ยิ้มก่อนเครียด! "แพทองธาร" โพสต์ภาพดินเนอร์พรรคร่วมฯ หัวเราะชื่นมื่น บอกสนุกสนาน-มีกำลังใจ ได้ฟังประสบการณ์ซักฟอกในสภาจากทุกคน "อนุทิน" เผยนายกฯ กังวลพูดไม่เก่ง ไม่ได้หัวเราะด้วยความสุข แต่พยายามทำให้ความกดดันต่างๆ ลดลง เพื่อไทยดาหน้าไม่ไว้วางใจฝ่ายค้าน บูลลี่ "ลุงป้อม" ขอให้มีแรงอภิปรายก็พอ เชื่อ "น้าเหลิม" ไม่กล้าผิดมารยาท
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์อินสตาแกรมภาพบรรยากาศและคลิปวิดีโอวงรับประทานอาหารร่วมกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมข้อความระบุว่า “หัวเราะเยอะกว่าทานข้าวไม่เกินจริง นั่งฟังประสบการณ์ในสภาจากทุกๆ ท่าน ย้อนไปถึงสมัยท่านนายกฯ ชาติชาย บางท่านเคยเป็นฝ่ายค้าน บางท่านเคยถูกอภิปรายอย่างหนัก รูปแบบห้องทานข้าว ตึกเดิม ยุคแพ็คลิงค์ ก็มา!!! ขอบพระคุณประสบการณ์จากทุกท่านที่ได้แชร์กันตอนทานข้าวค่ะ สนุกสนาน มีกำลังใจ ได้คุยครบทุกคน เจอกันวันจันทร์นะคะ"
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การอภิปรายนายกรัฐมนตรีคือการอภิปรายทั้งรัฐบาล รัฐมนตรี ทุกกระทรวงต้องเตรียมข้อมูลให้นายกฯ ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ส่วนไหนที่ถูกพาดพิงถ้าจำเป็นก็ต้องช่วยนายกรัฐมนตรีชี้แจง และที่สำคัญต้องสนับสนุนให้การไว้วางใจการทำงานของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรามั่นใจว่านายกรัฐมนตรีจะสามารถชี้แจงได้ เพราะเราเป็นคนสนับสนุนข้อมูลต่างๆ อยู่แล้ว สำหรับนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ก็เห็นอยู่ว่าได้ดำเนินการตามนโยบายต่างๆ เราในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลต้องให้การสนับสนุนไว้วางใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีกังวลประเด็นใดหรือไม่ เพราะมีพูดถึงเรื่องครอบครัวนายกฯ ด้วย นายอนุทินตอบว่า นายกฯ กลัวว่าจะพูดไม่เก่ง แต่พวกเราเรียนท่านว่าท่านทำงานมา 6 เดือนกว่า หรือครึ่งปีแล้ว ท่านมีความมั่นใจเพิ่มมากยิ่งขึ้นตามลำดับ ถ้าทุกอย่างอยู่ในเกมตอบได้หมด
ถามถึงบรรยากาศดินเนอร์พรรคร่วมฯ นายอนุทินกล่าวว่า เป็นไปได้ด้วยดี นายกรัฐมนตรีได้โพสต์ลงอินสตาแกรมแล้ว แต่เราไม่ได้หัวเราะด้วยความสุข เราพยายามทำให้ความกดดันต่างๆ ลดลง คิดว่านายกรัฐมนตรีมีความกดดัน แต่ก็ต้องทำให้ท่านมีความมั่นใจ มีความพร้อมว่าจะผ่านพ้นการอภิปรายนี้ไปได้ด้วยดี เพราะเป็นครั้งแรกของท่าน ส่วนตนเป็นครั้งที่ 6 แล้ว ซึ่งครั้งแรกก็ตื่นเต้นเหมือนกัน แต่เราก็ตอบด้วยความมั่นใจ เรารู้ว่าเราทำงานอะไร เราก็ตอบไปด้วยความมั่นใจ ถ้าทำโดยไม่มีเจตนาที่ไม่สุจริต จะยิ่งตอบได้อย่างไม่ต้องมีแรงกดดันอะไร
"ท่านต้องควบคุมอารมณ์ให้ดี อย่าไปอ่อนไหวต่อคำพูดกระแทกแดกดันต่างๆ ขอให้อยู่ในสาระของญัตติการอภิปราย ท่านนายกฯ ก็น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี" นายอนุทินกล่าว
ซักว่ากังวลหรือไม่ เพราะฝ่ายค้านบอกว่าจะนำข้อมูลจากการอภิปรายไปยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รองนายกฯ ตอบว่า ถ้าถามว่ากังวลไหม เราก็กังวลว่าหากเป็นข้อมูลที่มากกว่าที่เรารู้ในสิ่งที่เราทำ แบบนี้ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเราทำอะไรมาเรารู้ ทำดีทำชั่วเราก็ต้องรู้ ซึ่งที่ผ่านมานายกฯ ทำแต่เรื่องที่เป็นประโยชน์ ทำแต่คุณงามความดี ไม่น่าจะมีอะไรที่จะส่อไปในทางทุจริตได้
