เลิกเห่าหอนเสียที สทร.ซัดปชน.พ่วงขายฝันล้างหนี้/ตัวตึงขู่อภิปรายยกโคตร

ฝ่ายค้านจบที่ขีดฆ่าชื่อทักษิณเปลี่ยนเป็นคนในครอบครัว "วิโรจน์" บอกจะได้ลากมาสับทั้งโคตร ญาติโกโหติกาแทรกแซงบริหารงานรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง ขณะที่ "วิปรัฐบาล" ขีดเส้นเวลาไม่ถอยกว่านี้เคาะจบวันพุธ ด้าน "ทักษิณ" พบมวลชนเสื้อแดง โถประชาธิปไตยตัวพ่อ สัญญากลับมาแล้วไม่เสียข้าวสุก ประกาศ สทร.ใครรักตนคือสุดที่รัก โยนขี้ใส่พรรคร่วม “พ่อมหาจำเริญ” ช่วยกันทำงานหน่อย ลุยขายฝันล็อตใหญ่ซื้อหนี้คนจน

เมื่อวันจันทร์ ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจฉบับแก้ไขต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปแล้วเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (17 มี.ค.) โดยขีดฆ่าชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคำว่า "ผู้เป็นบิดา" ออก แล้วเปลี่ยนเป็น "บุคคลในครอบครัว" แทน ทั้งนี้เชื่อว่าประธานจะบรรจุญัตติดังกล่าวเข้าสู่วาระโดยไม่มีปัญหาใดๆ และสามารถเปิดอภิปรายได้ในวันที่ 24 มี.ค.ตามข้อเสนอของรัฐบาล

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ระบุว่า การแก้ไขถ้อยคำถือเป็นการใช้โอกาสในการเปลี่ยนเพื่อให้อภิปรายได้กว้างขวางหนักหน่วงมากขึ้น ฉะนั้นการแก้เป็นคำว่าบุคคลในครอบครัว ก็จะนำพาองค์ประกอบจำเลยมาได้หมดทั้งครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นญาติโกโหติกา บรรดาคนใกล้ชิดที่มีความเกี่ยวข้องในการกระทำแทรกแซงการบริหารแผ่นดินของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพราะก่อนหน้านี้หลายคนก็มาปรึกษาว่าไม่ได้แตะคนชื่อนี้คนชื่อนั้น ตอนนี้คือแตะทุกชื่อแล้ว การอภิปรายก็จะเข้มข้นขึ้น ต่อจากนี้จะรอดูว่าถ้าแก้เป็นถ้อยคำแบบนี้แล้วจะมีการประท้วงหรือไม่

เมื่อถามถึงกรณีที่เคยเสนอให้นายทักษิณเข้ามาตอบการอภิปรายในสภา และนายทักษิณบอกว่าให้ระวังว่าจะเสียไปอีกพรรค นายวิโรจน์กล่าวว่า หากพรรค พท.เต้นเหยงๆ ว่าคนภายนอกเข้ามาไม่ได้ แต่ข้อบังคับการประชุมที่ 76 ระบุว่าหากประธานสภาผู้แทนราษฎรอนุญาต นายกรัฐมนตรีก็พาพ่อมาตอบที่สภาได้ แต่นายทักษิณจะตอบได้เฉพาะที่ถูกพาดพิง ส่วนการอภิปรายหรือกล่าวหานายกรัฐมนตรีก็ทำได้แค่นั่งมองตาปริบๆ อยู่ลึกๆ หลังๆ เท่านั้น

โหมโรงโปสเตอร์

เมื่อถามถึงสาระสำคัญของโปสเตอร์ ที่พรรคประชาชนระบุเป็นดีลแลกประเทศที่เปิดออกมา นายวิโรจน์กล่าวว่า ความหมายสื่อถึงพรรค พท.พร้อมที่จะตระบัดสัตย์ กลืนน้ำลายทุกอย่าง พร้อมที่จะทำอะไรก็ตามที่ประชาชนเสียผลประโยชน์และได้ผลประโยชน์ต่อตัวเองและครอบครัว เอารัดเอาเปรียบประชาชนให้บุคคลในครอบครัว สทร.หรือสุดที่รักกลับมาเสวยสุข ทวงคืนอำนาจและทรัพย์สินของตัวเองโดยที่ไม่เห็นหัวประชาชน

นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีที่ระบุว่าใช้เวลา 30 ชั่วโมงไม่มีปัญหา แต่บริวารในพรรคออกมาต่อรองเหลือ 23 ชั่วโมง จึงไม่เข้าใจว่าคนในพรรคไม่เคารพหัวหน้าพรรคตัวเองหรือ หรือแม้แต่วันนี้ไม่ศรัทธาหัวหน้าพรรคแล้ว ศรัทธาแต่ สทร. ตนมองว่านี่คือปัญหาความเสื่อมถอยในภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าผู้ที่ต่อรองเวลาแบบนี้ จะเป็นการสร้างผลงานเพื่อนำไปต่อรองเก้าอี้นายกรัฐมนตรีหรือไม่ แต่เป็นการทำที่ไร้สติปัญญา และทำให้ภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีดูต้อยต่ำลง และเรื่องเวลาอภิปรายอยากให้วิปรัฐบาลฟังสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูด

 “มีวาทะว่าพรรคเพื่อไทยหัวใจคือคุณทักษิณแล้วนั้น นายกรัฐมนตรีคือลูกสาวของหัวใจพรรค ก็อยากให้คนของเพื่อไทยให้เกียรตินายกรัฐมนตรี ควรเคารพในการตัดสินใจที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าไม่มีปัญหาในเวลา 30 ชั่วโมง” นายวิโรจน์ระบุ  

ทั้งนี้ เฟซบุ๊กพรรคประชาชนได้โหมกระแสการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยใช้หัวข้อการอภิปรายว่า “ดีลแลกประเทศ”       ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ร่วมติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกของพรรคประชาชน เปิดทุกดีลลับ คิดบัญชีทุกความสูญเสีย เปิดทุกแผลที่ถูกหมกเม็ด ของแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  24 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป

พท.ขีดเส้นเวลา

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีใช้คำว่า บุคคลในครอบครัวแทนว่า ไม่มีปัญหาอะไร เป็นดุลยพินิจของประธานสภา เมื่อบรรจุแล้วก็อภิปรายกันไป เราไม่ได้มีข้อท้วงติงอะไร ท้ายที่สุดแล้วถ้ามีปัญหาเช่นนี้ ก็อย่างที่ตนเคยเตือนแม้จะบรรจุวาระ แต่ในการอภิปรายก็จะเกิดประเด็นอีกว่า มีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกโดยไม่จำเป็นตามข้อบังคับ ส่งผลให้เกิดการประท้วงกันอีก

เมื่อถามถึงกรอบเวลาในการอภิปราย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล ระบุว่า มีการนัดคุยกันวันที่ 19 มี.ค. ซึ่งเราเองก็ถอยให้หลายอย่าง ถอยไปจนไกลแล้ว เราให้เวลาฝ่ายค้าน 23 ชม. รัฐบาลขอแค่ 7 ชม.ซึ่งถือว่าน้อยมาก โดยตนต้องขอมตินอกที่ประชุมพรรคเพื่อไทยในวันพรุ่งนี้ (18 มี.ค.)

“เราพยายามเต็มที่ ไม่ใช่จะไปจำกัดอะไรฝ่ายค้าน หลายคนถามว่าทำไมไม่ให้เวลาหลายๆ วัน เรามองว่ามันมากเกินไป ในสมัยที่แล้วเราเป็นฝ่ายค้านอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี 3 วัน แต่รัฐมนตรี 11 คน แต่ครั้งนี้อภิปรายแค่คนเดียว 2 วันก็น่าจะพอสมควร เราถามฝ่ายค้านแล้วว่าอภิปรายใครบ้าง ฝ่ายค้านบอกนายกฯ 95% เพื่อไม่ให้ซ้ำไปซ้ำมา 23 ชม.ถือว่าเต็มที่แล้ว หากทุกคนรู้จักถอยซะบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ตัวเองได้หมดก็จะคุยกันรู้เรื่อง” นายวิสุทธิ์ระบุ

เมื่อถามว่า จะไม่มีการถอยไปมากกว่านี้แล้วใช่หรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า "ถอยไม่ได้แล้วครับ ถอยไปมากกว่านี้ก็ตกแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว ต้องพุธนี้เท่านั้นต้องเจรจาเรื่องกรอบเวลาให้จบ ทุกคนจะได้ไปเตรียมตัวในการอภิปราย ถือว่าฝ่ายค้านได้เวลาเยอะแล้ว ได้กล่าวหานายกฯ อย่างเต็มที่ เรามีเวลา 7 ชม. รวมทั้งเวลาการประท้วงด้วยก็ลำบากเหมือนกัน ถือว่าได้เวลาน้อยนิด  ถอยไปกว่านี้คงไม่ได้แล้ว"

