อิ๊งค์ฟุ้งผลงาน ทลายแก๊งคอล บิ๊กอ้วนจ่อแจง

นายกฯ ฟุ้งผลงานปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลั่นมาถูกทาง มาตรการ “ตัดน้ำ-ไฟ-อินเทอร์เน็ต” ทำมูลค่าความเสียหาย 1 เดือน ลดลง 200 ล้าน ประเสริฐรีบกางตัวเลขโชว์ จตช.ชี้ยังมีคนนับหมื่นร่วมแก๊งที่ฝั่งเมียวดี

เมื่อวันจันทร์ที่ 17 มีนาคม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่าน X และโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เป็นภาพขณะร่วมประชุมกับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศตคม.ตร.) ว่า ติดตามต่อเนื่องเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และตัวเลขการปราบปรามวันนี้ยืนยันว่ารัฐบาลกำลังมาถูกทาง โดยสถิติการรับแจ้งคดีอาชญากรรมออนไลน์ทั้งหมดของประเทศไทย (ข้อมูลวันที่ 1-31 ม.ค. 2568) มีการแจ้งความทั้งสิ้น 31,159 คดี และหลังจากมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟ และตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต มีจำนวนคดีทั้งสิ้น 25,487 คดี ลดลงเฉลี่ยประมาณ 20% และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง และข้อมูลที่ได้จาก AOC 1441 ทำให้มูลค่าความเสียหายในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาลดลง 200 ล้านบาท

 “รัฐบาลไม่หยุดแค่นี้ เราจะเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมชายแดน ปราบปรามอาชญากรรม รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือในการช่วยประมวลผลอย่างแม่นยำและทันท่วงทีมากขึ้น ทั้งหมดนี้เพื่อรื้อถอนปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยอีกหนึ่ง KPI ของรัฐบาล คือทำให้ประชาชนทุกคนรู้สึกปลอดภัยต่อการใช้ชีวิต”

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า วันศุกร์ที่ 21 มี.ค.จะมีการแถลงสรุปทุกอย่างหลังครบรอบ 1 เดือนการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนจะแถลงที่ใดนั้นจะแจ้งให้ทราบภายหลัง

นายประเสริฐแถลงถึงการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า เห็นได้ชัดว่ายาแรงที่ใช้เริ่มเห็นผลออกฤทธิ์ชัดเจน โดยมาตรการตัดน้ำไฟที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 2568 และตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตบริเวณชายแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว วันที่ 12 ก.พ.นั้น ส่งผลกระทบต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างชัดเจน โดยสถิติการรับแจ้งคดีอาชญากรรมออนไลน์ทั้งหมดของไทยพบว่า ระหว่างวันที่ 1-31 ม.ค. 68 มีการแจ้งความทั้งสิ้น 31,159 คดี และหลังจากมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟ และตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตถึงปัจจุบัน มีจำนวนคดีทั้งสิ้น 25,487 คดี ลดลงเฉลี่ยประมาณ 20% และมูลค่าความเสียหายที่ลดลงในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท

นายประเสริฐกล่าวว่า เมื่อเทียบมูลค่าความเสียหายในเดือน ม.ค.-ก.พ.ของปี 2567 กับปี 2568 แล้วพบว่าความเสียหายลดลงถึง 30% แยกเป็น 1.คดีหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ ลดลง 88.64% มูลค่าความเสียหายลดลง 94.24% 2.คดีหลอกลวงให้กู้เงิน มีจำนวนระงับบัญชีลดลง 17.51% มูลค่าความเสียหายลดลง 55.49% 3.คดีหลอกลวงให้ลงทุนที่เป็นความผิดทางพระราชกำหนดการกู้ยืมเงิน มีจำนวนระงับบัญชีลดลง 62.22% มูลค่าความเสียหายลดลง 97.21%

ขณะที่ พล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวว่า สถิติกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์เบื้องต้นมีจำนวน 5,251 คน โดยมีการคัดแยกว่าเป็นเหยื่อค้ามนุษย์หรือไม่ และได้ส่งกลับประเทศแล้ว 3,533 คน เหลือ 1,718 คน คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นจีนและอินเดีย ในส่วนของการดำเนินการกวาดล้างจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายเพื่อให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่บริเวณฝั่งเมียนมาหมดไป

