ไม่เกินคาด! รัฐสภามีมติ 304 เสียง เห็นชอบส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความรื้อ รธน. พรรคประชาชนพาเหรดสับเหตุผลการเมืองล้วนๆ หวั่นซ้ำรอยไม่รับวินิจฉัย สุดท้ายยื้อการแก้ไข พร้อมจี้ “แพทองธาร” แสดงบทบาทผู้นำควบคุมเสียง
เมื่อวันจันทร์ที่ 17 มีนาคม 2568 มีการประชุมรัฐสภาครั้งที่ 6 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน 2 เรื่อง คือเรื่องขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ที่ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. เป็นผู้เสนอ และเรื่อง ขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ
ทั้งนี้ ก่อนการประชุม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า พรรคเห็นด้วยกับการส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งศาลจะวินิจฉัยอย่างไรก็พร้อมเดินตามแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญ
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับวินิจฉัย จะได้สะเด็ดน้ำเดินหน้าต่อไป ทั้งนี้ ศาลธรรมนูญพิจารณาอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น แต่หากศาลไม่รับวินิจฉัยก็ต้องเข้าสู่วังวนเดิมเดินต่อไปยาก เผลอๆ อาจต้องตัดสินใจทำประชามติสามครั้ง เพื่อเซฟให้คนที่ไม่พอใจเข้าร่วมประชุมทั้งนี้ ก็หวังว่าศาลจะรับวินิจฉัยให้เพื่อเป็นทางออกประเทศ
และในเวลา 12.05 น. รัฐสภาก็ได้เริ่มประชุมเรื่องดังกล่าว โดย นพ.เปรมศักดิ์กล่าวเสนอญัตติ พร้อมยืนยันว่า เสมือนหนึ่งเราจะเล่นกีฬา ก็ต้องดูกติกาก่อนว่าเขาให้เล่นได้อย่างไร ไม่ดูกติกาไปเล่นไป ในที่สุดก็ต้องแพ้ฟาวล์ จึงเห็นโดยสุจริตใจว่า การที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการลงประชามติเสียก่อน ความเห็นในรายละเอียดจะลงประชามติ 2 ครั้งหรือ 3 ครั้ง เป็นสิ่งที่ขอให้ศาลมีคำวินิจฉัยต่อไป
ต่อมาเวลา 12.20 น. นายวิสุทธิ์กล่าวถึงเหตุผลการเสนอญัตติด่วนว่า รัฐสภาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามหน้าที่และอำนาจที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ และยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในปัญหาดังกล่าว ดังนั้นจึงเสนอญัตติด่วนนี้เพื่อให้รัฐสภาได้มีมติ ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ว่ารัฐสภาจะพิจารณาและลงมติร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ที่มีบัญญัติให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยที่ยังไม่มีผลการออกเสียงประชามติ ประชาชนประสงค์จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่
ต่อมาสมาชิกรัฐสภาได้มีการอภิปรายญัตติดังกล่าว โดยนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. อภิปรายว่า สภาวะเช่นนี้สภาย้ำคิดย้ำทำไม่เป็นตัวของตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้สมดุลอำนาจ ดุลยภาพระหว่างสถาบันทางการเมืองเสียดุลไป จะทำอะไรก็ต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญก่อน กลายเป็นสภาที่ปรึกษาไปแล้ว ไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะต้องเชิญศาลรัฐธรรมนูญมานั่งข้างๆ ประธาน เวลาจะทำอะไรผิดหรือเปล่า ถูกหรือไม่ ก็ต้องถามศาลรัฐธรรมนูญก่อน จึงไม่สามารถเห็นชอบด้วยกับการยื่นญัตติ เพราะขัดหลักการ และเชื่อว่าจะมีคนที่ใช้วิธีการเตะถ่วงชะลอไปเรื่อยๆ สุดท้ายรัฐธรรมนูญก็ไม่มีการแก้ไข
