“จุลพันธ์” มั่นใจซื้อหนี้ประชาชนเกิดได้ในรัฐบาลนี้ ขอรอความชัดเจนก่อน “ธปท.” แจงต้องยึด 3 หลักสำคัญ ย้ำไม่สร้างปัญหาทางศีลธรรม “ศิริกัญญา” ไล่นายกฯ คุยกับพ่อให้สะเด็ดน้ำก่อน หวั่นเสียหายซ้ำรอยดิจิทัลวอลเล็ต คลังคาดกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จ่อชง ครม.และเข้าสภาเร็วๆ นี้ ปักธงดูดเงินลงทุน 1 แสนล้าน บูมท่องเที่ยวโต 5-10% นักวิชาการห่วงคอร์รัปชันดุ ทำบังคับใช้กฎหมายคุมยาก ผวาอาชญากรรมพุ่ง
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงแนวคิดมาตรการการซื้อหนี้ประชาชนจากธนาคารว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียด เป็นเรื่องที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลังคิดมานานแล้ว แต่วันนี้เป็นเพียงแนวทาง ยังไม่มีความคืบหน้า อย่างไรก็ตามมองว่าจะเกิดขึ้นได้ในรัฐบาลนี้
ทางด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ชี้แจงในประเด็นการซื้อหนี้ประชาชนและล้างประวัติเครดิตบูโรว่า ขณะนี้ยังต้องรอความชัดเจนของรูปแบบประเภทหนี้ที่จะเข้าข่ายและรายละเอียดต่างๆ ก่อน ซึ่งที่ผ่านมา ในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน ธปท.คำนึงถึงหลักสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1.ต้องสนับสนุนวินัยทางการเงินที่ดี ไม่สร้างแรงจูงใจที่ผิด จนทำให้เกิดปัญหา moral hazard (อันตรายทางศีลธรรม) กล่าวคือ ต้องมีกลไกส่งเสริมให้ลูกหนี้มีวินัยและมีความรับผิดชอบทางการเงิน ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการเป็นหนี้ซ้ำซ้อนในอนาคต
2.สนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อของลูกหนี้ในระยะข้างหน้า กล่าวคือ ความช่วยเหลือที่ให้ต้องไม่ไปลดทอนความแม่นยำในการประเมินความเสี่ยงของเจ้าหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้ด้วยต้นทุนที่เป็นธรรม และ 3.ต้องแก้ปัญหาหนี้อย่างตรงจุด และเสริมสร้างความมั่นคงให้แก่ระบบการเงินในภาพรวม โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของการใช้ทรัพยากรและงบประมาณของประเทศเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้ ปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยมีความซับซ้อนจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายในการช่วยกันแก้ไขปัญหา การออกแบบมาตรการจึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างครบวงจร โดยคำนึงถึงสาเหตุของปัญหา หลักการของการทำมาตรการ และผลข้างเคียงอย่างรอบด้าน เพื่อให้เกิดผลสูงสุดแก่ทั้งลูกหนี้และระบบเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน
ทางด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า ประเด็นแรกจะซื้อออกมาในปริมาณเท่าไหร่ เนื่องจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะซื้ออกมาทั้งหมด เพราะเพียงแค่หนี้ Non-Performing Loan หรือ NPL มีมูลค่าหนี้อยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท แต่เวลาธนาคารขายหนี้ให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ ไม่ได้ขายมูลค่าหนี้สินในราคา 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าจะต้องใช้เงินมากขนาดนี้ บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่ เอาเงินมารวมกันก็ยังไม่มีเงินซื้อ ส่วนที่มีการระบุว่าจะไม่ใช้เงินจากรัฐบาลแม้แต่บาทเดียวนั้น ต้องถามกลับว่า จะใช้เงินใคร รูปแบบการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ มีการทำกันในหลายประเทศ มีทั้งสำเร็จและล้มเหลว แต่ต้องดูเหตุและปัจจัยอื่นร่วมด้วย
