ซักฟอกแม้วลาม‘ปู’ เคาะฝ่ายค้านเชือด28ชม./‘อิ๊งค์’มนุษย์แม่เคลียร์ดรามา

"นายกฯ" ลั่นคนเราไม่ได้มีมิติเดียว  ต้องแบ่งเวลาให้ถูก หลังโดนดรามาพาลูกวิ่งสนามหญ้าทำเนียบฯ เมินคุยม็อบแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ ยันสั่งประมงดำเนินการแล้ว "พท." ดาหน้าซัด  "วิโรจน์" หา "อิ๊งค์" ไม่รู้สี่รู้แปด "สรวงศ์-สมคิด" บอกผิดหวังพรรคคนรุ่นใหม่ "ทักษิณ" ควง "ลูกสาว-ลูกเขย" กราบพระครูบาบุญชุ่ม "วิป 3 ฝ่าย" เคาะสูตรซักฟอก 28+7 ชม. เริ่ม 24-25 มี.ค. ลงมติ 26 มี.ค.  วันแรกส่อเลิกตีห้าครึ่ง บอกถ้ารัฐบาลประท้วงมากต้องขยับไปลงมติ 27 มี.ค. "ศิริกัญญา" รับเคืองคนเจรจา ระบุลากไปถึงตีห้ามีแค่ "คนอภิปราย-สื่อ" ฟัง โวชำแหละ "ดีลแลกประเทศ" ทำ "อิ๊งค์-พ่อ" ร้อนรนแน่ "เท้ง" แย้มผลดีตัดชื่อ "ทักษิณ" พูดได้กว้างขึ้น อาจโยงไปถึง "ยิ่งลักษณ์" ด้วย

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีประเด็นดรามาการพาลูกๆ มาเดินเล่นที่หน้าสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าอย่างอารมณ์ดี ระหว่างที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมมาประท้วงเรื่องปัญหาปลาหมอคางดำ กระทั่งนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ระบุนายกฯ ไม่รู้สี่รู้แปดถึงปัญหาของประชาชน โดยก่อนตอบคำถามดังกล่าวนายกฯ หันหน้ามายิ้มเจื่อนๆ ก่อนตอบว่า คิดว่าประชาชนถ้าฟังอยู่แล้วในคำถาม หรือในเหตุการณ์ที่ถูกว่าว่าไม่สนใจเรื่องปลาหมอคางดำ แต่พาลูกไปวิ่งเล่น ซึ่งคนเราไม่ได้มีมิติเดียว ทำงานก็คือทำงาน เรื่องของความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเรื่องปลาหมอคางดำ เราได้มีการพูดคุยและสั่งการกรมประมงเรียบร้อยแล้ว

 “จริงๆ แล้วดิฉันพาลูกวิ่งเล่นทุกวันที่มีโอกาส วันไหนที่ใกล้ชิดกับลูกได้ก็ใกล้ชิดกับลูก ไม่ได้รบกวนการทำงานแต่อย่างใด แน่นอนถ้าวันที่ตารางงานแน่นไม่สามารถเจอลูกได้ ก็ไม่ได้เจอ ก็เหมือนพ่อแม่ที่ทำงานทั่วไป อันนี้ก็ต้องมีความเข้าใจในชีวิตของมนุษย์ที่ทำงาน มนุษย์แม่ก็ทำงาน มนุษย์พ่อก็ทำงาน มนุษย์ลุงป้าน้าอาก็ทำงาน ทุกมนุษย์สามารถมีครอบครัวได้ มีชีวิตที่มีความสุขของตัวเองได้ ในแง่ของตัวเองการจัดสรรเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ได้แปลว่าเราทำอย่างหนึ่งแล้วไม่ได้ทำอย่างหนึ่ง แต่ในเรื่องงานดิฉันแทบจะอยู่ในหัวตลอดเวลาอยู่แล้ว ทำงานทุกวัน แนะนำให้ทุกท่านดูแลสุขภาพ แบ่งเวลาให้ถูกต้อง นั่นเป็นสิ่งที่ดีทั้งกับองค์กร ครอบครัว งาน และกับประเทศ” น.ส.แพทองธารกล่าว

