‘ดินเนอร์’เช็กเสียง! ‘อุ๊งอิ๊ง’เป็นเจ้าภาพเลี้ยง ‘ลุงป้อม’ซักฟอกต่อ‘เท้ง’

ดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลสุดชื่นมื่น  "อิ๊งค์" เปิดโรสวูดเลี้ยงข้าวหัวหน้าพรรค ติวเข้มก่อนซักฟอก "ทักษิณ" โผล่คุยนักธุรกิจสายการบิน ช่วย รบ.คิดมาตรการกระตุ้น นทท.เข้า ปท. "วันนอร์" เคลียร์ขีดฆ่าชื่อแก้ญัตติไม่ไว้วางใจเรื่องเล็กน้อย ไม่ผิดข้อบังคับเดินหน้าอภิปรายได้ "วิโรจน์" ซัด "นายกฯ" เห็นแก่ตัว ให้วิปรัฐบาลเสนอลากยาวถึงตี 5 เหน็บลูกคุณหนูต้องมีพี่เลี้ยงเป็นทีมองครักษ์ "อนุสรณ์” สวนอย่าปากแจ๋ว ทำตัวเป็นทหารเลวมาร้องด่าแม่ทัพใหญ่หน้าค่าย "พปชร." เปิดคิว “ลุงป้อม” ลุกซักฟอกต่อจาก "ผู้นำฝ่ายค้าน" บอกแค่จั่วหัวภาพรวมแล้วให้ สส.ลงลึก "ทวี" ดักคอโยงชั้น 14 อ้างเรื่องเก่า แถม ป.ป.ช.รับไต่สวนไม่ควรพูดถึง

ที่รัฐสภา วันที่ 21 มีนาคม 2568 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร  กล่าวถึงกรณีนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ทำหนังสือแสดงความเห็นโต้แย้งการแก้ไขญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.)  ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อาจไม่ถูกต้องตามข้อบังคับว่า ได้รับหนังสือดังกล่าวเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 มี.ค. และให้รองเลขาธิการฝ่ายกฎหมายพิจารณา

นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ผลการพิจารณาเป็นการแก้ไขที่ถูกต้องตามข้อบังคับและรัฐธรรมนูญ แม้ว่าจะแก้ไขโดยการขีดฆ่าและลงลายมือชื่อกำกับก็ตาม ทั้งนี้ การแก้ไขดังกล่าวเป็นเรื่องเล็กน้อย และเป็นประเด็นที่ประธานสภาฯ ขอให้แก้ไขเนื่องจากมีข้อบกพร่อง รวมถึงมีการตกลงกันต่อหน้าตนด้วย ดังนั้นความเห็นของนายประยุทธ์นั้น ตนจะทำหนังสือแจ้งให้ทราบในวันที่ 24 มี.ค.นี้อีกครั้ง ดังนั้นการประชุมสภาฯ เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเป็นไปตามกำหนดตามที่ตนได้ออกหนังสือนัดประชุมวันที่ 24 มี.ค.

 “หนังสือของนายประยุทธ์เป็นความเห็นที่เห็นว่าญัตติไม่ถูกต้อง แต่ไม่ได้เสนอญัตติว่าให้ดำเนินการอย่างไร ส่วนจะดำเนินการอย่างไรเป็นเรื่องของนายประยุทธ์ต่อไป ดังนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นไปตามข้อตกลง ทั้งเรื่องของกรอบเวลา แต่เมื่อถึงเวลาประชุมจริงๆ หน้างานอาจจะมีปัญหาต้องคุยกัน สามารถคุยกันได้ตลอดตามความเหมาะสมและความเป็นไปได้ ประเด็นสำคัญคือ ขอให้ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจให้ดำเนินการไปได้ตั้งแต่ต้นและจบด้วยดี” ประธานสภาฯ กล่าว

ขณะที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ทุกอย่างพร้อมมาสัปดาห์หนึ่งแล้ว ซึ่งทีเด็ดของเรายังอยู่ที่เนื้อหาสาระที่ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานที่ต้องการให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีชี้แจงด้วยตัวเอง หลายประเด็นที่เขาเก็งข้อสอบ บอกว่าข้อสอบรั่ว บางทีในฐานะคนออกข้อสอบมันก็อมยิ้มอยู่ลึกๆ 

