ชงทูตไทยปักกิ่ง เยี่ยมชาวอุยกูร์ เพิ่มความมั่นใจ

“ภูมิธรรม” พร้อมคณะกลับถึงไทยแล้ว เผยต่อไปให้ทูตไทยประจำกรุงปักกิ่งเยี่ยมกลุ่มคนที่เหลือให้เกิดความมั่นใจ “ทวี” ย้ำการส่งกลับยึดหลักกฎหมาย สวนหมัด “กัณวีร์” ถามเป็นมุสลิมหรือเปล่าที่มาข้องใจเรื่องผู้หญิงสวมกอด

เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2568 นายจิรายุ  ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ 25 คน ได้เดินทางกลับจากท่าอากาศยานคาซือ เขตปกครองตนเองซินเจียง เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 20 มี.ค. ตามเวลาท้องถิ่น และเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 21 มี.ค. โดยก่อนเดินทางกลับ นายภูมิธรรมได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลจีนที่อำนวยความสะดวกตลอดเวลา 2 วัน และจากนี้รัฐบาลไทยจะมอบหมายให้เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่งได้มีโอกาสไปเยี่ยมกลุ่มคนที่เหลือ หรือวิดีโอคอล เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการส่งชาวอุยกูร์กลับสู่แผ่นดินเกิด โดยไม่มีการละเมิดสิทธิหรือมนุษยชนต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการเดินทางไปเยี่ยมเยือนชาวอุยกูร์ว่า การตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศได้ยึดหลักความถูกต้องตามกฎหมายไทย และหลักสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ ซึ่งเราได้นำพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันการปราบปรามการซ้อมทรมานหรือการบังคับบุคคลสูญหายมาพิจารณาร่วมด้วย ซึ่งการเดินทางไปของคณะ ถือเป็นการเยี่ยมเยือน แต่ในบทบาทของ รมว.ยุติธรรมตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย เราก็ต้องไป เพราะมีคนสงสัยว่าถ้าส่งกลับไปเป็นการทรมานหรือไม่ ซึ่งสิ่งที่เห็นคือรัฐบาลจีนยืนยันว่า เราอยากดูที่ไหนก็ให้ไปดู  ไม่พบการถูกบังคับ และสิ่งที่คณะและสื่อมวลชนได้เห็นก็เพราะเขาเปิดกว้าง และให้เราถามอย่างเสรี โดยทางจีนจัดล่ามภาษาอุยกูร์และภาษาจีน  จึงยืนยันว่าเราทำถูกตามหลักกฎหมายไทยและหลักสิทธิมนุษยชน

เมื่อถามว่า​ เจอเพียงบางคนจะตอบว่าทุกคนที่ถูกส่งกลับไปปลอดภัยได้หรือไม่​ พ.ต.อ.​ทวีกล่าวว่า​ เขาเป็นประเทศอธิปไตย และเขาเปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปเยี่ยมเยือนไปตรวจสอบ  และเขาก็รับปากว่าหลังจากนี้จะให้รัฐมนตรีต่างประเทศและคณะเข้าไปดู ซึ่งประเทศจีนอยู่ในสหประชาชาติ เมื่อเขารับรอง ก็เป็นส่วนที่สามารถเชื่อมั่นได้​

ต่อข้อถามว่า บางคนยังกางขา เราจะชี้แจงอย่างไร พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เราคงชี้แจงให้เห็นว่าเราทำไปตามหลักสิทธิมนุษยชน และได้ถามตำรวจก่อนส่ง เขาก็เซ็นสมัครใจไปทุกคน อันนี้ก็ครบทุกประเด็นแล้ว เราอยากฝากทุกคนว่าเราอาจมีความขัดแย้ง แต่ในรัฐธรรมนูญ สส.ก็ดี​ สว.ก็ดี ต้องเป็นตัวแทนของประชาชนแล้วคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ บางครั้งการนำเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยตัวเองอาจมีความเชื่อแบบหนึ่ง​ ก็พูดได้ แต่อยากให้ตรวจสอบความเป็นจริง ซึ่งเท่าที่เราไปดูทุกคนก็ยิ้มแย้ม ที่สำคัญคือคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ ทุกคนพยายามจะโผเข้ากอดตน​เองที่เอาลูกเขามาคืน  ส่วนลูกก็ดีใจ และมีคนหนึ่งที่มีลูก ลูกเขาโตแล้ว เขาก็ดีใจที่พ่อเขากลับมา และเราได้ยืนยันแค่ว่าเราเคารพสิทธิ์ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด

 “เรื่องที่บางประเทศไม่เข้าใจนั้น กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้ชี้แจง แต่ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมยืนยันว่าเราได้ทำตามกฎหมาย และเห็นว่ามนุษย์ทุกคนมีคุณค่า มีความสำคัญ มีศักดิ์ศรี วันนี้เหมือนให้เขาไปมีชีวิตใหม่ ที่เขาอยู่ในห้องกักขังในประเทศไทยมา 11 ปี และในห้องมีพันกว่าคน จึงไม่อยากให้คำว่าสิทธิมนุษยชนหายไป แต่เอาความสะใจหรือสร้างความเกลียดชังมาพูด ซึ่งเป็นสิ่งไม่ดี  เพราะรัฐบาลไทยนึกถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ประโยชน์ของประเทศชาติ และประโยชน์ของส่วนรวม”

ส่วนที่นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ตั้งข้อสังเกตเรื่องภาพผู้หญิงชาวอุยกูร์ซึ่งเป็นชาวมุสลิมมาโผกอดผู้ชายได้อย่างไรนั้น พ.ต.อ.ทวีย้อนถามว่า คุณกัณวีร์เป็นมุสลิมหรือเปล่า เพราะที่เราไปเห็นมัสยิดอิหม่าม อายุกว่า 500 ปี และมุสลิมในจีนส่วนใหญ่ไม่สวมฮิญาบ ซึ่งการที่เขามาโผกอดเหมือนผู้ใหญ่ผู้น้อยไม่มีอะไรต้องสงสัย ต้องถามสื่อที่ไปดีกว่า และแต่ละพื้นที่มีอัตลักษณ์ของเขา อย่างไทยมุสลิมช่วงหลังๆ ก็คลุมฮิญาบ และบางประเทศที่เป็นประเทศมุสลิมก็ไม่ได้คลุมฮิญาบ ส่วนการที่เข้ามาสวมกอดผู้ชายนั้น เราก็ป้องกันเต็มที่แล้ว แต่เขาต้องการเข้ามาแสดงความรู้สึกและร้องไห้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป้องนาย ‘จิรายุ’ แนะฝ่ายค้านอย่าใช้ภาษาต่ำสะดือ อย่าเหยียดเพศ

”จิรายุ“ ขอฝ่ายค้านอย่าใช้ภาษาต่ำสะดือ อย่าเหยียดเพศ วอนทำการเมืองสร้างสรรค์อย่างที่พยายามสื่อสารมาตลอด ยืนยันนายกฯ ไม่รู้สึกกดดัน พร้อมชี้แจงทุกเรื่องระดับ  “Wonder Woman.“