ในเวลา 12.35 น. นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า มีสมาชิกบางคนไม่ได้สนใจหรือมีข้อกังวลด้านข้อกฎหมาย แต่ไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญ จึงพยายามค้นหาข้อกังวลทางกฎหมายเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ หวังชะลอการจัดทำรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีปัญหาทางเทคนิค ทำให้ประชาชนลืมประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ศาลอาจไม่รับไว้พิจารณาเหมือนที่เคยเกิดขึ้น หรือรับไว้พิจารณาแต่ไม่มีคำวินิจฉัยที่ชัดเจน หรือไม่วินิจฉัยเพิ่มเติมจากปี 2564 จะทำให้รัฐสภากลับมาสู่จุดเดิม
“สิ่งที่จะทำได้คือ ต้องอาศัยเจตจำนงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องโน้มน้าวสมาชิกรัฐสภาซีกรัฐบาล ซึ่งภารกิจดังกล่าวไม่มีศาลรัฐธรรมนูญช่วยได้ เพราะต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้เดินหน้าได้ ไม่มีหลักประกันใดว่า สส.และ สว.กลุ่มที่หัวใจเดียวกัน จะร่วมลงมติสนับสนุนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ อุปสรรคไม่ได้อยู่ที่ข้อกฎหมาย แต่คือเจตจำนงของรัฐบาล” นายพริษฐ์กล่าว
นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายสนับสนุนญัตติว่า ต้องขอแสดงความภูมิใจของตนและเพื่อนสมาชิกบางส่วน ที่ยังเห็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้อยู่ในสภา ทั้งที่น่าจะตกไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 13-14 ก.พ. เราภูมิใจที่ทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังมีชีวิตอยู่ ได้ มาพูดคุยในการต่อชีวิต และทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีชีวิตต่อไป แม้บางวิธีการเราไม่ภูมิใจและไม่อยากทำ การยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน ถ้าไม่ตีความให้ชัดเจนจะมาเจอวังวนเดิม
“พรรคเพื่อไทยไม่มีเจตนาเตะถ่วง ถ้าเลือกเป็นการเตะถ่วงก็ดีกว่าการส่งรัฐธรรมนูญไปตกตาย พรรคเพื่อไทยต้องการผ่าทางตันให้เกิดความชัดเจน ชี้ขาดให้ชัด จะได้รู้ใครคือของจริงของปลอม” นายสุทินกล่าวและว่า การยื่นตีความให้เกิดความชัดเจนจะได้เปิดตาเดิน เป็นวิธีแก้รัฐธรรมนูญถูกต้องที่สุด หลายคนชอบอ้างไอน์สไตน์ว่า คนโง่เท่านั้นที่ทำวิธีการเดิมๆ แต่อยากได้คำตอบใหม่ ถ้าไอน์สไตน์ยังอยู่จะถามว่า ทำวิธีการเดิมๆ แต่บริบทใหม่ อาจได้คำตอบใหม่ วันนี้ถ้าไอน์สไตน์ฟื้นขึ้นมาอาจต้องคิดใหม่ สนับสนุนให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ"
ในเวลา 15.40 น. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายโดยไล่ลำดับไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนสรุปว่านี่คือโรงลิเกหลอกต้มประชาชน เป็นสภาโจ๊กที่ประชาชนไม่อาจให้ความหวังได้ ไม่รู้ว่าจะเลือกตั้งนักการเมืองแบบนี้มาทำไม เพราะนักการเมืองเหล่านี้ไม่กล้าหาญที่จะใช้อำนาจนิติบัญญัติที่ประชาชนยกมาให้ด้วยความเต็มใจ วันนี้ประเทศชาติเสียเวลาน้อยกว่าครึ่งทศวรรษ แล้วยังจะให้เสียเวลาอีกต่อไปหรือ จะไปซ้ำรอยกับที่อาจารย์ชูศักดิ์เคยยื่นไปแล้วเพื่ออะไร
ต่อมานายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ปชน. ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายว่า อยากถามถึงเหตุและผลที่เรามาเถียงกันในวันนี้ ว่าเป็นเหตุผลทางการเมืองหรือเป็นเหตุผลทางข้อกฎหมาย เพราะถ้าเป็นเหตุผลทางการเมือง เราต้องแก้ด้วยการเมือง หากใช้ข้ออ้างเรื่องข้อกฎหมาย คิดว่าอย่างไรก็ไม่ได้คำตอบ