ซัดนายกฯ เห็นแก่ตัวลากซักฟอกตี 5

"เราออกข้อสอบถามลูก แต่คนเก็งเก็งว่าเราไปถามพ่อ แต่เรายืนยันว่าเราถามลูก และเราก็หวังว่าลูกจะตอบด้วยตัวเอง สิ่งที่เรากลัวในวันนี้คือระหว่างทำข้อสอบ ลูกจะแอบโทรศัพท์ไปถามพ่อ ซึ่งพ่อก็ไม่น่าจะตอบได้อีก ทุจริตข้อสอบ พ่อก็พยายามจะยิงคำตอบมาให้ แต่ก็ต้องยืนยันว่าเราถามลูก ไม่ได้ถามพ่อ” นายวิโรจน์กล่าว

ถามว่า พรรค พท.ตั้งองครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับการประชุมเต็มคณะ 20 คน สะท้อนอะไร  นายวิโรจน์กล่าวว่า เขาคงต้องกระวีกระวาดแหละ คุณหนู ลูกนายใหญ่ใช่ไหม พวกเหล่าบรรดาลูกสมุน บรรดาบริวารในกงสีก็ต้องออกมาทำคะแนนเนอะ ใช่หรือไม่ ก็เป็นเรื่องธรรมดา มันก็ยิ่งทำให้ด้อยค่าภาวะผู้นำของตัวนายกรัฐมนตรี ก็เหมือนกับลูกคุณหนู ไข่ในหินอะไรอย่างนี้ ต้องมีพี่เลี้ยงคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดอกเช็ดปากตลอดเวลาอะไรอย่างนี้

"ขอฝากไปถึงทีมองครักษ์ว่าให้แม่นข้อบังคับการประชุมหน่อย ข้อ 177 นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นคนตอบข้อชี้แจงเอง ต้องย้ำตรงนี้ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ คนที่มีหน้าที่ชี้แจงคือฝ่ายบริหาร ฝ่ายบริวารอย่าเข้ามายุ่ง" นายวิโรจน์กล่าว

เมื่อถามถึงดรามาการใช้คำแรงวันที่ไปเรียกร้องให้เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาหมอคางดำ จนทำให้ฝั่งรัฐบาลมองว่าไม่มีกาลเทศะ รองหัวหน้าพรรค ปชน.กล่าวว่า ดูสิก็ตายยกรังเลย เห็นหรือไม่ เรื่องนี้เป็นความจงใจ เป็นเจตนาของพรรค พท.ที่จะหยิบเล็กหยิบน้อย จับจดกับเรื่องเล็กๆ ในห้วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน คนอย่างแพทองธาร ชินวัตร แทนที่จะมารับเรื่องร้องเรียนมาฟังความทุกข์ร้อนจากประชาชนที่เขาสิ้นเนื้อประดาตัวจากปัญหาปลาหมอคางดำ แต่กลับเดินเล่นในสวน รับช่อดอกไม้จากนายทุน เขาพยายามจะปิดข้อเท็จจริงที่น่าอดสูอย่างนี้

"ผมมั่นใจคนมากกว่าครึ่งประเทศมากกว่า 70-80% ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ได้รู้สึกว่าคำที่ผมพูดไม่เหมาะสม เพราะใช้วลีนี้เป็นเรื่องสามัญไปแล้ว ไปถามจาก Chat GPT ก็รู้ ไม่ได้หยาบคายตรงไหน Chat GPT ก็ตอบอยู่แล้วว่าไม่หยาบคาย แต่มันจะมีคนในรัฐบาล พวกลูกหาบ ลูกสมุน พวกตัวประกอบ 5 บาท 10 บาท พยายามเอาเรื่องนี้มาเบี่ยงเบนประเด็น ผมคิดว่าใจร้ายกับประชาชน และไม่รู้หน้าที่ ในขณะที่ประชาชนทนทุกข์ กลับเดินเล่นในสวนสบายใจเฉิบ” รองหัวหน้าพรรค ปชน.กล่าว