“เชื่อว่ายังมีคนอีกกว่า 1 หมื่นคนขึ้นไปในฝั่งเมียววดีที่ทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังจากนี้จะมีการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศที่มีคนถูกหลอกไปทำงานที่เมียวดี เพื่อยืนยันว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียวดีหมดไปจริงหรือไม่” พล.ต.อ.ธัชชัยกล่าว

วันเดียวกัน นายจารุวัฒน์ จิณห์มรรคา รองประธานมูลนิธิอิมมานูเอล พาผู้เสียหายเหยื่อการค้ามนุษย์จากแก๊งสแกมเมอร์ชาวจีนในประเทศกัมพูชา มายื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหาต่อนายกัณวีร์ สืบแสง  สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร

โดยเหยื่อการค้ามนุษย์เล่าเหตุการณ์ด้วยน้ำตาว่า ถูกหลอก มีการกักขังทรมานและทำร้ายร่างกาย ล่วงละเมิดทางเพศ รวมถึงการบังคับใช้ยาเสพติด ซึ่งเป็นสิ่งทรมานมาก ไม่อยากให้คนไทยที่อยู่โดนเหมือนที่ตัวเองโดน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ 

นายจารุวัฒน์กล่าวว่า ยังมีคนไทยอีกหลายพันคนที่ติดอยู่ในตึกของกัมพูชาอีกหลายจุด ไม่ใช่แค่ที่ปอยเปต จำนวน 114 คน โดยผู้ที่อายุน้อยที่สุดคือ 14 ปี อายุมากที่สุด 73 ปี จึงนำผู้เสียหายมาเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและเรียกร้องความยุติธรรม เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ เนื่องจากขณะนี้ผู้เสียหายถูกอายัดบัญชีและบางส่วนถูกหมายเรียก หมายจับ และยังมีบางส่วนติดคุก แต่ผู้ค้ามนุษย์ตัวจริงกลับไม่เคยถูกจับ ยังคงสร้างปัญหาอยู่ จึงต้องการให้แก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนที่สุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘โรม’ยันทำงานร่วมกับ‘ลุงป้อม’

"รังสิมันต์" ไม่การันตี "ลุงป้อม" ได้อภิปรายต่อจาก "หัวหน้าเท้ง" หรือไม่ ส่วน "เฉลิม" ยังไม่เห็นรายชื่อ ถามใช้เวลารัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ยันถล่ม "แพทองธาร"

แก้ม.112หลอน44สส. ข้องใจเร่งตอนซักฟอก

แก้ ม.112 ตามหลอน "รังสิมันต์” โวยใช้นิติสงคราม ป.ป.ช.จงใจหรือไม่ จัดกลุ่ม 44 สส.ตัวตึงพรรคสีส้ม จ่อถูกสอยช่วงใกล้ซักฟอก ลั่นเกลียดพวกเราได้

ดร.ณัฏฐ์ อัด 'ประยุทธ์' ตีรวนปมแก้ญัตติ ยันผู้นำฝ่ายค้าน ขีดฆ่า-แก้ไข ลงชื่อกำกับได้

ดร.ณัฏฐ์ นักกฎหมายมหาชน ซัด 'หัวเขียง-ประยุทธ์' สส.เพื่อไทย ตีรวน ยันการแก้ไข 'ข้อบกพร่อง' ก่อนบรรจุวาระ ไม่มีรูปแบบ 'ณัฐพงษ์' ผู้นำฝ่ายค้าน สามารถขีดฆ่าและแก้ไขลงชื่อกำกับญัตติได้

'อนุทิน' แนะนายกฯอิ๊งค์ ควบคุมอารมณ์ อย่าหวั่นไหวคำกระแทกแดกดันศึกซักฟอก

นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรี นัดดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลเพื่อเตรียมตัวก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ได้กำชับ หรือให้ช่วยอะไรหรือไม่ว่า​