ถามว่า นายกฯ รู้สึกอย่างไรกับกระแสดรามาดังกล่าว น.ส.แพทองธารหัวเราะพร้อมกล่าวว่า ถ้าไม่มีก็อาจจะคิดถึง ก็ต้องขอบคุณมาก เมื่อถามต่อว่าจะให้คำมั่นและความสบายใจกับชาวบ้านที่อยากให้รัฐบาลช่วยเรื่องนี้อย่างจริงจังอย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า คำถามนี้ดีมาก อย่างเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา สมาคมประมงก็มาขอบคุณเรื่องของประมง ตนได้บอกไปว่าทุกปัญหาของประชาชนไม่ว่าเป็นจังหวัดใด เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องดูแลอยู่แล้ว อันไหนรีบดูแลได้ก็จะรีบ อันไหนเร่งดูแลได้ก็ทำ อันไหนต้องรอเพื่อความแน่ชัด เพื่อความชัดเจนและเพื่อความปลอดภัยก็ต้องทำ

"ทุกปัญหาไม่มีการชั่งใจว่าปัญหาไหนสำคัญกว่าปัญหาไหน เพราะจะคิดถึงว่าถ้าเป็นเรา ซึ่งคำนี้มันอยู่ในใจในทุกปัญหาอยู่แล้ว ฉะนั้นอะไรแก้ได้ อันไหนหาทางได้ เร่งทำแน่นอน เช่น เรื่องเกี่ยวกับชีวิต เรื่องคอขาดบาดตาย ถือเป็นสิ่งสำคัญ ถือเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องช่วยแก้ไขอยู่แล้ว คือสิ่งที่ยึดถือ ขอให้เชื่อมั่นตรงนี้ และทุกอย่างที่เกิดขึ้นเราก็รีบทำ" น.ส.แพทองธารกล่าว

ซักถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เตรียมจะยื่นศาลอาญาเพื่อเป็นโจทย์ฟ้องนายกฯ ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยเมื่อได้ยินคำถามนายกฯ ได้แสดงอาการหยุดคิดพร้อมระบุว่า "ดิฉันพาดพิงคุณเรื่องไกร" ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่า นายเรืองไกรยืนยันว่าได้รวบรวมหลักฐานพร้อมแล้วที่จะไปยื่นฟ้อง นายกฯ จึงตอบว่า "ค่ะ พอดีไม่ทราบตารางของคุณเรืองไกรเลย ก็แล้วแต่"

พท.ป้องอิ๊งค์ซัดเดือดวิโรจน์

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาตอบโต้นายวิโรจน์ที่ระบุนายกฯ ไม่รู้สี่รู้แปดว่า  รู้สึกผิดหวังจริงๆ ด้วยตัวเองเป็นคนรุ่นใหม่ ตั้งความหวังกับการเมืองเหมือนกัน พอเห็นแบบนี้ก็รู้สึกผิดหวังจริงๆ เพราะกลับไปเป็นเหมือนเดิม หรือไม่ก็ยิ่งกว่าเดิม และสำคัญที่สุดคือความหยาบคายที่เกิดขึ้นกับคำพูดต่างๆ มันก็กลับมา

เช่นเดียวกับ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า หลังจากตนกลับมาจากการคุยกับผู้ชุมนุม ทราบว่านายวิโรจน์ก็เดินทางมาออกแอ็กชัน ขึงหน้าขึงตา และพูดจาที่ไม่ดี การพูดจาของนายวิโรจน์เป็นการพูดจาด้อยค่านายกฯ ซึ่งไม่ควรทำ การด้อยค่านายกฯ ของประเทศนี้ไม่ควรทำ

ขณะที่ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ บุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ภาพผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว  @aimpintongta พร้อมข้อความว่า "ครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร @thaksinlive @pongkuna เอาบุญมาฝากทุกคนค่ะ"

