นายกฯบี้ฟัน‘แพ่ง-อาญา’ สุริยะเมินเสียงไล่พ้นรมต.

มหกรรมวัวหายล้อมคอก! นายกฯ ถกแก้ปัญหาพระรามที่ 2 ถล่ม สั่งดำเนินคดีทางแพ่งบริษัทรับเหมา-ที่ปรึกษาโครงการโดนอาญา พร้อมยึดใบอนุญาต ด้าน "สุริยะ" แผ่นเสียงตกร่อง มาตรการสมุดพกยังไม่เสร็จ แต่ขู่ขึ้นบัญชีดำ ห้ามประมูลงาน 2 ปี กรมบัญชีกลางจ่อชง ครม.แก้กฎหมายตัดแต้ม "ลดชั้น" ผู้รับเหมางานภาครัฐทำผิดซ้ำซาก ขณะที่ สว.ถล่มแหลก ถนนพระรามที่ 2 จะกลายเป็นทางด่วนมรณะอยู่แล้ว จี้ รมว.คมนาคมลาออก

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานรับผิดชอบที่เกี่ยวข้อง เรื่องมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้างถนนและเส้นทางคมนาคม โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง นายวิทยา พันธุ์มงคล รักษาการผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เข้าร่วมเป็นต้น

นายกฯ กล่าวช่วงต้นการประชุมว่า วันนี้จะมาพูดคุยในเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ต้องขอบคุณรองนายกรัฐมนตรี ตอนเปิดข่าวมาได้เห็นรองนายกฯ ไปที่หน้างานเรียบร้อยแล้ว จริงๆ แล้วเรื่องของการก่อสร้างที่พระรามที่ 2 หรือโครงการทางพิเศษสายพระรามที่ 3 ถึงแม้จะไม่ได้ลงนามในรัฐบาลของเรา แต่รัฐบาลเราก็รับผิดชอบเรื่องนี้ต่อเนื่อง และสิ่งที่เกิดขึ้นสร้างปัญหาและเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แอ็กชันแต่ละครั้งที่ออกไปอยากให้มีสาระสำคัญมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นในเรื่องที่เกิดขึ้นจะต้องขอความร่วมมือให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องและกระทรวงคมนาคมด้วย อย่างบางทีบริษัทใหญ่ๆ รับเหมามีการรับเหมาบริษัทเล็กด้วย ไม่แน่ใจว่ามีการดำเนินการที่เหมาะสมหรือไม่ในบริษัทเหล่านี้ที่เข้ามาทำ ฉะนั้นอยากให้เกิดความรับผิดชอบ และขอให้มีความรับผิดชอบทางแพ่งด้วย ขอให้ไปดำเนินการในเรื่องนี้

นายกฯ กล่าวต่อว่า และอีกอย่างในเรื่องที่ปรึกษาของโครงการผู้รับผิดชอบในวิชาชีพ เราต้องดูด้วยว่าการทำโครงการนี้ในกระบวนการต่างๆ ได้ละเลยหรือไม่ และควบคุมการก่อสร้างให้เป็นไปตามหลักการ ข้อกำหนดต่างๆเป็นไปตามเกณฑ์หรือไม่ ต้องเกิดความรับผิดชอบทางอาญาด้วย อันนี้ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน แบ่งเรื่องเลยว่าอย่างไร และเรื่องของที่ปรึกษาที่มันเกิดปัญหาขณะนี้ ต้องดูด้วยว่าปัญหาซับซ้อนแค่ไหนมาอย่างไร และต้องถึงขั้นยึดใบอนุญาตหรือไม่

ด้านนายสุริยะ​กล่าวภายหลังการประชุมว่า นายกฯ สั่งการว่าเมื่อมีการตรวจสอบแล้ว หากเกิดจากความผิดของบริษัทผู้รับเหมาหรือผู้ควบคุมงาน ก็ให้ใช้กฎหมายที่มีอยู่ตามบทลงโทษสูงสุดมาตรา​ 109 หมวด​ 12 ในพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างปี 2560 ว่าด้วยการทิ้งงาน