นายวิโรจน์ยังกล่าวถึงกรณีนายกฯ ระบุตีห้าอยู่ฟังอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ไหวต้องกลับบ้านไปดูลูกว่า อยากจะบอกว่าตีห้านี้ไม่เคยเป็นดำริหรือความคิดของฝ่ายค้าน จำนวนเวลา 30 ชั่วโมงที่เสนอไป เราพยายามกระจายเวลาให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกินเวลาเที่ยงคืน เพื่อให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ลูกจ้าง คนตัวเล็กตัวน้อยได้กลับไปพักผ่อน

 “นายกฯ ครับ แพทองธารในประเทศนี้ คุณคนเดียวเหรอที่มีลูก คุณคนเดียวเหรอที่มีครอบครัว บางคนที่เขายังไม่มีลูก เขาก็มีพ่อแม่ที่ต้องกลับไปดูแล แล้วคุณให้วิปรัฐบาลมาเสนอตีห้า โดยที่คุณไม่อยู่ไม่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับลูกจ้าง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ทำงานได้อย่างไร นี่ไง พฤติกรรมที่เอาแต่ความสบายของตัวเอง เห็นแก่ตัว” นายวิโรจน์กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ออกมาตอบโต้นายวิโรจน์ที่มาเหน็บ น.ส.แพทองธาร ต้องมีพี่เลี้ยงคอยดูแล ดักคอองครักษ์อย่าจุ้นชี้แจงซักฟอกแทนนายกฯ ว่า ถึงวันนี้ตนมั่นใจว่ามีคนไทยมากกว่าครึ่งประเทศรู้แล้วว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธารในวันจันทร์นี้ ไม่มีความจำเป็นอะไรเลย หากพรรค ปชน.จะส่งนายวิโรจน์ออกมายั่วยุปั่นป่วนสังคม การทำตัวเดือดตั้งแต่ก่อนจุดไฟ ไม่มีคนปกติที่ไหนเขาทำกัน ถ้าจะอุ่นเครื่องก็เอาแค่พอหอมปากหอมคอ อย่าไปเร่งเกม เหยียบจนคันเร่งพัง

"ระยะหลังๆ หลายคนสงสัยว่านายวิโรจน์ไปโดนตัวไหนมา อย่าออกมาทำตัวเป็นทหารเลวไปร้องด่าแม่ทัพใหญ่หน้าค่าย จะอภิปรายเรื่องอะไร จะสร้างคอนเทนต์แบบไหนก็ทำไป แต่อย่าลามปาม แซะ เหน็บแนมนายกรัฐมนตรีแบบไร้เหตุผลไปเสียทุกเรื่อง นายวิโรจน์จะปากแจ๋วไม่มีปัญหา วาทกรรมที่ไร้รสนิยมถือว่าหนักแล้ว แต่อย่าลามปามถึงขั้นไร้มารยาท การที่นายวิโรจน์บอกว่าองครักษ์อย่าจุ้นชี้แจงซักฟอกแทนนายกฯ  นั้น ไม่ต้องกังวล พวกผมอ่านข้อบังคับรู้ ดูข้อบังคับเป็น รู้ว่าสิ่งใดทำได้ สิ่งใดทำไม่ได้ และไม่ได้ให้ Chat GPT นำทาง ทุกอย่างต้องถาม AI ไปเสียหมด แบบบางพรรคการเมือง ที่จะอภิปรายแต่ละทีต้องให้ Chat GPT เขียนให้ แล้วมายืนอ่านเป็นนกแก้วนกขุนทองโดยไม่ได้เข้าใจในเนื้อหาที่อภิปราย" นายอนุสรณ์กล่าว

'ลุงป้อม' เปิดหัวประเด็นสำคัญ

ด้านพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของพรรคว่า พปชร.เตรียมผู้อภิปรายไว้ 5 คน ในจำนวนนี้มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคด้วย และได้รับการจัดสรรเวลาทั้งหมด 2 ชั่วโมง ส่วนเวลาที่ พล.อ.ประวิตรจะใช้นั้นแล้วแต่ท่าน ขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่ท่านเตรียม โดยเป็นการอภิปรายภาพรวมในประเด็นสำคัญ  คงไม่ใช้เวลามากเท่ากับ สส.ที่จะลงลึกเป็นรายประเด็น