ทั้งนี้ ในภาพมีนายทักษิณ และนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี น.ส.พินทองทา เข้ากราบนมัสการพระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งล้านนา โดยนายทักษิณพร้อมลูกสาวและลูกเขยเข้ากราบนมัสการพระครูบาบุญชุ่ม  หลังจากท่านได้เดินทางมาบ้านบุคคลสำคัญคนหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 18 มี.ค. อย่างไรก็ตาม พระครูบาบุญชุ่มได้มอบพระพุทธรูปจำลองแก่นายทักษิณเพื่อบูชา และมอบสร้อยคอลูกประคำแก่ทั้ง 3 คนไว้บูชาด้วย

ที่รัฐสภา เวลา 09.30 น. มีการประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และตัวแทนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม ร่วมกับนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ในฐานะตัวแทนคณะรัฐมนตรี (ครม.), นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ในฐานะประธานวิปรัฐบาล, นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรค พท. ในฐานะเลขานุการวิปรัฐบาล พร้อมด้วยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร, นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน, นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. และนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะวิปฝ่ายค้าน เข้าร่วมประชุม เพื่อหารือเรื่องระยะเวลาในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151

ก่อนเริ่มประชุม นางมนพรได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า จากที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้มีหนังสือสอบถามไปที่ ครม. เรื่องการกำหนดเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ทาง ครม.มีหนังสือแจ้งกลับมาว่า ครม.มีความพร้อมในการที่มาตอบข้อชี้แจง ช่วงวันที่ 24-25 มี.ค. และลงมติในวันที่ 26 มี.ค. เนื่องจากในวันที่ 27 มี.ค.นั้น นายกฯ ได้กำหนดวาระการประชุม ครม.

ด้านปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ฝ่ายค้านเห็นความสำคัญของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงควรให้ใช้เวลาอย่างเต็มที่ตามเนื้อหาที่ได้เตรียม อยากจะขอให้ฝ่ายรัฐบาลไม่บิดเวลาฝ่ายค้านมากจนกระทบกับเนื้อหาที่เราได้เตรียมไว้

ส่วนนายวิสุทธิ์กล่าวว่า ที่ประชุมพรรค พท.ได้ข้อสรุปเราให้ฝ่ายค้านเยอะที่สุดแล้วคือ 23 ชม. หากจะอภิปรายคนละครึ่งชั่วโมงจะได้กว่า 40 คน แต่หากอภิปรายคนละ 1 ชั่วโมงจะได้ 23 คน แต่ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลจะได้ 7 ชม. ซึ่งอาจมีการพาดพิงรัฐมนตรีคนใดก็อาจจะต้องใช้เวลาในการชี้แจง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ดังนั้น ยืนยันการอภิปรายต้อง 2 วัน อาจจะเริ่มเช้าหน่อย ก็แล้วแต่ประธานจะนัด ซึ่งพรรค พท.พร้อมแล้วที่จะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่ช่วงเวลา 08.00 น. ทุกคนพร้อมที่จะมาเป็นองค์ประชุมทั้ง 2 วัน

"ยืนยันในหลักการเดิม พวกผมถอยให้สุดแล้ว มากกว่านี้คงไม่ได้ และขอให้ประธานพิจารณาว่าหากจะเริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. ก็จะได้เวลาทั้งหมด 32 ชั่วโมง ไม่ใช่ 30 ชม. ซึ่งถือว่าเยอะเกิน" ประธานวิปรัฐบาลระบุ

เคาะซักฟอก 28+7 ลากยาวตีห้า

ทั้งนี้ การประชุม 3 ฝ่าย ใช้เวลากว่า 2 ชม.จึงเสร็จสิ้น โดยนายปกรณ์วุฒิแถลงว่า ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ต้องเกิดขึ้น เพราะเป็นกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลที่สำคัญ ซึ่งจะมีเริ่มอภิปรายในเวลา 08.00 น. วันที่ 24 มี.ค. โดยกำหนดกรอบเวลาไว้ว่า ฝ่ายค้านจะใช้เวลา 28 ชั่วโมง ครม.รวมกับพรรคร่วมรัฐบาล 7 ชั่วโมง และประธานในที่ประชุม 2 ชั่วโมง

