“ประธาน กกต.” แจงยิบจับมือดีเอสไอสอบฮั้ว สว.ช่วยให้ทำงานคล่อง แย้ม คกก.สืบสวนไต่สวนได้ตามกรอบไม่เกิน 1 ปี ก่อนชงที่ประชุม กกต. เมิน สว.สำรองไล่บี้แขวน "แสวง" เซ่นเกียร์ว่าง รุกต่อฟัน 157 คืบหน้าสอบคำร้อง "สว.หมอเกศ" จบเม.ย.นี้
เมื่อวันพุธ ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการตรวจสอบทุจริตฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า ตัวเลขการร้องเรียนเรื่อง สว.มีทั้งหมด 577 เรื่อง มีการพิจารณาแล้ว 228 เรื่อง เสร็จสิ้นแล้ว 82 เรื่อง โดยมี 9 เรื่องที่ส่งฟ้องศาลฎีกา ล่าสุดในการพิจารณาเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยพิจารณาเกี่ยวกับการกระทำความผิดเลือก สว. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ตามมาตรา 77 (1) โดยระบุถึงการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือก สว. ไม่ว่าจะเป็นการให้ เสนอว่าจะให้ หรือการจัดเลี้ยง มีมติให้ส่งศาลฎีกาพิจารณาอีก 1 เรื่อง ทำให้ตอนนี้เหลือคำร้องที่อยู่ระหว่างการพิจารณา 267 คำร้อง โดยอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของคณะอนุฯ วินิจฉัย 107 เรื่อง ซึ่งคณะกรรมการฯ พยายามทำตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้
เมื่อถามว่า กรณีผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ามาร่วมทำงานด้วย จะทำให้การพิจารณาเร็วขึ้นหรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า ปกติเรารับเรื่องคำร้อง สว.มาโดยตลอด และคำร้องที่เกี่ยวพันกับมาตรา 77 (1) หรือเรื่องฮั้ว ซึ่งมี 220 เรื่อง ทาง กกต.ดำเนินการพิจารณาตรวจสอบเอง ทำเสร็จแล้ว 115 เรื่อง ส่วนกรณีดีเอสไอ ซึ่ง กกต.มีมติเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ให้รับเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ ทางนั้นแจ้งมาว่ามีเรื่องการกระทำฝ่าฝืนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ที่ประชุม กกต.จึงมีมติให้รับมาดำเนินการสอบสวน โดยถือว่าเป็นความปรากฏ พร้อมตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนขึ้นมาอีกคณะหนึ่ง โดยเชิญผู้แทนดีเอสไอเข้ามาร่วมอีก 3 คน เชื่อว่าการทำงานร่วมกันจะสามารถพิจารณาได้โดยไม่ชักช้า
เมื่อถามว่า ตัวแทนจากดีเอสไอ 3 คนเข้ามาร่วมทำงาน จะเป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่าง 2 หน่วยงานใช่หรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า ใช่ เพราะกฎหมายให้อำนาจตามมาตรา 42 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. เราสามารถขอให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานอื่นมาเป็นหนึ่งในกรรมการของคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนได้ โดยกรอบการทำงานทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องฮั้ว จะมีกรอบการปฏิบัติหน้าที่ว่าควรจะเสร็จเมื่อไหร่ ซึ่งเราเคยมีประกาศออกมาเมื่อปี 2566 เรื่องกำหนดกรอบระยะเวลาในการดำเนินงานกระบวนการยุติธรรม ออกตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการดำเนินการในกระบวนการยุติธรรมที่กำหนดว่า
"ในการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ กกต. จะเริ่มจากคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน ยาวที่สุดไม่เกิน 90 วัน หลังจากนั้นจะนำเรื่องเข้ามาที่สำนักงาน กกต.ส่วนกลาง นำโดยเลขาธิการ กกต. ซึ่งจะมีเวลาอีก 60 วัน และไปที่อนุกรรมการวินิจฉัย ตรงนี้ก็จะมีเวลาอีก 90 วัน โดยอาจจะมีการสอบสวนเพิ่มให้โอกาสพยานเข้ามาให้ถ้อยคำ รวมแล้วระยะเวลาทั้งหมดไม่ควรจะเกิน 1 ปี ที่จะต้องเสนอให้ที่ประชุม กกต.พิจารณา" ประธาน กกต.ระบุ
นายอิทธิพรยังกล่าวถึงกรณีกลุ่ม สว.สำรองร้องต่อประธาน กกต.ให้พักงานนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ระหว่างที่มีการสอบสวนทุจริตเลือก สว.ว่า เป็นกระบวนการที่หากมีผู้มายื่นคำร้อง เราจะทำได้ก็ต่อเมื่อคำร้องเข้าข่ายตามระเบียบสืบสวนไต่สวน หรือไม่ก็เข้าสู่ระเบียบการรวบรวมข้อเท็จจริง เราจะทำอะไรเกินกว่านี้ไม่ได้ เพราะจะเป็นการกระทำเกินกว่าอำนาจหน้าที่ ทุกอย่างจะต้องมีการเสนอเรื่องมาโดยสำนักงาน กกต.