เมื่อถามว่า ข้อมูลมหาดไทยพร้อมเสิร์ฟหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ทีแรกคิดว่าจะโดนด้วย เตรียมข้อมูลไว้มากพอสมควร ครั้งนี้ถึงแม้นายกรัฐมนตรีจะโดนคนเดียว ก็ต้องมีการพาดพิงถึงงานทุกกระทรวง เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ไม่ใช่เป็นประโยชน์ต่อผู้ชี้แจง แต่เป็นการแถลงให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือฝ่ายค้านที่อาจไม่รู้ในรายละเอียดรับทราบ ซึ่งเราก็มั่นใจในสปิริตของฝ่ายค้านอยู่แล้ว หลายครั้งเมื่อเราชี้แจงได้ หากพรรคฝ่ายค้านคลี่คลาย ก็เห็นสปิริตแสดงความขอบคุณและชื่นชมมา ถ้าอยู่กันแบบนี้ได้ ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน เขามีสิทธิ์ที่จะสงสัย ถ้าเขาไม่สงสัยก็แสดงว่าไม่ได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสมบูรณ์ ส่วนเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
'เฉลิม' เป็นเรื่องของเพื่อไทย
ถามว่า หากมีการพาดพิงรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยจะชี้แจงเลยหรือไม่ รองนายกฯ เผยว่า มีกฎระเบียบอยู่แล้วว่าอะไรลุกขึ้นตอบได้หรือไม่ได้ ส่วนไหนที่ถามนายกฯ เราก็ต้องเตรียมให้นายกฯ ตอบ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ลุกขึ้นไปตอบแทน ฝ่ายค้านจะบอกว่าทำไม่ได้อภิปราย ถ้าเราดื้อพูดต่อไปก็จะมีการประท้วงไปมา เสียเวลาพี่น้องประชาชน
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จะใช้เวลาฝ่ายค้านอภิปรายโดยใช้เวลาของพรรคพลังประชารัฐ จะเหมาะสมหรือไม่นั้น นายอนุทินกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรเป็นฝ่ายค้านอยู่แล้ว ก็มีสิทธิ์ที่จะอภิปราย แต่ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นการใช้เอกสิทธิ์ของความเป็น สส. ก็เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทยที่จะต้องไปดำเนินการ
ส่วนเรื่องการพาดพิงคนนอกอาจทำให้เกิดการประท้วงจนการประชุมยืดเยื้อถึงวันที่ 27 มีนาคมนั้น นายอนุทินกล่าวว่า ที่ประชุมก็ได้มีการพูดคุยกัน อยู่ดีๆ จะลุกขึ้นตอบแทนนายกฯ ก็คงไม่ได้ แต่หากอภิปรายพาดพิงมาโดนรัฐมนตรีเต็มๆ เราก็มีสิทธิ์ใช้สิทธิ์พาดพิง แต่ต้องทำให้ถูกจังหวะ ต้องดูจังหวะจะโคนให้ดี อะไรควรพูดก็พูด อะไรไม่ควรพูดก็ไม่ต้องพูด
ซักว่าจะอยู่จนถึง 05.30 น.หรือไม่นั้น นายอนุทินหัวเราะก่อนกล่าวว่า จะอยู่หรือไม่อยู่ แต่เชื่อว่าทุกคนก็จะฟังถ่ายทอดสด ไม่จำเป็นต้องอยู่บนบัลลังก์ และเพราะอยู่ในสภาก็ได้ยินเสียงทั่วอยู่แล้ว และกล่าวติดตลกว่า ซื้อผลิตภัณฑ์ OTOP ใช้เป็นเครื่องขยายเสียง 3-4 เท่ามาแล้ว ไม่ต้องเสียบปลั๊ก เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านของจังหวัดเชียงใหม่