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการนัดทานข้าวของพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 21 มีนาคมนี้ เพื่อหารือในการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีเป็นคนนัดเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า "เดี๋ยวก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจขอเจอกันอีกรอบหนึ่ง" ซึ่งการนัดกันครั้งนี้จะเป็นวงเล็ก จะเจอกันเฉพาะหัวหน้าพรรค ไม่มีเลขาธิการพรรค

เมื่อถามว่า จะมีการพูดคุยเรื่องคะแนนเสียงของพรรคภูมิใจไทย ที่จะเทให้นายกรัฐมนตรีทั้งหมดใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อย่าถามนำ เป็นพรรคร่วมรัฐบาลมีกติกาของพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว

ถามต่อว่า การที่นายกรัฐมนตรีนัดดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะมีความกังวลอะไรหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่าไม่ มีการนัดกันก่อน และคงจะเป็นการนัดเพื่อเตรียมข้อมูล

แม้วพบเสื้อแดง

วันเดียวกัน ที่ จ.พิษณุโลก เมื่อเวลา 13.30 น.ที่หอประชุมอนุสรณ์ 100 ปี มหาวิทยาลัยพิษณุโลก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีพบปะมวลชนเสื้อแดงในงานเรื่องเล่า “ประสบการณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของมวลชน” ที่หอประชุมอนุสรณ์ 100 ปี มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ต.สมอแข อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก

นายทักษิณกล่าวบางช่วงว่า ต้องขอคารวะหัวใจทุกคน ที่เด็ดเดี่ยวต่อสู้เพื่ออยากเห็นความเป็นธรรมในบ้านเมือง ที่สำคัญคือไม่เคยลืมตน บุญคุณของทุกคนคือไม่เคยทิ้งตน 17 ปีไม่เคยทิ้งกัน เลือกตั้งทุกครั้งก็ไปเลือก ไปเชียร์ ไปช่วยหาเสียง แม้ครั้งที่ผ่านมาเราจะเสียหายไปเยอะ ซึ่งอาจเกิดจากความประมาทหรือเกิดจากการที่กระแสพลิกในตอนท้าย แต่วันนี้นอกจากมาขอบคุณในน้ำใจที่ไม่เคยลืมกันแล้ว ยังอยากมาบอกว่า วันนี้เราไม่ต้องไปต่อสู้อะไรแล้วในเรื่องของการเมือง วันนี้ตนอยากเห็นทุกฝ่ายมองประเทศไทยเป็นหนึ่ง เพราะลำพังเราสามัคคีกันอย่างไรก็ยังสู้เขายาก แต่ถ้ามีการแตกแยกเกิดขึ้นในบ้านเมือง เราก็ยิ่งสู้เขายาก เพราะการแข่งขันในโลกใหม่มันรุนแรง แข่งขันกันด้วยพลังเงิน ด้วยเทคโนโลยี วันนี้เราจะต้องแข็งแรงมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นิสัยเก่าๆ ที่ชอบอิจฉาริษยาทำงานเป็นทีมไม่ได้ คนไทยต้องเบาลง ไม่อย่างนั้นประเทศเราจะไม่แข็งแรง

"ผมอยากบอกพี่น้องเสื้อแดงทุกคน ว่าผมจะถูกใส่ร้ายป้ายสีในอดีตอย่างไรก็แล้วแต่ วันนี้ผมให้อภัย เพราะถือว่าผมเป็นผู้รักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรม อยากเห็นคนไทยทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีความเป็นธรรม" นายทักษิณกล่าว

นายทักษิณยังกล่าวอีกว่า ตนกลับได้เพราะพระเมตตา ดังนั้นจะต้องกลับมาทำงานให้กับบ้านเมือง ทำให้เป็นยุคศิวิไลซ์ การเมืองเข้มแข็ง แข็งแกร่ง และบริหารประเทศด้วยปัญญา ด้วยความถูกต้อง แล้วบ้านเมืองเราจะไปด้วยดี