"ได้มีการวางไว้ว่าจะอภิปรายถึงเวลา 23.30 น. ของวันที่ 25 มี.ค. และลงมติในวันที่ 26 มี.ค. ซึ่งยังมีเงื่อนไขที่สำคัญที่ทุกฝ่ายได้ตกลงร่วมกันคือ หากวันที่ 25 มี.ค. เวลาอภิปรายและผู้อภิปรายของฝ่ายค้านยังไม่ครบ ต่อให้เลยเวลา 00.00 น. จะให้ฝ่ายค้านใช้โควตาของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยอาจจะมีการไปลงมติในวันที่ 27 มี.ค.แทน เพราะที่ผ่านมามีบางเหตุการณ์ที่มีการประท้วงเกิดขึ้นจนทำให้ฝ่ายค้านไม่สามารถอภิปรายได้ ทำให้ต้องไปอภิปรายนอกสภาแทน โดยมีการรับรองจากฝ่ายรัฐบาลและ ครม.ว่าจะไม่มีการประท้วงพร่ำเพรื่อหรือไม่มีเหตุผล" นายปกรณ์วุฒิกล่าว

ถามว่า ฝ่ายค้านจะมีการพูดคุยกับฝ่ายค้านด้วยกันเองให้ลดเรื่องการอภิปรายคนนอกเพื่อลดแรงประท้วงหรือไม่ ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า จริงๆ ในญัตติก็มีการระบุไว้อยู่แล้ว แม้จะไม่ได้ระบุชื่อ แต่หากจะเอ่ยถึงว่าอะไร ก็อีกเรื่อง แต่การพูดถึงคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมีเนื้อหาในญัตติอยู่แล้ว ซึ่งตนไม่สามารถไปสั่งการหรือแทรกแซงพรรคอื่นได้ เพราะทุกพรรคมีเอกสิทธิ์เต็มที่ในเนื้อหาที่จะอภิปราย

ย้ำว่าหากมีการอภิปรายถึงบุคคลภายนอก อาจจะมี สส.ฝั่งรัฐบาลประท้วง ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า ครม.และ สส.รัฐบาลก็ขอเวลาเผื่อการประท้วงไว้แล้ว ซึ่งเราก็เห็นด้วย เพื่อจะสามารถบริหารจัดการเวลาให้อยู่ในกรอบได้

เมื่อถามว่า ในการอภิปรายแต่ละวันจะเริ่มและเลิกในเวลาเท่าไหร่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า เริ่มเวลา 08.00 น.ทั้ง 2 วัน โดยในวันที่ 25 มี.ค. จะเลิกเวลา 23.30 น. ขณะที่วันที่ 24 มี.ค. เราจะพยายามบริหารจัดการเวลา ไม่ให้ดึกมากเกินไป แต่ด้วยโควตาของเวลาก็อาจจะต้องเลิกดึกมากหน่อย

ด้านนางมนพรในฐานะตัวแทน ครม.กล่าวว่า เราจะพยายามใช้เวลาในส่วนที่ สส.รัฐบาลจะประท้วง วันละ 1 ชั่วโมง เพราะเราจะให้เวลาที่นายกฯ ต้องชี้แจง และรัฐมนตรีแต่ละท่านที่อาจจะถูกพาดพิงต้องชี้แจง 5 ชม. โดยที่ฝ่ายค้านก็ระบุว่าจะกำชับกับฝ่ายค้านว่าหากไม่จำเป็นก็ไม่ควรไปอภิปรายพาดพิงบุคคลภายนอก ควรมีการอภิปรายนายกฯ ตรงๆ เกี่ยวกับผลงานที่ท่านทำ

"วันแรกเรากำหนดไว้ว่าจะใช้เวลา 17 ชั่วโมง และวันที่ 25 มี.ค. จะใช้เวลา 11 ชั่วโมง รวมกันเป็น 28 ชั่วโมงในส่วนของฝ่ายค้าน และจะมีการลงมติในวันที่ 26 มี.ค. เวลา 10.00 น. และอย่างที่นายปกรณ์วุฒิได้ระบุ หากฝ่ายค้านใช้เวลาไม่หมด ประธานในที่ประชุมได้รับปากว่าจะอนุญาตให้ใช้เวลาของฝ่ายค้านให้หมด ซึ่งเงื่อนไขในส่วนนี้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย" ตัวแทน ครม.ระบุ