ด้านนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลไม่กังวล สบายๆ ตามระบบรัฐสภา ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่น่าเห็นใจว่าอาจจะเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายของหลายๆ คน ตนเป็นห่วงฝ่ายค้าน ไม่ใช่ห่วงรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรี
“นายกฯ ไม่ใช่เป็นโดยอุบัติเหตุ เพราะเขาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ตามระเบียบ ไม่ใช่เหมือนนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านฯ โดยอุบัติเหตุ” นายอดิศรกล่าว
ขอให้มีแรงอภิปรายก็พอ
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ว่า พยายามจะคุมเวลา แต่จะได้แค่ไหนต้องรอดู ทั้งนี้ต้องฟังฝ่ายค้านด้วยว่าอภิปรายอยู่ในเรื่องราวแค่ไหน เพราะเขาได้เวลาไป 28 ชั่วโมง หากใช้เกินเลย ก็เป็นสิทธิ์ของฝ่ายรัฐบาลในการเสนอปิดอภิปราย ดังนั้นต้องต่างคนต่างดู พิจารณากันให้ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าเสียงโหวตของรัฐบาลจะไม่หายแม้แต่เสียงเดียว นายวิสุทธิ์กล่าวว่า มั่นใจว่าไม่หาย เมื่อถามย้ำว่าแล้วจะมีเพิ่มหรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ไม่น่ามีเพิ่ม เท่าเดิมนี้ก็พอ คงไม่มีใครไปซื้องูเห่าหรอก
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาจจะลุกอภิปรายต่อจากผู้นำฝ่ายค้านฯ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ที่ท่านทำได้ แต่ไม่ทราบว่าจะทำไหวหรือไม่ เราคงไม่ค่อยทักท้วงท่าน ขอให้ท่านมีแรงอภิปรายก็พอ ส่วน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อาจจะร่วมอภิปรายกับฝ่ายค้านด้วยนั้น โดยมารยาทไม่มีใครทำ ท่านเป็นผู้ใหญ่ เชื่อว่าจะไม่ทำอย่างนั้น
ส่วนนายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า คำว่า ขาดภาวะผู้นำ จะเอาอะไรมาชี้วัด ถ้าขาดจริงๆ ความหมายในเชิงวิชาการจะเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ในเชิงความเป็นจริง ถ้าพูดง่ายๆ คือวันนี้ไม่สามารถนำข้าราชการได้ หรือสั่งข้าราชการแล้วเขาไม่ทำ ทางคณะรัฐมนตรีหรือสภาไม่เอาด้วย นั่นคือผู้นำที่ล้มเหลว ถ้าแบบนี้เรียกว่าขาดภาวะผู้นำ แต่นายกฯ เขาไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะเขาก็สั่งข้าราชการ ไม่มีคัดค้านหรือต่อต้าน และส่วนใหญ่ ครม.ก็สนองนโยบายหมด งานทุกอย่างก็เดินหน้าและผลิตอย่างเป็นรูปธรรม แล้วเขาขาดภาวะผู้นำตอนไหน คิดว่าฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลพอ เพราะหากมีข้อมูลเพียงพอเขาก็จะอภิปรายรายบุคคล
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในฐานะเป็นผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจมานับสิบครั้ง อยากให้การอภิปรายในวันจันทร์นี้โดยคนรุ่นใหม่ หรือรุ่นเก่าแต่ยังเก๋าของพรรคฝ่ายค้าน อภิปรายด้วยเนื้อหาเชิงสร้างสรรค์เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาประเทศร่วมกัน วันนี้หมดยุคใช้วาทกรรมแบบในอดีตแล้ว ประชาชนเบื่อความขัดแย้ง อยากเห็นประเทศเดินหน้าพัฒนาอย่างเจริญรุ่งเรือง อยากให้เศรษฐกิจดีขึ้นหลังจากจมปลักกันมาเป็นสิบๆ ปี ตนเห็นว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรอบหลายทศวรรษมานี้ไม่เคยเห็นการลงมติไม่ไว้วางใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะยังไงเมื่อลงมติเสียงข้างมากในสภาก็จะยกมือให้ผ่านอยู่แล้ว