"คิวการอภิปรายของ พล.อ.ประวิตร จะเป็นคิวต่อจากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ" นายไพบูลย์กล่าว

  ถามว่า หาก พล.อ.ประวิตรอภิปรายแล้วถูกฝ่ายรัฐบาลประท้วงขัดจังหวะ ต้องเตรียมองครักษ์ไว้ช่วยแก้เกมหรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรเป็นผู้ใหญ่ อภิปรายในญัตติอยู่แล้ว เชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลไม่มีปัญหา จะให้เกียรติท่าน และไม่มีเหตุให้ประท้วง ท่านเป็นผู้ใหญ่ ดูข้อบังคับการประชุมโดยละเอียดอยู่แล้ว

พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ทสท. กล่าวถึงการอภิปรายว่า พรรคได้โควตา สส. 1 คน กับเวลาอีกราว 50 นาทีถึง 1 ชั่วโมงในการอภิปราย โดยมีการเตรียมข้อมูลซักซ้อมกันเรียบร้อยแล้ว

ถามว่า ห่วง สส.พรรคที่อาจจะโหวตสวนมติพรรคหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า จะเก็บไว้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ในการยื่นสอบจริยธรรม เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานให้กับทุกพรรคการเมือง ไม่ว่าสมัยนี้หรือสมัยต่อไปก็ไม่ควรที่จะเกิดพฤติกรรมอันน่ารังเกียจนี้ ซึ่งขณะนี้มี สส.ของพรรคที่ลงมติสนับสนุนญัตติของฝ่ายค้าน 3 ราย เราก็เชื่อว่าขณะนี้คนเหล่านั้นยังหน้าที่ของฝ่ายค้าน

เมื่อซักถึงระยะเวลาการอภิปรายอาจลากยาวจนถึงช่วงเช้ามืดของอีกวันหนึ่ง คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า สมัยที่เป็น รมช.มหาดไทย ในรัฐบาลของนายบรรหาร และเมื่อสมัยเป็น สส.ในรัฐบาลของ พล.อ.ชวลิต มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ เพียงคนเดียว ในทั้งสองครั้งที่ผ่านมาอดีตนายกฯ มีการกำหนดระยะเวลาในการอภิปราย 3 วัน ลงมติอีก 1 วัน รวมเป็น 4 วัน โดยอดีตนายกฯ ให้เกียรติในที่ประชุม อยู่รวมฟังตอบคำถามของฝ่ายค้านทุกข้อด้วยตัวเอง แม้เวลาจะล่วงถึง 03.00 น.

"ครั้งนี้เห็นว่าควรจะให้เวลาฝ่ายค้านตรวจสอบอย่างเต็มที่ อย่างน้อยควรใช้บรรทัดฐานในอดีต การบีบเวลาไปถึงตี 4 ตี 5 คุณภาพคนอภิปรายก็ไม่ไหว คนฟังก็ฟังไม่ได้ คุณภาพการตรวจสอบก็ด้อยลง ซึ่งรัฐบาลหากมั่นใจจริง ก็ควรเปิดเวลาได้ตรวจสอบจะทำให้สังคมไม่เกิดคำถามแบบนี้ และอยากฝากว่าถ้านายกฯ อุ๊งอิ๊งพิสูจน์ตัวเอง ยืนตอบคำถามเหมือนนายบรรหารหรือ พล.อ.ชวลิต ก็คิดว่าจะทำให้คะแนนนิยมของนายกฯ ดีขึ้น" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

ในส่วน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ถ้ามีอะไรถูกพาดพิงก็ต้องชี้แจง หรือถ้ามีข้อเท็จจริงบางอย่างที่เราไม่รู้ เราก็ต้องตรวจสอบ หรือถ้าเป็นเรื่องที่ไม่จริงก็ต้องชี้แจงเช่นกัน

ทวีขวางแตะชั้น 14 อ้าง กม.ปปช.

