วมันหยุดการไหล แต่มันอาจจะยังไม่ขึ้นมา แต่ว่ามันจะขึ้นมาแน่นอน ขอให้ใจเย็นๆ เรื่องดิจิทัลวอลเล็ตมันไม่ใช่เรื่องเงินอย่างเดียว แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องใช้ในอนาคต และอีกหน่อยทุกคนจะรู้จักพรรคเพื่อไทย เพราะในเป๋าสตางค์ธรรมดา กับกระเป๋าดิจิทัลทุกคนต้องมีกระเป๋าเงินดิจิทัล เพราะในอนาคตจะมีสินทรัพย์ทางดิจิทัลอีกมากมาย ซึ่งจะไปผ่านดิจิทัลวอลเล็ตตัวนี้ และไปไหนก็จะรู้ว่าเรามีกระเป๋าดิจิทัลวอลเล็ตก็จะได้เห็นว่ามันมีประโยชน์เยอะ

ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และอดีตกรรมการและกรรมการตรวจสอบ ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยว่า ตัวเลขหนี้ครัวเรือนล่าสุด (ไตรมาส 3 ปี 2567) อยู่ที่ 16.34 ล้านล้านบาท สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีอยู่ที่ระดับ 89% แม้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีลดลงจากระดับสูงกว่า 90% โดยเฉพาะในช่วงโควิด หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีเคยขึ้นไปแตะระดับ 95.5% ขณะนี้มาอยู่ที่ 89% ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่เกิดความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม และแนวโน้มของหนี้เสีย 1.2 ล้านล้านบาทอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก โดยสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นหนี้เสียมากที่สุด คิดเป็น 23.35% ของสินเชื่อรวม ต้องดึงสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีลงมา จากระดับ 89% ให้มาอยู่ที่ 80% เท่ากับว่า ต้องเพิ่มรายได้โดยรวมอีกอย่างน้อย 1.63 ล้านล้านบาทจึงจะแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนโดยภาพรวมได้

 “มาตรการซื้อหนี้มาบริหารต้องปล่อยให้กลไกตลาดในตลาดการเงินทำงาน รัฐบาลจะเข้าแทรกแซงก็ต่อเมื่อกลไกตลาดล้มเหลว หากใช้เงินสาธารณะดูแลต้องมีกลไกและแนวทางชัดเจนในการทำอย่างไรไม่ให้เกิด Moral Hazard ในระบบการเงินและส่งเสริมวินัยทางการเงินของครัวเรือน สิ่งที่รัฐบาลต้องทำมากที่สุดคือ ทำอย่างไรให้จีดีพีโตขึ้นเร็วที่สุด รายได้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นมากพอที่จะชำระหนี้ได้ด้วยตัวเอง การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่ๆ ปฏิรูปขีดความสามารถในการแข่งขัน กระจายรายได้ให้เป็นธรรม เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ เพิ่มเงินเดือนขั้นต่ำเป็นสิ่งที่ช่วยให้แก้ปัญหาครบทุกมิติ คือหนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ หนี้ภาคเอกชน" ดร.อนุสรณ์กล่าว

ดร.อนุสรณ์ระบุว่า ชาวไทยมีหนี้ครัวเรือนบวกหนี้สาธารณะเฉลี่ยมากกว่า 400,000 บาทต่อคน แก้หนี้ต้องกระจายรายได้และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้เป็นธรรม สร้างโอกาสทำงานรายได้สูง ซื้อหนี้เพียงบรรเทาและย้ายเจ้าหนี้เท่านั้น ควรปล่อยกลไกตลาดการเงินทำงาน หากจำเป็นถึงแทรกแซงโดยเงินสาธารณะ และต้องมุ่งไปที่กลุ่มคนรายได้น้อยสุดที่อยู่ในกับดักของหนี้สิน อาจต้องใช้วิธีลดหนี้หรือยกเลิกหนี้ให้ รัฐบาลอาจใช้มาตรการลดหย่อนภาษีเป็นแรงจูงใจให้กลไกตลาดในตลาดซื้อขายหนี้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นก็ได้

“มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ ยืดการชำระหนี้ให้ยาวขึ้น ลดดอกเบี้ย จนถึงพักหนี้ที่ทำกันมาเกือบทุกรัฐบาลก็ทำได้เพียงแค่บรรเทาปัญหาวิกฤตหนี้สินครัวเรือน แต่ไม่ได้แก้ปัญหาที่รากฐานแห่งการเป็นหนี้ มาตรการแก้ไขหนี้สินนั้นต้องกระจายรายได้และกระจายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้เป็นธรรม สร้างโอกาสการทำงานด้วยรายได้สูงให้กับประชาชน ธุรกิจอุตสาหกรรมต้องสามารถเพิ่มมูลค่าด้วยความรู้และนวัตกรรม แปรรูปผลิตภัณฑ์ให้มีราคา และมูลค่าสูงขึ้น”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เลือก‘ณรงค์-อภิชาติ’นั่งกต.คนนอก

ผู้พิพากษาทั่วประเทศเทคะเเนนเลือก “อ.ณรงค์-หมออภิชาติ” นั่ง ก.ต.คนนอก คุ้มครองอิสระการทำหน้าที่ตุลาการ “สมชาย เล่งหลัก” ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตาเก้าอี้ สว. ปมถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี  

'โรม' เปิดโปงขบวนการ 'ชั้น 14' แฉ 'แพทองธาร' พยานประจักษ์สู่ตัวการสำคัญ!

“รังสิมันต์ โรม” อภิปรายแฉปม “ป่วยทิพย์” ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ชี้ “แพทองธาร” เป็นพยานเอกและตัวการสำคัญในดีลช่วย “ทักษิณ” ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว อัดเป็น “นายกฯ จอมหลอกลวง” ขาดความซื่อสัตย์ เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญาฐานอั้งยี่ ซ่องโจร ฝาก ป.ป.ช. สอบสวนเพื่อเอาผิด

สนุกดี 'อิ๊งค์' ชอบซักฟอกวันแรก ตลกพ่อมอนิเตอร์ตลอด ส่งข้อความหาเพียบ ลั่น!ไม่กลัวฝ่ายค้าน ชั้น 14 ให้ 'ทวีไอพี'ตอบ

ที่อาคารรัฐสภา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงสภาเพื่อเข้าร่วมประชุมญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันที่2 พร้อมให้สัมภาษ