การอภิปรายรูปแบบใหม่
“คาดหวังว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้จะเป็นการอภิปรายรูปแบบใหม่ ที่สมฐานะฝ่ายค้านรุ่นใหม่จริงๆ ที่จะช่วยกันแนะนำและส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินของฝ่ายบริหารจากมุมมองของฝ่ายค้านได้อีกด้วย ไม่อยากให้ผู้อภิปรายฝ่ายค้านบางคนไปใช้คำล่อแหลมส่อเสียดหยาบคาย หรือบูลลี่ด้อยค่ากันเหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะสังคมไทยรับไม่ได้กับการสบประมาทหรือหลอกด่าบุพการีของกันและกัน เพราะผมก็เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้ใครพาดพิงหรือด่าบุพการีของคนอภิปรายจากฝ่ายค้านอย่างแน่นอน" นายจิรายุกล่าว
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่พรรคฝ่ายค้านล็อกเป้าอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธารเพียงคนเดียว อาจมีแผนประทุษกรรมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย อาจพยายามอภิปรายในลักษณะที่ผิดข้อบังคับ เสียดสี ยั่วยุให้เกิดการประท้วง ดังนั้นตัวชี้วัดอาจไม่ได้อยู่ที่ใครอภิปรายได้ดี มีข้อมูลหลักฐานมายืนยัน แต่เกณฑ์การประเมินอาจอยู่ที่ใครอภิปรายหรือยั่วยุ แล้วเกิดการประท้วงให้สภาเกิดความโกลาหลได้มากถือว่าประสบความสำเร็จมากกว่า
“ตอนเลือกตั้งบอกว่ามีเราไม่มีลุง มีลุงไม่มีเรา แต่กลับมาเป็นฝ่ายค้านร่วมกับลุง ร่วมอภิปรายกับลุง แบบมีเราต้องมีลุง มีลุงต้องมีเราแบบนี้เสียแล้ว ถือว่าตระบัดสัตย์ ไม่ตรงปกตามที่หาเสียงไว้หรือไม่” นายอนุสรณ์กล่าว
นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ระบุว่าคำร้องที่ยื่นท้วงติงว่าอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านไม่ถูกต้องนั้นถูกต้องแล้วว่า การที่ตนมองว่าญัตติของฝ่ายค้านผิด เพราะถ้ามองตามข้อกฎหมายก็ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและในเอกสาร เพราะตนมองตั้งแต่เริ่มต้น แต่เห็นด้วยในมาตรา 151 เพราะเป็นลักษณะของการตรวจสอบถ่วงดุล การคานอำนาจกัน ที่หลักสากลเขาใช้กัน แต่พออ่านในมาตรา 3 คือรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ส่วนมาตรา 114 ก็บอกว่าเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ตนก็ต้องทำหน้าที่ จึงมาดูรายละเอียดที่มาตรา 151 และสืบค้นตั้งแต่เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่มีหลักในการที่จะให้มีการตรวจสอบถ่วงดุล ซึ่งในรัฐธรรมนูญมาตรา 151 เขียนว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 เข้าชื่อ ซึ่งไม่ใช่การลงชื่อ เพื่อเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ คำว่าเข้าชื่อในที่นี้ถ้าคนอ่านผิวเผินไม่คิดมากก็ไม่มีปัญหา แต่การลงชื่อกับการเข้าชื่อไม่เหมือนกัน
ไม่ได้ขัดขวางการอภิปราย