ถามว่า ในวันที่ 24 มี.ค. ที่มีการระบุว่าจะเลิกดึกนั้น จะถึงเวลา 05.00 น.ของวันที่ 25 มี.ค.ใช่หรือไม่ นางมนพรกล่าวว่า อยู่ที่การกำกับของทั้ง 2 ฝ่าย

นายรังสิมันต์เสริมว่า กรอบเวลาที่ได้ตกลงมีความชัดเจนทั้งฝั่งรัฐบาลและค้าน ที่ทุกฝ่ายต้องรักษากติกา อยู่ในกรอบ 2 วัน หากไม่รักษากติกาจะต้องเพิ่มไปอีก 1 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรอบเวลาในการที่จะอภิปรายนั้น วันที่ 24 มี.ค. ฝ่ายค้านจะใช้เวลา 17 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลรวมกับ ครม.จะใช้เวลา 3.5 ชั่วโมง และประธานในที่ประชุมจะใช้เวลา 1 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้นจะเป็น 21.5 ชั่วโมง โดยคาดว่าหากมีการ เริ่มอภิปรายในเวลา 08.00 น. จะเลิกเวลาในเวลา 05.30 น. ของวันที่ 25 มี.ค. จากนั้นจะกลับมาเปิดการประชุมอีกครั้งในเวลา 08.00 น. วันเดียวกัน ซึ่งในวันนี้ฝ่ายค้านจะใช้เวลา 11 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลรวมกับ ครม.ใช้เวลา 3.5 ชั่วโมง และประธานในที่ประชุม 1 ชั่วโมง ในวันที่ 25 มี.ค. จะใช้เวลาทั้งสิ้น 15.5 ชม. แล้วจะเลิกการประชุมในเวลา 23.30 น.

ฟุ้งทีเด็ดทำ 'นายกฯ-พ่อ' ร้อนรน

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการแก้ญัตติอภิปรายว่า การเปลี่ยนจากชื่อของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นคำว่าบุคคลในครอบครัว ทำให้สามารถอภิปรายได้กว้างขึ้น และธีมในการอภิปรายครั้งนี้คือดีลแลกประเทศ ซึ่งหมายความว่าเรามองเห็นว่าพรรค พท.นำประโยชน์ของประเทศมาแลกกับผลประโยชน์ของคนในครอบครัว และเชื่อว่าในการอภิปรายจริง จะมีการใช้คำอีกหลากหลาย มากกว่าคำว่าบุคคลในครอบครัว เพราะคำนี้เป็นภาษาทางการในญัตติ ซึ่งค่อนข้างมีความเหมาะสม

ถามว่า นายวิโรจน์ระบุเมื่อเปลี่ยนเป็นคำว่าบุคคลในครอบครัวแล้ว จะสามารถอภิปรายพาดพิงถึงบุคคลอื่นในครอบครัวชินวัตรได้ เช่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้ ถ้าอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง เพราะเรามองว่าการบริหารที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้เอาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นตัวตั้ง แต่เอาผลประโยชน์ของบุคคลในครอบครัวชินวัตรเป็นตัวตั้งมากกว่า

อย่างไรก็ตาม น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ มองว่าปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ชัดเจนมากที่จะทำให้ประชาชนไม่พอใจ จึงอยากให้รอฟังว่าเราจะพูดถึงเรื่องนี้ และมีหมัดเด็ดอย่างไร และต้องฝากประชาชนให้ช่วยติดตามด้วย เพราะภายหลังมีการเคาะเวลาล่าสุด ปรากฏว่าเราจำเป็นต้องอภิปรายตั้งแต่ 08.00-05.30 น.ของอีกวัน

"ข้อดีคืออาจจะไม่ค่อยมีคนประท้วงในช่วงนั้น ทำให้เราสามารถอภิปรายได้อย่างเต็มที่ แต่ข้อเสียคือ ประชาชนอาจจะพลาดการรับชมสด เพราะเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีใครอยู่หน้าทีวีอีกต่อไป นอกจากคนอภิปรายและนักข่าว" น.ส.ศิริกัญญากล่าว