ขายฝันซื้อหนี้

นายทักษิณกล่าวว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาตนคิดกับนายกฯ อิ๊งค์ดังๆ ว่าทำอย่างไรจะให้หนี้สินคนไทยหมด เพราะวันนี้หนี้ครัวเรือนเยอะเหลือเกิน เราจึงคิดกันว่าจะซื้อหนี้ทั้งหมด ซื้อหนี้ของประชาชนออกจากระบบธนาคาร ดีหรือไม่ แล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน ไม่ต้องชำระเต็มจำนวน แล้วให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ยกจากเครดิตบูโรให้หมด ให้เป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่องทำมาหากินใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ต้องใช้เงินรัฐสักบาท เพราะตนสามารถให้เอกชนลงทุน วันนี้รัฐเป็นหนี้เยอะ เราเข้ามาหนี้ก็บานตะไทแล้ว วันนี้จะขยับอะไรทีก็เป็นหนี้ไปหมด เราต้องสร้างหนี้ให้น้อยที่สุด และสร้างโอกาสให้คนไทยมากที่สุด พูดง่ายทำยากแต่ต้องทำ

นายทักษิณกล่าวอีกว่า ตนเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ก่อนเข้าห้องเรียนต้องปฏิญาณตน หนึ่งในนั้นคือ "ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้" และ "ตายเสียกว่าที่จะอยู่อย่างผู้แพ้" ดังนั้นสิ่งที่ตนพูด นายกฯ พูด ทำแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนตอนที่เป็นพรรคไทยรักไทย เพราะพรรคมีขนาดเล็กลง มีรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงน้อยลง บางทีรัฐมนตรีกระทรวงข้างเคียงก็ทำงานด้วยกันไม่คล่องตัว พยายามทั้งนวดทั้งบีบให้ช่วยกัน

 “ทำงานเถอะพ่อมหาจำเริญ ช่วยกันหน่อยเถอะ ถ้าพ่อมหาจำเริญไม่ทำ ก็ตัวใครตัวมันนะครับ วันนี้ถือว่าบ้านเมืองคือหัวใจที่เราจะต้องทำให้ผ่านไปให้ได้” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณยังกล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ที่อาจทำให้พรรคประชาชนเข้าใจผิดว่า ตนอาจจะพูดสั้นไป ทำให้พรรคประชาชนมองว่าตนเห็นดีเห็นงามกับการยุบพรรค ดังนั้นขอบอกว่า "ผมเป็นคนเกลียดเรื่องระบบยุบพรรคที่สุด เพราะโดนมาเยอะแล้ว และผมก็ไม่อยากเห็นพรรคประชาชนหรือพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ไม่อยากเห็นเลย  แต่เราต้องแคร์ ผมโดนยุบ ผมก็เคารพกติกา ที่ผมพูดวันนั้นว่าเดี๋ยวจะหายไปอีกพรรค นั่นคือหายไปจากความทรงจำของประชาชน ซึ่งเป็นการลงโทษที่ร้ายแรงที่สุดของประชาชน"

นายทักษิณยังกล่าวอีกว่า ตนเป็นคนมองโลกในแง่ดี พร้อมให้โอกาส ซึ่งพี่น้องคนเสื้อแดงก็เห็นอยู่ว่าตนมีขาประจำ บางคนเป็นขาเดียวกันกับตน แต่ย้ายไปอยู่กับขาประจำก็มี เพราะฉะนั้นไม่ได้หวั่นไหว และแทนที่จะเป็นขาประจำ ซึ่งไม่อยากเห็นเขาเครียดเพราะด่าแทบตาย ตนก็ไม่เครียด เป็นห่วงเดี๋ยวเส้นโลหิตในสมองแตกขึ้นมา อย่าไปโกรธเลย มานั่งคุยกัน มากินไวน์กัน มีอะไรคับแค้นหัวใจก็มาคุยกัน 

"ผมก็ลืมถามพ่อ พ่อเสียไปแล้ว ลืมถามว่าปู่ผมมีอะไรกับปู่เขาหรือเปล่า ทำไมมันถึงไม่เลิกเห่าหอนเสียที ที่ผมพูดก็เพราะอยากเห็นบ้านเมืองสามัคคี ไม่อยากเห็นเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง ด่ากันไปด่ากันมา มันไร้สาระ ผมปล่อยวางหมดแล้ว” อดีตนายกฯ กล่าว