นายประยุทธ์กล่าวต่อว่า ในฎีกาหน้าที่ 24 และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2557 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า คำว่าแก้ไขเพียงเล็กน้อยคือเฉพาะเรื่องพิมพ์ผิดหรือวรรคตอนเท่านั้น แต่ถ้าสาระสำคัญ ต้องเอาญัตติออกไป แก้ไขมาใหม่และเซ็นชื่อมาใหม่ เพราะคนเข้าชื่อในญัตติเขาเพิ่งประสงค์ว่าเมื่อร่วมกันเข้าชื่อแล้วญัตติสมบูรณ์ หากมีการแก้ไขจะต้องแก้ไขเป็นหมู่คณะโดยการเข้าชื่อกันไม่ใช่มาขีดฆ่าแล้วเขียนคนเดียว เพราะไม่ใช่เจตนารมณ์ ดังนั้นถ้าเซ็นรับรองกันหมดก็ไม่มีปัญหา
นายประยุทธ์กล่าวต่อว่า ในกรณีที่ตนเขียนไปเป็นคำร้อง ถ้าในกรณีที่เป็นคำฟ้องในศาลเขาจะมีคำขอท้ายฟ้อง แต่ในคำร้องของตนก็มีคำขอท้ายคำร้อง คือเพื่อโปรดพิจารณา เพราะเจตนาของตนอยากให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่มีการขัดขวางอะไรที่จะต้องประวิงเวลา เพราะนี่คือมาตรการตรวจสอบถ่วงดุล ซึ่งประชาชนทั่วไปก็อยากจะเห็น ตนก็อยากจะเห็นคำอภิปรายของผู้ที่จะมาตรวจสอบ และเห็นคนที่ถูกตรวจสอบเปิดเผยตอบโต้ ตนเพียงแต่มีหนังสือเพื่อให้ประธานสภาฯ พิจารณา แต่ตนไม่มีสิทธิ์ที่จะชี้ว่าถูกหรือผิดโดยลำพัง และประธานก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะชี้ว่าที่ตัวเองทำถูกต้องถูกหรือผิด แต่ถ้าทำไปแล้วก็ต้องถือว่าเป็นการถูกต้อง
“พอผมลงรับหนังสือคำร้องแล้วผมก็ขึ้นไปพบท่านประธานสภาฯ ท่านประธานก็บอกว่าจริงๆ แล้วก็มีการพูดจากันอยู่ว่าเป็นอย่างไร แต่ก็เป็นการร้องขอกัน เพราะว่าพรรคประชาชนเขาไม่ยอมถอนออกไป จึงเกิดการต่อรอง แต่ถ้าเป็นกฎหมายไม่มีการต่อรอง จะต้องยึดข้อบังคับข้อ 175 ที่บอกว่าการเข้าชื่อตามมาตรา 151 เพื่อแสดงว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะในเรื่องใดบ้าง ซึ่งผมเกิดความสงสัยว่าญัตตินี้สมบูรณ์หรือไม่ ถามว่าเป็นการขัดขวางไม่ให้พูดหรือไม่ ก็ไปดูคำขอของผมได้เลย แต่ผมต้องการสร้างมาตรฐานและบรรทัดฐานให้กับสภา” นายประยุทธ์กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เลือก‘ณรงค์-อภิชาติ’นั่งกต.คนนอก
ผู้พิพากษาทั่วประเทศเทคะเเนนเลือก “อ.ณรงค์-หมออภิชาติ” นั่ง ก.ต.คนนอก คุ้มครองอิสระการทำหน้าที่ตุลาการ “สมชาย เล่งหลัก” ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตาเก้าอี้ สว. ปมถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี
โจรใต้จ้องบึ้ม สั่งทุกโรงพัก เข้มถึง27มี.ค.
หน่วยมั่นคงชายแดนใต้สั่งทุก สภ.เฝ้าระวังขั้นสูงสุด ตั้งแต่คืน 25-27 มี.ค.
ฝ่ายแค้นจืดหยันเหยาะน้ำปลา
"อิ๊งค์" ยันแจงซักฟอกตรงประเด็น บอกพูดยาวไม่เป็น ชี้พรรครัฐบาลเข้มแข็ง
รัฐบาลปึ้กพ่วงงูเห่า โหวต‘อิ๊งค์’ท่วมท้น/ปิดฉากซักฟอกถลก2พ่อลูกดีลปีศาจ
ดีลแลกประเทศวันสุดท้ายร้อนฉ่า! รังสิมนต์สับ 2 ไอ้โม่งทำให้เกิดดีลปีศาจชั้น 14 ร
‘ณัฐพงษ์’ สรุปคม! ไม่ไว้วางใจ ‘แพทองธาร’ ลุ้นลงมติเข้า 26 มีนา.
ณัฐพงษ์-ผู้นำฝ่ายค้าน’ สรุปการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชี้ ‘แพทองธาร’ จงใจทำธุรกรรมอำพรางวางแผนหนีภาษี อิงแอบกับกลุ่มทุน เอาใจอำนาจเก่า ขาดเจตจำนงแก้ปัญหา หนี
'พิพัฒน์' ลั่นพร้อมตรวจสอบ หลังฝ่ายค้านแฉคนจีนลักลอบทำงานในไทย
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีที่นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน การอภิปราย อภิปรายพาดพิงว่า สำหรับการถูกพาดพิงในเรื่องแรงงานจีน