เมื่อถามถึง "มาตรการสมุดพก" เพื่อตัดแต้มผู้รับเหมา นายสุริยะกล่าวว่า อธิบดีกรมบัญชีกลางระบุมาตรการปัจจุบันตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างสามารถนำเรื่องดังกล่าวเข้ามาใช้ได้เลย ไม่ต้องรอมาตรการสมุดพก ซึ่งแต่ละกรมต้องใช้ดุลยพินิจ​ และเจ้าหน้าที่ห่วงว่าอาจถูกฟ้องร้องได้ อย่างไรก็ตามคิดว่าควรตรวจสอบให้ชัดเจน และหากเป็นความบกพร่องของผู้รับเหมาก็ยืนยันว่าจะใช้มาตรการสูงสุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสามารถเอาผิดผู้รับเหมาได้หรือไม่ รมว.คมนาคมตอบว่า เรื่องนี้เพิ่งเกิดเมื่อ 2 วันที่แล้ว ซึ่งการทางพิเศษฯ จะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง คงใช้ระยะเวลาการตรวจสอบไม่เกิน 1 เดือน​ 

ถามว่า จะต้องมีการเอาผิดบริษัทที่ปรึกษาด้วยหรือไม่ นายสุริยะ​กล่าวว่า​ หากเป็นความผิดพลาดของที่ปรึกษาก็ต้องดำเนินคดีอาญา รวมไปถึงฟ้องทางแพ่ง และหากผิดพลาดต้องยึดใบอนุญาตของที่ปรึกษาด้วย เมื่อถามอีกว่า หากโครงการนี้แล้วเสร็จประชาชนมั่นใจได้หรือไม่ว่าโครงสร้างต่างๆ จะแข็งแรง นายสุริยะกล่าวว่า ทุกโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จยังไม่มีโครงการไหนที่ไม่แข็งแรง เพราะตอนออกแบบใช้มาตรการที่เป็นไปตามวิศวกรรม เพียงแต่อุบัติเหตุที่เกิดระหว่างการก่อสร้างเกิดจากความประมาทของผู้รับเหมา

 เมื่อถามว่า การเกิดเหตุซ้ำซากแบบนี้ถือเป็นการหละหลวมในเรื่องของมาตรฐานหรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า ตนได้กำชับกรมทางหลวง, กรมทางหลวงชนบท, รฟม.​และหน่วยที่ต้องก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ รวมถึงกำชับให้ตัวอธิบดีไปพูดคุยกับผู้รับเหมา โดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้เชิญผู้รับเหมามาย้ำเรื่องความปลอดภัย แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมาก็เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นมาอีก ตนจึงได้มีการเสนอมาตรการสมุดพก​ที่จะให้มีการตัดคะแนนผู้รับเหมา​ โดยมีเหตุการณ์จนถึงการสูญเสีย จะมีการขึ้นบัญชีดำผู้รับเหมารายนั้น ให้ไม่สามารถเสนอราคาประมูลงานได้ จึงจะทำให้ผู้รับเหมาทำงานด้วยความระมัดระวัง เพราะหากโดนขึ้นบัญชีดำ 2 ปี​อาจจะทำให้บริษัทนั้นล้มละลายได้ แต่กรมบัญชีกลางเสนอว่าไม่จำเป็นต้องรอมาตรการสมุดพกออก มาตรการที่กรมบัญชีกลางมีอยู่สามารถดำเนินการได้ แต่เจ้าหน้าที่เป็นห่วง เนื่องจากจะต้องมีการใช้ดุลพินิจของหน่วยงาน

ซักว่า ได้มีการขึ้นบัญชีดำผู้รับเหมาในเหตุการณ์ครั้งก่อนหรือไม่ นายสุริยะ​กล่าวว่า​ เหตุการณ์ครั้งก่อนยังไม่มีการขึ้นบัญชีดำผู้รับเหมา เนื่องจากอยู่ระหว่างการทำมาตรการสมุดพกของกรมบัญชีกลาง และหน่วยงานรับผิดชอบสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ เมื่อถามว่า มาตรการสมุดพกจะแล้วเสร็จและนำมาบังคับใช้ได้เมื่อใด​ นาย​สุริยะกล่าวว่า จะสามารถบังคับใช้ได้ก่อนสิ้นเดือน เม.ย.​

เมื่อถามถึงเสียงเรียกร้องจากโซเชียลมีเดียให้ รมว.คมนาคมพิจารณาตัวเองจากตำแหน่ง นายสุริยะ​กล่าวว่า สิ่งที่กระทรวงดำเนินการมาตลอด เมื่อมีมาตรการต่างๆ ออกมาชัดเจน รวมไปถึงการขึ้นบัญชีดำผู้รับเหมา เชื่อว่าเรื่องความปลอดภัยจะดีขึ้นอย่างแน่นอน และยืนยันว่า การก่อสร้างถนนพระรามที่ 2 จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ตามกำหนดการเดิมอย่างแน่นอน

นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการแก้ไขร่างกฎกระทรวง สำหรับผู้มีสิทธิ์ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบการรับเหมาของภาครัฐว่า ขณะนี้กรมฯ เตรียมเสนอร่างแก้ไขดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.แล้ว โดยจะปรับปรุงให้สามารถปรับลดชั้นผู้รับเหมางานภาครัฐ จากกฎหมายฉบับปัจจุบันจะมีปรับขึ้นชั้นเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับเงื่อนไข ที่ผู้รับเหมางานก่อสร้างขนาดใหญ่จะต้องอยู่ในชั้นที่กำหนด หรือมีการสั่งสมประสบการณ์งานภาครัฐหลายโครงการมาก่อนจึงจะมีสิทธิ์ได้รับงาน

"การแก้ไขจะเป็นเรื่องการให้คะแนนผู้รับเหมา กรณีที่มีการตัดแต้มก็ดูว่ามีคะแนนระดับไหน ต้องโดนระงับอะไรบ้าง เช่นห้ามรับงาน 3 เดือน หรือห้ามรับงาน 1 ปี แรงสุดเทียบถ้าทิ้งงานคือห้ามรับงาน 2 ปี ส่วนค่าปรับนั้น ต้องดูไปตามแต่ละสัญญา" อธิบดีกรมบัญชีกลางระบุ

ที่รัฐสภา กลุ่มสมาชิกวุฒิสภา (สว.) นำโดยนายชวพล วัฒนพรมงคล และนายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ แถลงข่าวเรื่องคานสะพานก่อสร้างทางด่วนถนนพระรามที่ 2 พังถล่ม โดยนายชวพลกล่าวว่า เรียกร้องไปยังกระทรวงคมนาคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้รับเหมา วันนี้ต้องช่วยกันคิดหาแนวทางป้องกันดีกว่า เราคุยกันแต่ละครั้ง หลายคนใช้คำว่าวัวหายแล้วล้อมคอก จนปัจจุบันล้อมยังไม่ได้เลย ทำไมเราไม่ป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ

 “ถ้าคิดว่าดูไม่ได้ ควบคุมไม่ได้ ก็ให้คนอื่นดูแลแทน ท่านลาออกเถอะ อย่าให้กลายเป็นหนังทางด่วนมรณะ ภาคที่ 2-3 หรือภาคต่อๆ ไปอีกเลย” นายชวพลกล่าว

ด้านนายปริญญากล่าวว่า ครั้งแรกที่เกิดเหตุเครนถล่ม เกือบ 4 เดือนที่แล้ว ยังไม่เห็นมีการดำเนินการใดๆ เลย ปล่อยให้ค้างไว้ การฟ้องร้องเป็นสิ่งที่ประชาชนคาดหวังว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร บังคับใช้กฎหมายเรื่องใดบ้าง ต้องฝากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมชี้แจง เหตุเกิดตั้งแต่ พ.ย. 2567 ตอนนี้ มี.ค.แล้ว

 “ครั้งนี้ผู้ว่าการการทางพิเศษฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ถึงลาออกผู้เสียชีวิตก็ไม่ฟื้น ใช่ครับ แต่การที่ท่านจะลาออกมันคือการแสดงสปิริตของท่าน ว่าใครที่มาคุมการก่อสร้างขนาดใหญ่แบบนี้ ท่านต้องแสดงภาวะผู้นำ เพราะผมเชื่อว่าเหตุการณ์ภาค 3 มีแน่นอน รอบหน้าท่านรอดู ถ้ายังปล่อยปละละเลยแบบนี้” นายปริญญากล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ซักฟอกแม้วลาม‘ปู’ เคาะฝ่ายค้านเชือด28ชม./‘อิ๊งค์’มนุษย์แม่เคลียร์ดรามา

"นายกฯ" ลั่นคนเราไม่ได้มีมิติเดียว  ต้องแบ่งเวลาให้ถูก หลังโดนดรามาพาลูกวิ่งสนามหญ้าทำเนียบฯ เมินคุยม็อบแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