สทร.สุดที่รัก

นายทักษิณกล่าวต่อว่า อยู่ๆ การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็อภิปรายนายกฯ คนเดียว ก็ดีเหมือนกัน แต่อภิปราย สทร.ทีแรกจะใช้ชื่อทักษิณ ซึ่งผิดกติกา พอตนไปพูด ตำแหน่งตนคือ สทร. ก็เลยเอาตรงนี้ไป เข้าใจว่าจะใช้แบบนี้ แต่ในสายตาคนที่รักตน สทร.ไม่ได้แปลว่าเสือกทุกเรื่อง แต่แปลว่าสุดที่รัก ขอให้คิดว่าเป็นสุดที่รักเยอะหน่อยก็แล้วกัน ตนอยากทำงานให้ประชาชนเลยขอเสือกทุกเรื่อง แต่ว่าเสือกแล้วทำงานได้ดี ก็ขอให้เป็นที่รักของประชาชนก็แล้วกัน

นายทักษิณกล่าวอีกว่า วันนี้เงินยังอยู่ในกระทรวงต่างๆ อีกเยอะ เอางบออกไปใช้ช้าไป ตนใช้คำว่าพ่อมหาจำเริญ นั่งทับเงินทับทองจำนวนมาก รีบใช้หน่อยเถอะ เงินจะได้ถึงมือประชาชนเร็วๆ ในการบริหาร เร่งระบายเงินเข้าสู่การพัฒนาโดยเร็ว มีการจัดซื้อจัดจ้างเร็วๆ ประเทศจะได้เดินหน้า ต้องใช้ทั้งไม้นุ่มและไม้แข็ง พูดไปพรรคประชาชนก็ชอบว่าตนพูดแล้วทำไม่ได้ พูดแล้วไม่ตรงปก ขอให้ไปจดไว้เลย ทำได้ทุกเรื่อง แต่เวลามันยืดเนื่องจากเหตุการณ์มันเปลี่ยนไป อย่างเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตอีกไม่นานพวกคุณจะเข้าใจมากกว่านี้ เพราะตอนนั้นที่พูดกันว่าจะไม่กู้ เพราะเราไปเข้าใจว่าไม่มีใครเข้ามายุ่งกับการบริหาร เราก็จะออกเหรียญและให้ประชาชนใช้พร้อมกันทีเดียว แล้วเหรียญก็จะวนในระบบ แล้วรัฐบาลค่อยๆ ตั้งงบประมาณชดเชย

นายทักษิณกล่าวว่า ขณะเดียวกันเศรษฐกิจก็จะดีเก็บ Vat ก็ได้ มันก็จะใช้หนี้ตัวมันเอง แต่ปรากฏว่าธนาคารแห่งประเทศไทยมาถึงเป่านกหวีดบอกไม่ได้ ต้องมีเงิน ต้องตั้งงบประมาณ ผลสุดท้ายคือผิดแผน แต่เราพยายามปรับปรุงแก้ไขจนได้แล้ว ต่อไปเทคโนโลยีดิจิทัลวอลเล็ตพี่น้องจะจำเหมือน 30 บาทรักษาทุกโรค จะเป็นกระเป๋าตังค์ของท่าน ท่านจะถูกเติมเงินในกระเป๋านี้โดยวิธีการต่างๆ เพราะฉะนั้นกระเป๋าดิจิทัลนี้จะเป็นอะไรที่อยู่กับท่านตลอดชีวิต แล้วท่านจะรู้ว่าโอ้ เป็นความปรารถนาดีของพรรคเพื่อไทยจริงๆ แต่วันนี้คนยังมองไม่เห็น เราก็ปล่อยให้มองไม่ออกต่อไป เราก็กำลังทำอะไรที่เป็นเรื่องสมัยใหม่และก้าวหน้า    

นายทักษิณยืนยันว่า ตนกลับมาไม่เสียข้าวสุกแน่ อันนี้เราถือว่าเราพูดกันเหมือนพูดกับคนในบ้าน เราพูดกันได้ทุกเรื่อง มันจะหลุดออกไปก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ตนต้องการให้เน้นว่าตนพูดกับคนในบ้านนะ เพราะฉะนั้นผิดนิดผิดหน่อยก็ขออภัยด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สอบพยานคดีฮั้วสว.ทุกราย!

“แสวง” แจงทำหน้าที่คุมเลือก สว.ตามกฎหมาย ด้าน “กกต.” ยกคำร้องเลขาธิการ กกต.ไม่ปฏิบัติหน้าที่ “ดีเอสไอ"