ถามว่า เป็นไปได้ที่อาจมีการขยายเวลาอีก 1 วัน หากมีการประท้วงจนรัฐบาลใช้เวลาของตัวเอง ที่รวมกับเวลาชี้แจงของนายกฯ จนเกินหรือหมดแล้ว น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า เราก็ได้ขอคำมั่นสัญญาจากรัฐบาลแล้วว่าจะให้เราอภิปรายต่อจนครบเวลา และขอเรียกร้องกับฝ่ายรัฐบาลให้รักษาสัจจะที่เคยให้ไว้ให้ ขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนร่วมกันกดดันเรื่องนี้ด้วย

"เราถอยจนไม่รู้จะถอยอย่างไรแล้ว อภิปรายถึงตีห้าครึ่ง ดิฉันยังรู้สึกเคืองคนที่ไปเจรจาอยู่เลยว่า ได้เวลาแบบนี้ได้อย่างไร" น.ส.ศิริกัญญากล่าว

รองหัวหน้าพรรค ปชน.กล่าวว่า มีการจัดกลุ่มผู้อภิปราย ทั้งเรื่องนโยบาย การคอร์รัปชัน และปัญหาอื่นๆ แต่ไม่มีกลุ่มที่เป็นเรื่องบุคคลในครอบครัวโดยเฉพาะ เราอภิปรายที่ตัวนายกฯ สำหรับคนที่เกี่ยวข้องหรือคนในครอบครัวเป็นส่วนเสริมเข้ามา

"ดีลแลกประเทศมาจากการที่ประเทศต้องสูญเสียไปเท่าไหร่ กับการที่นายกฯ เข้าสู่อำนาจ และเพื่อให้บิดาได้กลับมาบ้าน เราต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน และการนำผลประโยชน์ประเทศมาต่อรอง ที่ทำให้เราต้องสูญเสียโอกาสไปเท่าไหร่" รองหัวหน้าพรรค ปชน.กล่าว

ถามว่า ฝ่ายรัฐบาลดูร้อนตัวใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวติดตลกว่า "อั๊วไม่ร้อน แต่ลื้อดูร้อน  เพราะในช่วงนี้มีการโปรโมตผลงานเป็นระยะ เหมือนเตรียมตัวที่จะรับการอภิปราย ซึ่งเราก็เก็งคำตอบเช่นเดียวกัน ว่ารัฐบาลจะตอบว่าอะไร ผ่านการที่เขาดูร้อนรนแบบนี้ ก็ขอบคุณที่ร้อนตัว และโชว์ผลงานใหญ่เลย"

ย้ำว่า คนไหนดูร้อนที่สุด น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า จริงๆ คิดว่านายกฯ น่าจะเป็นร้อนที่สุดอยู่แล้ว เพราะเราไม่ได้อภิปรายคนอื่น รองลงมาอาจจะพ่อนายกฯ เพราะกรณีที่เราถามว่าจะอภิปรายเรื่องนายทักษิณได้หรือไม่ แทนที่เขาจะตอบว่า ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย แต่เขากลับตอบกว่า เป็นการไม่ทำตามกติกา จึงเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังเหมือนกัน เพราะคิดว่าจะใจกว้างมากกว่านี้ พร้อมย้ำอีกว่า มีหมัดเด็ดหลายเรื่อง รอบนี้ของจริง มีคนร้อนแน่นอน

วันเดียวกัน นายอรัญ พันธุมจินดา สส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนา เข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แทน นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนา โดยได้มีหนังสือขอลาออกจากการเป็น สส.ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา

ส่วนนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งนายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช เขต 6 เป็นรองเลขาธิการพรรค พปชร. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

21 มี.ค.'อุ๊งอิ๊ง' ไปนครสวรรค์ติดตามแก้ปัญหายาเสพติด!

นายกฯ ลงพื้นที่นครสวรรค์พรุ่งนี้ ติดตามการแก้ไขปัญหา 1 ใน 25 จังหวัดที่มีปัญหายาเสพติดรุนแรง ย้ำทุกจังหวัดต้องจัดการตามเป้าหมายของรัฐบาล