"หากไม่มีการเสนอขึ้นมา เราก็อาจจะหยิบยกได้ แต่โดยหลักแล้วจะต้องให้สำนักงานเป็นผู้เสนอความเห็นมาในเบื้องต้นว่าเป็นคำขอคำร้อง ที่ก็อยู่กับขึ้นอยู่บนพื้นฐานอะไร ตามระเบียบใด ถ้าไม่มีพื้นฐานก็ไม่สามารถรับเรื่องไว้ได้" นายอิทธิพรระบุ
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้อง พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. กรณีนี้ กกต.ต้องสอบสวนเองหรือทำงานร่วมกับทางดีเอสไอ นายอิทธิพรกล่าวว่า โดยหลักแล้วการสืบสวนไต่สวนเริ่มจากคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน และมาที่ส่วนกลางคือเลขาฯ กกต. เป็นไปตามขั้นตอนที่ตนกล่าวข้างต้น ซึ่งสำนวนที่มีการส่งเข้ามาล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2567 มี 2 ข้อหาคือ ฝ่าฝืนมาตรา 77 (1) และ (4) ที่ประชุมเห็นว่ามีประเด็นที่ต้องสอบเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจน เพื่อใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยได้ จึงให้สำนักงาน กกต.บอกกับเจ้าพนักงานสืบสวนไต่สวนดำเนินการสอบเพิ่มเติม คาดว่าเดือนเม.ย.นี้น่าจะเสนอที่ประชุม กกต.พิจารณาได้
"การกระทำที่เกิดขึ้น หากเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอื่น ซึ่งไม่ใช่กฎหมายเลือกตั้ง ก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งจากข่าวประชาสัมพันธ์ของดีเอสไอระบุว่า หากในการทำงานของดีเอสไอ ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยกันได้มาซึ่ง สว. เขาก็จะแจ้งมาที่ กกต. เพื่อพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป เพราะฉะนั้นการดำเนินงานจะไม่มีความซับซ้อนกัน จะมีแต่การส่งเสริมกัน" ประธาน กกต.กล่าว
เมื่อถามว่า คำร้องของ กกต.และดีเอสไอมีส่วนไหนที่เป็นคำร้องเดียวกันหรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า คำร้องดีเอสไอมีอยู่ 3 เรื่อง แต่มาร้องที่เราที่รับมาแล้วเฉพาะมาตรา 71 (1) มี 200 กว่าเรื่อง เพราะฉะนั้นในส่วนของดีเอสไอ ได้รับคำร้องและตรวจสอบแล้ว เห็นว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย การเลือก สว. เขาจึงแจ้งให้ กกต.ทราบ ซึ่งอำนาจหน้าที่ของ กกต.ดูเรื่องการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มา สว. จึงรับมาสอบสวน
ที่รัฐสภา พญ.เกศกมลให้สัมภาษณ์ ว่า กกต.ไม่ได้มีการแจ้งอะไรมา แต่ กกต.ได้ส่งหนังสือสอบถามมา ตนจึงได้ชี้แจงกลับไปแล้ว ตนมั่นใจในความยุติธรรม รวมถึง กกต.ทั้ง 7 ท่าน ฉะนั้นหากเรียกไปสอบถาม ก็พร้อมที่จะนำหลักฐานไปชี้แจง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ปปป.) พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้นำกลุ่ม สว.สำรอง พร้อมกลุ่มกว่า 10 คน นำหลักฐานร้อง บก.ปปป. เอาผิดนายแสวง กรณีละเลยหน้าที่ตรวจสอบฮั้วเลือก สว. ซึ่งเราได้ประสาน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ไว้แล้ว โดยที่ผ่านมาเราได้รายงานพฤติกรรมไปถึงประธาน กกต.มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการตั้งคณะกรรมการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ยังไม่ปรากฏความคืบหน้าประการใด