นายณัฐพงษ์ย้ำว่า อยากให้เพื่อนสมาชิกทุกคนมาประเมินผลได้ผลเสียของการลงมติในญัตตินี้วันนี้ ถ้ามุ่งมั่นตั้งใจแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประชาชน ลงมติไม่ส่งไปศาลรัฐธรรมนูญ เดินหน้ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ต่อให้ทันก่อนปิดสมัยประชุม ไม่มีอะไรจะเสีย หากในอนาคตศาลรัฐธรรมนูญเกิดวินิจฉัย แล้วมีใครไปร้องเราก็แค่รีเซตกระบวนการทำประชามติใหม่ ถ้าท่านเล็งเห็นต้นทุนของประเทศเป็นส่วนสำคัญ ไม่มีอะไรน่ากังวลเลย ไม่มีอะไรช้าไปกว่าเดิมเลย ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีธงอยู่แล้วว่าต้องทำประชามติ 3 ครั้ง การเดินหน้าแก้ไขมาตรา 256 นี้ ไม่มีอะไรเสีย เว้นเสียแต่ต้นทุนที่ท่านจะยอมแลก ท่านไม่มองเห็นต้นทุนประเทศที่จะเสีย แต่ท่านเล็งเห็นต้นทุนของตัวเองที่จะเสีย ข้อกังวลว่าจะมีคดีเข้าตัวเอง นี่คือการตัดสินใจที่ท่านไม่ได้เอาต้นทุนของประเทศเป็นตัวตั้ง แต่ท่านเอาต้นทุนของตัวเองเป็นตัวตั้ง
หลังอภิปรายมาจนถึงเวลา 17.30 น. ได้มีการลงมติและปรากฏว่า ที่ประชุมรัฐสภามีมติเสียงข้างมากเห็นชอบจากจำนวนสมาชิกที่แสดงตนทั้งหมด 579 คน เห็นชอบ 304 เสียง ไม่เห็นชอบ 150 เสียง งดออกเสียง 124 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง เป็นอันว่าที่ประชุมรัฐสภามีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) และปิดประชุมในเวลา 17.38 น.
สำหรับผลการลงมติพบว่า ในส่วนของพรรค ปชน. สมาชิกที่มาแสดงตนไม่เห็นชอบทั้งหมด รวมถึงพรรคเป็นธรรม ขณะที่พรรคพลังประชารัฐแสดงตน 2 คน คือนางสาวกาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ ที่ลงมติเห็นชอบ และนายปริญญา ฤกษ์หร่าย สส.กำแพงเพชร ที่ลงมติงดออกเสียง ส่วนพรรคไทยสร้างไทยเห็นชอบ 3 คน คือ นางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร, นายหรั่ง ธุระพล สส.อุดรธานี และนายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี
ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล การลงมติเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือเห็นชอบ ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคกล้าธรรม พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาชาติ และพรรคชาติพัฒนา แต่พบว่านายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ งดออกเสียง
ด้าน สว.มีการลงมติแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม เห็นชอบ 32 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอิสระ ไม่เห็นชอบ 12 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็น สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ และงดออกเสียง 120 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็น สว.สีน้ำเงิน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อิ๊งค์ฟุ้งผลงาน ทลายแก๊งคอล บิ๊กอ้วนจ่อแจง
นายกฯ ฟุ้งผลงานปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลั่นมาถูกทาง มาตรการ “ตัดน้ำ-ไฟ-อินเทอร์เน็ต”
ตีตกแก้กฎหมาย‘ป.ป.ช.’ วิโรจน์ฉุนพท.ทรยศแดง
รัฐสภามีมติข้างมาก 415 เสียง ตีตก “ร่าง กฎหมาย ป.ป.ช.” โอนคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของทหารไปศาลอาญาคดีทุจริตฯ
นายกฯบี้ฟัน‘แพ่ง-อาญา’ สุริยะเมินเสียงไล่พ้นรมต.
มหกรรมวัวหายล้อมคอก! นายกฯ ถกแก้ปัญหาพระรามที่ 2 ถล่ม
อัดมะกันไม่อัปเดตข้อมูล
"ภูมิธรรม" ลั่นให้ยึดตาม กต.แถลงปมอุยกูร์ คนไม่เกี่ยวอย่าคอมเมนต์ “หอการค้าไทย”
เลิกเห่าหอนเสียที สทร.ซัดปชน.พ่วงขายฝันล้างหนี้/ตัวตึงขู่อภิปรายยกโคตร
ฝ่ายค้านจบที่ขีดฆ่าชื่อทักษิณเปลี่ยนเป็นคนในครอบครัว "วิโรจน์"
เตือนคาร์บอมบ์ 15วัน‘รอมฎอน’ จี้สอบสินบนอส.
สว.ห่วงเจ้าหน้าที่รัฐตกเป็นเป้าของ “สไนเปอร์บีอาร์เอ็น” หวั่นเด็ดหัวช่วงเปิด-ปิดงาน การข่าวพบผู้ไม่หวังดีเตรียมคาร์บอมบ์บึ้ม 15 วันสุดท้ายรอมฎอน กอ.รมน.ภาค 4 ยันทำตามขั้นตอนฟ้อง 5 แกนนำนักศึกษา