“ไม่แน่ใจว่าจะใช้วิธีใดในการช่วยเหลือประชาชน เป็นรายละเอียดที่เราตอบไม่ได้ ต้องรบกวนสื่อมวลชนไปถามนายทักษิณอีกสักรอบ หรือไปคั้นจากตัวต้นคิด คือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าตกลงตอนคุยกับพ่อ คุยไว้ว่าอย่างไร ในเรื่องของรายละเอียด” น.ส.ศิริกัญญาระบุ
สำหรับกรณีที่ยังไม่มีแนวทางชัดเจนจากกระทรวงการคลังนั้น น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า นายพิชัยให้สัมภาษณ์เมื่อเช้านี้ก็บอกว่ามีความเป็นไปได้ และมีความเป็นไปไม่ได้อยู่ ดูแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะหลายครั้งที่รับนโยบายมาแล้วทำไม่เสร็จ ก็เสียเครดิตไปเยอะ ส่วนคนที่ยังมั่นใจว่าทำได้แน่นอนคือนายจุลพันธ์นั้น อาจจะยังไม่เข็ดกับการออกมาพูดกลับไปกลับมาในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งตนมองว่าอาจจะซ้ำรอย แต่ความเสียหายมากกว่า
วันเดียวกัน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนา “Entertainment Complex Game Changer For Thailand” ว่า การจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ขณะนี้กฤษฎีกาได้ตอบกลับความคิดเห็นกลับมาแล้ว โดยยอมรับว่ามีประเด็นที่ถูกแก้ไขในหลายเรื่อง ซึ่งเป็นทั้งข้อห่วงใยของสังคม โดยเฉพาะเรื่องขอบเขตพื้นที่ในการจัดตั้ง กลไกในการเข้าถึง และขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งหนังสือเวียนเพื่อขอรับความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆ โดยกระทรวงการคลังพร้อมรับความคิดเห็นดังกล่าว ก่อนส่งกลับไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และผลักดันเข้าสภาต่อไป ซึ่งคาดว่าสภาจะพิจารณาได้เร็วๆ นี้
“การเติบโตของเศรษฐกิจไทยช่วง 30 ปีหลังชะลอตัวลงมาเรื่อยๆ และ 10 ปีหลัง เหลือโต 2% เป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่รัฐบาลมองว่าไม่เพียงพอที่จะเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงประชาชนในประเทศกำลังพัฒนาได้ ตอนนี้ทุกคนรู้สึกถึงความลำบาก วันนี้การเติบโตทางเศรษฐกิจจึงเป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาล ซึ่งเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะเป็น Game Changer ใหม่ให้กับเศรษฐกิจไทยได้ โดยรัฐบาลเชื่อมั่นว่าภายหลังดำเนินโครงการ อัตราการเติบโตด้านการท่องเที่ยวจะเพิ่มจากฐานไม่ต่ำกว่า 5-10% ต่อปี การใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยว คาดว่าจะเพิ่มจาก 4 หมื่นบาท เป็น 6 หมื่นบาทต่อหัวได้” นายจุลพันธ์ระบุ
สำหรับข้อห่วงใยจากภาคส่วนต่างๆ นั้น ยืนยันว่ารัฐบาลกำลังสร้างกลไกของกฎหมายในการกำกับควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด คือ คณะกรรมการบริหารและคณะกรรมการนโยบาย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เราวาดแผนให้มีความเข้มงวดในการเข้าไปใช้บริการ มีการกำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการ ผ่านการกำหนดค่าแรกเข้า เพื่อสกรีนคนที่ไม่พร้อม อีกประเด็นที่กำลังพูดคุยกันคือการกำหนดสัดส่วนเงินฝาก ซึ่งตรงนี้จะต้องมีการพูดคุยกันต่อในสภา เพราะเป็นข้อเสนอของกฤษฎีกา ก็ต้องมาดูตัวเลขที่เหมาะสม และจะสามารถช่วยสกรีนคนและข้อห่วงใยต่างๆ ได้จริงหรือไม่ และยังมีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาเสริม เพื่อความปลอดภัย มีการกำกับดูแลด้วย AI ที่น่าจะช่วยป้องปรามปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง ตรงนี้เป็นความพยายามของรัฐบาลในการดึงคนไทยที่เดินทางไปเล่นการพนันในประเทศเพื่อนบ้านให้กลับมาอยู่ในระบบกำกับดูแลของรัฐที่เหมาะสม ซึ่งรัฐก็จะได้ประโยชน์จากภาษี ประเทศจะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุน 1 แสนล้านบาท
ด้าน น.ส.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า มี 2 ประเด็นที่น่าสนใจสำหรับประเทศที่มีความพร้อมหรือไม่มีความพร้อมในการจัดตั้งเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ นั่นคือ ประเทศที่มีความพร้อมจะต้องมีการทุจริตคอร์รัปชันต่ำ ซึ่งประเทศที่มีความพร้อม จะสะท้อนจากประชากรมีคุณภาพ รายได้น้อยค่อนข้างต่ำ ดังนั้นเมื่อมาดูของประเทศไทย จากข้อมูลผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อยู่ที่ 16 ล้านคน คิดเป็น 20% ของประชากรทั้งหมด อีกทั้งต้องยอมรับว่าปัญหาทุจริตคอร์รัปชันของไทยอยู่ในขั้นวิกฤต อยู่ลำดับที่ 107 ของโลก ดังนั้นการที่รัฐบาลบอกว่าห่วงใบประชาชน แต่เปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แล้วไม่อยากให้คนติดการพนัน ต้องย้อนถามกลับไปว่า กลไกรัฐที่มีการทุจริตรุนแรงนั้น รัฐบาลจะสามารถบังคับใชกฎหมายเพื่อดูแลในส่วนนี้อย่างมีประสิทธิภาพได้หรือไม่
รศ.นวลน้อย ตรีรัตน์ นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน กล่าวว่า รัฐบาลเอาโมเดลต้นแบบจากสิงคโปร์มาไม่หมด โดยเฉพาะการจัดตั้งสภาแห่งชาติเพื่อแก้ปัญหาการพนัน เพราะกาสิโนมีความเสี่ยง โดยเฉพาะภาคสังคม ครอบครัว อาชญากรรม ปัญหาการติดการพนัน และการให้การศึกษาสำหรับเยาวชน ซึ่งกฎหมายไทยอาจไม่ได้คำนึงถึงเรื่องพวกนี้มากนัก นี่คือเรื่องที่กังวลใจและห่วงใยมาก เพราะไม่ว่าจะทำดีอย่างไร เป็นกาสิโนถูกกฎหมาย แต่อาชญากรจะชอบมาก เพราะการฟอกเงินในกาสิโนที่ถูกกฎหมาย เงินที่ถูกฟอกจะถูกกฎหมายแน่นอน นี่คือปัญหาที่จะตามมา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บี้ปปง.สอบฮั้วสว. กกต.ชี้27คำร้อง ใช้เวลาตัดสินใจ
"นายกฯ อิ๊งค์" ยันเจอ "เนวิน" ไม่มีคุยเรื่องคดีฮั้ว สว. ปัดกระทบงานรัฐบาลกับสภาสูง
‘อ้วน’พอใจเยี่ยมอุยกูร์ปัดจัดฉาก
"ภูมิธรรม" พอใจยกคณะไปเยี่ยม "อุยกูร์" ยันทำดีที่สุด ไม่มีจัดฉาก
คลังรับลูกทักษิณ ซื้อหนี้กลุ่มแสนบ.
ว่าตามนายใหญ่! “คลัง” เล็งซื้อหนี้ประชาชนกลุ่มไม่เกิน 1 แสนบาท หวังอุ้มหลุด NPL
แฉ‘กาสิโน’หนุนซอฟต์พาวเวอร์
"วันนอร์” ไม่หนุนหรือเชียร์ Entertainment Complex แต่อยากให้ดูข้อมูลรอบด้าน
มัด‘อิ๊งค์’ดิ้นไม่หลุด! ปชน.โวมีหลักฐานแน่น/พปชร.ขู่ไม่ร้องไห้ก็ลาออก
"ประธานสภาฯ" ขอ “ฝ่ายค้าน” ซักฟอกตามกรอบข้อบังคับหลังจ่อโยงถึงยิ่งลักษณ์
ลาก1ปีสรุปฮั้วสว./หมอเกศลุ้นเม.ย.
“ประธาน กกต.” แจงยิบจับมือดีเอสไอสอบฮั้ว สว.ช่วยให้ทำงานคล่อง