“แต่อย่างไรก็ตาม การกระทำของนายแสวงก็ปรากฏความผิดอย่างชัดเจน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (พ.ร.ป.สว.) ปี 2561 มาตรา 32 ที่เกี่ยวข้องกับการเลือก สว. ที่กระทำการไม่เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อให้การเลือก สว.เป็นไปอย่างสุจริตเที่ยงธรรม ซึ่งมีอัตราโทษถึง 10 ปี และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งถึง 20 ปี รวมถึงยังมีความผิดย่อยอื่นๆ อีก ที่กลุ่ม สว.สำรองจะมาให้ข้อมูลในฐานะพยาน โดยพยานหลักฐานที่นำมาในวันนี้ เป็นหลักฐานที่เคยนำไปร้องเรียนกับทาง กกต. อาทิ แชตการตอบโต้ของนายแสวง” พล.ต.ท.คำรบระบุ
เมื่อถามว่า จะมีการดำเนินคดีตามมาตรา 157 ด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.คำรบกล่าวว่า ก็สามารถดำเนินคดีตาม ม.157 ทันทีอยู่แล้ว มีหลายกรณีที่นายแสวงควรจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และควรถูกตั้งกรรมการพิจารณาทางวินัย และควรจะถูกสั่งพักการทำงานตามมาตรา 53 ดังนั้นเมื่อเจ้าพนักงานถูกกล่าวหาในคดีอาญา ผู้บังคับบัญชาจะต้องนำเรื่องมาประกอบการพิจารณาว่าจะทำหน้าที่ต่อไปได้หรือไม่
วันเดียวกัน นายอิทธิพรเป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมวิทยากรจังหวัดเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ครั้งที่ 2 สำหรับการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล เพื่อทบทวนความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ การถ่ายทอดให้ความรู้และกำกับดูแลบุคลากรภายนอกที่ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ช่วยปฏิบัติงานการเลือกตั้งได้อย่างถูกต้อง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บี้ปปง.สอบฮั้วสว. กกต.ชี้27คำร้อง ใช้เวลาตัดสินใจ
"นายกฯ อิ๊งค์" ยันเจอ "เนวิน" ไม่มีคุยเรื่องคดีฮั้ว สว. ปัดกระทบงานรัฐบาลกับสภาสูง
‘อ้วน’พอใจเยี่ยมอุยกูร์ปัดจัดฉาก
"ภูมิธรรม" พอใจยกคณะไปเยี่ยม "อุยกูร์" ยันทำดีที่สุด ไม่มีจัดฉาก
แฉ‘กาสิโน’หนุนซอฟต์พาวเวอร์
"วันนอร์” ไม่หนุนหรือเชียร์ Entertainment Complex แต่อยากให้ดูข้อมูลรอบด้าน
คลังรับลูกทักษิณ ซื้อหนี้กลุ่มแสนบ.
ว่าตามนายใหญ่! “คลัง” เล็งซื้อหนี้ประชาชนกลุ่มไม่เกิน 1 แสนบาท หวังอุ้มหลุด NPL
มัด‘อิ๊งค์’ดิ้นไม่หลุด! ปชน.โวมีหลักฐานแน่น/พปชร.ขู่ไม่ร้องไห้ก็ลาออก
"ประธานสภาฯ" ขอ “ฝ่ายค้าน” ซักฟอกตามกรอบข้อบังคับหลังจ่อโยงถึงยิ่งลักษณ์
ประธาน กกต. เผยขั้นตอนสอบ นายก อบจ.ลำพูน ถูกร้องหาเสียงใส่ร้ายคู่แข่ง
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีสำนักงาน กกต.ลำพูน ตรวจสอบนายวีระเดช ภู่พิสิฐ นายก อบจ.ลำพูน พรรคประชาชน หลังถูกร้องเรียน ว่า ขณะนี้มี 1 คำร้อง ตามมาตรา 66 และมาตรา 65 (5)