ถามว่า กรณีการเข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจของนายทักษิณ จะเป็นเป้าถูกอภิปรายหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมาเป็นปีแล้ว และเป็นเรื่องเดิม โดยขณะนี้เรื่องอยู่ในองค์กรอิสระ ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้ตรวจสอบแล้ว ผลออกมาคือไม่ผิด ส่วน ป.ป.ช.ก็รับเรื่องไว้ไต่สวน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะไปชี้แจง ซึ่งกฎหมาย ป.ป.ช.เมื่อเรื่องเข้าสู่การพิจารณาก็ไม่สามารถพูดถึงเรื่องนี้ได้ ต้องเป็นไปตามกระบวนการตรวจสอบ เพราะฉะนั้นสิ่งที่พูดได้ คือการชี้แจงยืนยันว่าเราทำตามกฎหมาย

 “ข้อมูลชั้น 14 นอกจากนายกฯ ผมในฐานะรัฐมนตรีก็สามารถชี้แจงได้ เพราะบางเรื่องรัฐมนตรีควรชี้แจงเอง แต่ก็จะทำสรุปประเด็นส่งให้นายกฯ ด้วย ยืนยันไม่กังวล และผมมองว่าการที่ถูกอภิปราย ฝ่ายรัฐบาลได้เปรียบ เพราะรัฐบาลอยู่กับข้อมูล ถ้ารัฐบาลนั้นไม่ทุจริต” พ.ต.อ.ทวีกล่าว

ถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านตั้งประเด็นดีลแลกประเทศกับผลประโยชน์ของครอบครัวชินวัตร  พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า รัฐบาลนี้ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ดูเลยที่ผ่านมาใครคิดถึงประโยชน์ของประชาชน คิดถึงคนเป็นหนี้สิน แต่พอรัฐบาลแก้ปัญหา ก็มีคนออกมาโวยวาย แบบนี้คุณไม่เห็นใจประชาชน และตนเชื่อว่า การอภิปรายครั้งนี้รัฐบาลตอบคำถามได้ทั้งหมด และยึดในคติว่ารัฐบาลอยู่รับใช้ประชาชน ไม่ใช่ประชาชนอยู่รับใช้รัฐบาล และตนเห็นว่าฝ่ายค้านเมื่อเห็นคนที่ได้รับการช่วยเหลือแล้วออกมาโวยวายดิ้นรนเพื่อจะทำลาย เชื่อว่าประชาชนก็จะต้องได้รับรู้

ซักว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีการแลกผลประโยชน์ประเทศเพื่อครอบครัวชินวัตรเลยใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ไม่มี เป็นการเปลี่ยนประเทศให้เจริญขึ้น

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "อุ๊งอิ๊ง ดีลแลกประเทศ ชินวัตรได้อะไร" ระบุว่า เมื่อนักข่าวถาม น.ส.แพทองธาร ดีลแลกประเทศครั้งนี้คือเอาผลประโยชน์ของประเทศไปแลกกับตระกูลชินวัตร มีความคิดเห็นอย่างไร จน น.ส.แพทองธารถามกลับว่า "ตระกูลชินวัตรได้อะไร หากจะบอกว่าได้นายทักษิณกลับมา คงเป็นเรื่องนี้ เรื่องนี้เดียวตลอดไป จะมามองว่าทำเรื่องอะไร ก็เป็นดีลแลกประเทศไปเสียหมด อยากขอใช้เหตุผลบ้าง อย่าใช้แต่อารมณ์"

นายเทพไทกล่าวว่า เมื่อ น.ส.แพทองธารถามกลับว่าตระกูลชินวัตรได้อะไร ด้วยความไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ แต่ตนอยากจะตอบให้ น.ส.แพทองธารได้เข้าใจว่าตระกูลชินวัตรได้อะไรบ้าง 1.ตระกูลชินวัตรได้นายทักษิณกลับมา แบบเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว อยู่เหนือกฎหมาย เป็นอภิสิทธิ์ชน หรือที่ น.ส.แพทองธารเคยบอกว่าเป็นเทวดาจนคนเข้าใจว่าเป็นนักโทษเทวดาที่สิงสถิตอยู่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจตัวจริง

2.พรรค พท.ของตระกูลชินวัตรได้เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทั้งที่เป็นพรรคอันดับ 2 แต่เมื่อมีดีลลับกับฝ่ายอนุรักษนิยม จึงได้มีโอกาสกลับเข้าสู่อำนาจรัฐ โดยการโหวตสนับสนุนของสมาชิกวุฒิสภาสาย คสช. ให้นายเศรษฐา ซึ่งใกล้ชิดกับครอบครัวชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ยอมโหวตให้พรรคก้าวไกล ซึ่งชนะเป็นอันดับ 1 ได้เป็นรัฐบาล จนพรรคเพื่อไทยต้องหักหลัง ฉีก MOU กับพรรคก้าวไกล กระโดดข้ามขั้วมาจับมือจัดตั้งรัฐบาลกับกลุ่มอนุรักษนิยม 3.คนในครอบครัวชินวัตรได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของประเทศ เป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูลชินวัตร ที่มีนายกรัฐมนตรีมากถึง 3 คน และ น.ส.แพทองธารยังเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

4.เมื่อนายทักษิณได้กลับประเทศไทยภายใต้การดีลลับ หรือที่เรียกกันว่าดีลแลกประเทศ ก็ได้แสดงบทบาททางการเมืองเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐบาลชุดนี้ เป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ สามารถกระชับอำนาจรัฐทุกภาคส่วน มาอยู่ภายใต้อำนาจของการจัดการของนายทักษิณแต่เพียงผู้เดียว ทั้งด้านเศรษฐกิจ เครือข่ายธุรกิจของตระกูลชินวัตร และการเมืองของประเทศ 5.ยังมีดีลลับ หรือดีลแลกประเทศ ที่ยังรอปิดดีลอยู่อีกเงื่อนไขหนึ่ง นั่นก็คือการนำคนในตระกูลชินวัตรที่กำลังหนีคดี คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับประเทศไทยโดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว จะกลับเข้ามาในสถานะของนักโทษนางฟ้า ที่ยิ่งกว่านักโทษเทวดาโมเดลเสียอีก

"ทั้งหมดนี้คือคำตอบที่ส่งให้ น.ส.แพทองธารได้ตาสว่าง จะได้รับรู้ว่าการมีดีลลับหรือดีลแลกประเทศ ตระกูลชินวัตรได้อะไรบ้าง" นายเทพไทระบุ

ชื่นมื่นดินเนอร์พรรคร่วม รบ.

ช่วงค่ำ เวลา 18.30 น. ที่โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลนัดพิเศษ เพื่อพูดคุยเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน   โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.), นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.), นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.), นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.), นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม (กธ.), พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.),  นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี  เข้าร่วมรับประทานอาหารค่ำอย่างพร้อมเพรียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การรับประทานอาหารค่ำครั้งนี้ไม่ได้เปิดให้สื่อมวลชนเข้าร่วมทำข่าวภายในโรงแรมเหมือนทุกครั้ง และนายกฯ จะไม่แถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการรับประทานอาหาร ทั้งนี้ ท่ามกลางสื่อมวลชนที่เกาะติดทำข่าวบริเวณด้านนอกโรงแรม

มีรายงานว่า สำหรับเมนูอาหารดินเนอร์มื้อพิเศษที่เสิร์ฟหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ประกอบด้วย สลัดแตงกวา บาร์บีคิวหมูคุโรบุตะ เปาะเปี๊ยะกุ้ง ปลากะพงทอดกรอบราดซอสเปรี้ยวหวาน กระเพาะปลา และเมนคอร์สเป็นเป็ดปักกิ่ง ปลาหิมะ เนื้อวากิวย่างพริกไทยดำ หอยเป๋าฮื้อแอฟริกัน และผลไม้ตามฤดูกาล

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยนายกระทรวง จารุศิระ (ซัน กระทรวง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด และผู้ก่อตั้งสถาบันการลงทุนชื่อดัง “SUPER TRADER” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นภาพนายทักษิณ, นายโทนี เฟอร์นานเดส ผู้ก่อตั้งสายการบินแอร์เอเชีย, นายนายจุลภาส เครือโสภณ หรือทอม เครือโสภณ นักธุรกิจ และนายจักรภพ เพ็ญแข  อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น

มีรายงานข่าวว่า เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ด้านการบิน ทั้งในเชิงธุรกิจและการท่องเที่ยว ที่ตึกชินวัตร 3 เนื่องจากในช่วงนี้นายทักษิณสนใจเรื่องของการช่วยรัฐบาลคิดมาตรการต่างๆ ในการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง