ลุ้นโหวตตุลาการ แม้วปัดล้าง ‘สว.’

“อนุทิน” เมิน “ณฐพร” ยื่นยุบพรรค ภท. แซะอาจฉุนหลุดเก้าอี้ที่ปรึกษา ด้าน “เลขาฯ  ป.ป.ช.” แจงแค่รับคำร้องเบื้องต้น ปมขอให้สอย “ภูมิธรรม-บอร์ดคดีพิเศษ” 11 คน ระบุยังไม่ถึงขั้นไต่สวน จับตาโหวตตุลาการศาล รธน.อังคารนี้ ลือหึ่ง “สว.สีน้ำเงิน” ตั้งป้อมขวาง “สิริพรรณ”

เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงท่าทีของพรรค ภท. กรณีนายณฐพร โตประยูร ร้องศาลรัฐธรรมนูญยื่นยุบพรรค ภท. โดยกล่าวหาว่าแทรกแซงการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า พวกอยากดังอาชีพแบบนี้ คงเป็นสิทธิ์ของเขา ไม่เป็นไรหรอก พอดีสมัยก่อนเป็นที่ปรึกษาอดีตปลัดกระทรวง และเมื่อพ้นตำแหน่งกรม กองต่างๆ เขาไม่ได้เป็นที่ปรึกษาต่อ คงโมโหมั้ง ไม่มีคนแบบนี้ เสียเวลาพูดถึง

เมื่อถามย้ำว่า ไม่ให้ค่าคนแบบนี้ใช่หรือไม่  นายอนุทินอุทานว่า “โอ๊ย ไม่ได้ มีเรื่องอื่นที่เป็นประโยชน์ที่ต้องทำอีกเยอะ”

มีรายงานกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับคำร้องของ สว. 81 คน ที่ให้ตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ปฏิบัติหน้าที่มิชอบโดยกฎหมาย กรณีรับคดีฮั้ว สว. ฐานฟอกเงินเป็นคดีพิเศษนั้น พบว่า คำร้องกล่าวโทษของคณะ สว. ที่ประธานวุฒิสภาส่งให้ประธาน ป.ป.ช. เลขที่ สว.0001/1257 ลงนามโดยนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นการร้องเรียนกล่าวโทษกรณีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) กับพวกรวม 11 คน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

โดยเป็นคำร้องของคณะ สว. ลงวันที่ 27 ก.พ.68 ที่ขอให้ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องมายังคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวีกับ พ.ต.ต.ยุทธนา เกี่ยวกับการกระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง  รวมไปถึงหนังสือของคณะ สว. ลงวันที่ 11 มี.ค.68 ที่ขอให้ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องกล่าวโทษมายังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดต่อคณะกรรมการพิเศษ กับพวกรวม 11 คน ได้กระทำละเมิดและแทรกแซงการใช้อำนาจของวุฒิสภาอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เพื่อรักษาไว้ซึ่งหลักนิติธรรม ความเชื่อมั่นของประชาชน และปกป้องความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ สำหรับบอร์ด กคพ. 11 คน เป็นบุคคลที่ลงมติให้รับคดีฮั้ว สว.เป็นคดีพิเศษ ฐานฟอกเงิน เมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 ซึ่งประกอบด้วย 1.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธาน กคพ. 2.พ.ต.อ.ทวี ในฐานะรองประธาน กคพ. 3.นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม 4.พล.อ.พิสิษฐ์ นพเมือง เจ้ากรมพระธรรมนูญ 5.นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความฯ 6.พ.ต.ต.ยุทธนา ในฐานะเลขานุการ กคพ. 7.นางดวงตา ตันโช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ 8.นายชาติพงษ์ จีระพันธุ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย 9.นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย 10.นางทัชมัย ฤกษะสุต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย และ 11.นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร

ขณะที่ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงข่าว ป.ป.ช.มีมติ 7:0 รับเรื่อง สว.ร้องดีเอสไอกระทำเกินกว่าอำนาจไว้ไต่สวนแล้วว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ขอชี้แจงว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ได้เสนอเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับทราบถึงการมายื่นเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ส่วนการดำเนินการต่อไป หน่วยงานภายในของสำนักงาน ป.ป.ช. ที่รับผิดชอบก็จะดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้นไปตามรูปคดีว่าจะมีการกระทำความผิดตามที่มีการกล่าวหาหรือไม่ ขอยืนยันว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังมิได้มีมติให้ดำเนินการไต่สวนเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด

วันเดียวกัน น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. พร้อมด้วยนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น ร่วมแถลงข่าวกรณีการทำหน้าที่ของ สว.ว่า ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ มีวาระที่จะเข้ามา คือการเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คน ซึ่งในกระบวนการที่จะลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบนั้น  ยังเป็นที่กังขาของสาธารณชนโดยทั่วไป เพราะขณะนี้การตรวจสอบที่มาของ สว.ทั้งหมดอยู่ในมือของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และดีเอสไอแล้ว ซึ่งประชาชนยังสงสัยการได้มาซึ่ง สว.ทั้งหลาย เพราะฉะนั้นหากจะมีการลงมติในวันที่ 18 มี.ค.นี้ อาจจะส่งผลกระทบในระยะยาว เนื่องจากการดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระนั้น มีอายุวาระ 7 ปี ถ้า สว.ที่ไปลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ หากบุคคลนั้นเข้าไปดำรงตำแหน่งแล้ว  เมื่อการตรวจสอบมีปัญหาว่าไม่สุจริต จะทำให้ผู้ที่เป็น สส.นั้นขาดคุณสมบัติ และถ้าคนที่เป็น สว.ขาดคุณสมบัติแล้วไปลงมติเห็นชอบให้กับผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ จะส่งผลให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งนั้นเป็นโมฆะ และจะเป็นผลกระทบระยะยาว

“จึงขอเรียกร้องให้บรรดาสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดชะลอการลงมติเห็นชอบองค์กรอิสระในวันที่ 18 มี.ค.นี้ไปก่อน จนกว่าการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะตรวจสอบจนสิ้นสงสัยว่ากระบวนการได้มาซึ่ง สว.นั้นสุจริต โปร่งใส แล้วค่อยมาทำหน้าที่ลงมติกันต่อ ซึ่งก็จะไม่ส่งผลกระทบในระยะยาว” น.ส.นันทนาย้ำ

ขณะที่นายภัทรพงศ์กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะมีการลงมติในวันที่ 18 มี.ค.นี้ ด้วยข้อห่วงใย 3 ประการ คือ 1.ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญปัจจุบันพ้นจากวาระไปแล้ว 2 ท่าน ยังคงเหลืออยู่ 7 ท่าน ซึ่ง 7 ท่านนี้ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และยังไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน 2.แม้ สว.กลุ่มดังกล่าวจะอ้างว่าตนเองยังบริสุทธิ์อยู่ แต่การสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ จะทำให้ไม่มีความสง่างาม และ 3.กลุ่ม สว.ได้แถลงข่าวที่สำนักงาน ป.ป.ช.ว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการเมือง และแสดงตนว่าอยู่ขั้วการเมืองตรงข้ามกับรัฐบาล แปลว่าองค์กรอิสระที่ สว.คัดเลือกมาอาจจะปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่สุจริต หรือกลั่นแกล้งกันทางการเมืองหรือไม่

มีรายงานความเคลื่อนไหวของ สว.ที่น่าสนใจในสัปดาห์หน้า โดยวุฒิสภาจะมีการประชุมเรื่องสำคัญในวันที่ 18 มี.ค.นี้ ซึ่งจะมีการประชุมลับ-ลงมติลับ เพื่อให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คน ตามที่คณะกรรมการสรรหาฯ ที่มีประธานศาลฎีกาเป็นประธาน ได้ส่งชื่อมาให้วุฒิสภาโหวตเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ

โดย 2 ชื่อที่ส่งมาคือ นางสิริพรรณ นกสวน สวัสดี นักวิชาการชื่อดังจากคณะรัฐศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งก่อนหน้านี้มักออกมาให้สัมภาษณ์วิเคราะห์การเมืองไว้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับการคัดเลือกเพื่อมาแทนนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญคนปัจจุบัน

และอีกหนึ่งคนคือ นายชาตรี อรรจนานันท์ อดีตอธิบดีกรมการกงสุล และอดีตเอกอัครราชทูตประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ปัจจุบันเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มาแทนนายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายนครินทร์และนายปัญญาอยู่ในตำแหน่งครบวาระตั้งแต่เดือน พ.ย.67 แล้ว แต่เนื่องจากตามกฎหมาย ต้องทำหน้าที่ไปจนกว่าจะมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่มาทำหน้าที่แทน

มีรายงานจากวุฒิสภาว่า ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีการประชุมวุฒิสภาช่วงจันทร์-อังคารที่ 10-11 มี.ค. สว.หลายคนรู้แล้วว่าจะมีการประชุมลับเพื่อโหวตเห็นชอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 18 มี.ค.นี้ ทำให้ สว.หลายคนเริ่มมีการพูดคุยกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยเฉพาะกับ สว.ที่เป็น กมธ.สามัญตรวจสอบประวัติฯ ว่าผลการตรวจสอบข้อมูล ประวัติในทางลับ มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง และที่เรียกทั้งสองคนมาสัมภาษณ์พูดคุย มีประเด็นที่ทั้งสองคนชี้แจงหรือตอบข้อซักถามไม่ได้ เพื่อจะได้เป็นข้อมูลก่อนการตัดสินใจโหวต

ลือสว.สีน้ำเงินขวาง ‘สิริพรรณ’

รายงานข่าวแจ้งว่า สว.หลายคนให้ความสำคัญและพูดคุยเรื่องการโหวตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้อย่างมาก เพราะจะเป็นการโหวตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญครั้งแรกของ สว.ชุดปัจจุบัน อีกทั้งพบว่าขณะนี้เริ่มมีการสร้างกระแสในโซเชียลมีเดีย หลังมีข่าวว่า สว.จะโหวตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอังคารนี้ โดยพุ่งเป้าไปที่นางสิริพรรณ โดยอ้างว่าเคยร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นต้น 

แหล่งข่าวจาก สว.เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา มี สว.บางส่วนโดยเฉพาะ สว.สีน้ำเงิน บางคนได้มีการไปค้นหาข้อมูลการให้สัมภาษณ์ของนางสิริพรรณ ก่อนหน้านี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ที่เป็นดิจิทัลฟุตพรินต์ เพื่อต้องการตรวจสอบความคิดเห็นของนางสิริพรรณ ในเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 รวมถึงเพื่อต้องการค้นข้อมูลว่า นางสิริพรรณเคยแสดงความคิดเห็นเรื่องการเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบสามนิ้ว ที่ออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขมาตรา 112 และปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ฯ อย่างไรบ้าง  แต่ยังไม่ชัดเจนว่า สว.เจอข้อมูลดังกล่าวมากน้อยแค่ไหน แต่มีข่าวว่าจะมี สว.บางส่วนอาจนำประเด็นดังกล่าวไปอภิปรายในที่ประชุมลับ เพื่อพูดถึงเรื่องความเหมาะสมของนางสิริพรรณว่า สว.ควรโหวตให้เข้าไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ 

“ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สว.หลายคนก็คุยกันแล้วว่าจะโหวตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันอังคารนี้อย่างไร หากมี สว.นำดิจิทัลฟุตพรินต์ที่นางสิริพรรณเคยพูดหรือเคยเคลื่อนไหวเรื่องการลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 ก็คงทำให้ สว.หลายคนลังเลใจที่จะโหวตเห็นชอบก็ได้”

 แหล่งข่าวระบุอีกว่า เท่าที่ได้ยินมา สว.ส่วนใหญ่จะมีการหารือกันในวันที่ 17 มี.ค.นี้ ที่จะมีการประชุมร่วมรัฐสภานัดสำคัญเรื่องการส่งคำร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนในวันจันทร์นี้ว่า สว.จะโหวตเห็นชอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งสองคน หรือโหวตเห็นชอบแค่ชื่อเดียวหรือจะโหวตไม่เห็นชอบเลยทั้งสองชื่อ

แหล่งข่าวที่เป็น สว.ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีของนายชาตรี ที่เป็นอดีตเอกอัครราชทูตประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ในวงการทูตถือว่าไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า สว.สีน้ำเงินอาจไม่โหวตเห็นชอบเช่นกัน และมีกระแสข่าวว่า ฝ่ายสีน้ำเงินสนับสนุนนายสราวุธ ทรงศิวิไล อดีตอธิบดีกรมทางหลวง และนายสุรชัย ขันอาสา อดีตบิ๊กมหาดไทย ที่ผ่านตำแหน่งสำคัญมากมาย ซึ่งทั้งสองคนสมัครเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในกลุ่มเดียวกับนายชาตรี ซึ่งได้รับการโหวตจากกรรมการสรรหาฯ ในสองรอบแรก แต่คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ ทำให้พอโหวตรอบที่ 3 ปรากฏว่านายชาตรีได้คะแนนเสียงเห็นชอบเอกฉันท์ 8 เสียง จึงทำให้นายสราวุธและนายสุรชัยไม่ได้รับเลือก 

“กรณีของนายชาตรี ไม่เหมือนกับกรณีของนางสิริพรรณ แต่ถึงช่วงสุดสัปดาห์ก็ยังไม่ชัวร์ว่า สว.จะโหวตเห็นชอบชื่อนายชาตรีหรือไม่ หากไม่มีอะไรชื่อของนายชาตรีอาจจะผ่านก็ได้ เพราะ สว.คุยกันว่า หาก สว.โหวตไม่ผ่านทั้งสองชื่อเลย คงโดนวิจารณ์หนักพอสมควร เหมือนกับว่าไม่เกรงใจกรรมการสรรหาฯ โดยเฉพาะ สว.สีน้ำเงิน เรื่องนี้กำลังทำให้ สว.หลายคนคิดหนักพอสมควร ถึงกับเริ่มมีการเช็กชื่อกันแล้วว่าประชุม สว.อังคารนี้จะมาประชุมหรือไม่” แหล่งข่าว สว.รายหนึ่งให้ข้อมูล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อย่าทำตัวน่ารำคาญ ‘ทักษิณ’อัดศึกอภิปราย! ไล่ปชน.คุยผู้ก่อตั้งพรรค

"ผู้นำฝ่ายค้านฯ" ยันซักฟอก 30 ชม.เหมาะสม น้อยกว่านี้เนื้อหาอาจตกหล่น บอก "นายกฯ อิ๊งค์" ก็อยากตอบ ขอฝั่งรัฐบาลอย่ากั๊กเวลา อุบตัดชื่อ "ทักษิณ" จากญัตติอภิปรายแล้วใช้คำอะไรแทน อ้างเก็บเป็นไพ่ใบสุดท้ายต่อรองเวลาอภิปราย

สั่งรัฐบาลเรียกทูตอียูแจงปมอุยกูร์

“ทวี” เชื่อ กต.มีแผนรับมือหลังอียูประณามไทยปมส่งกลับอุยกูร์ “ปชน.” ได้ทีขย่ม รีบบอกให้รัฐบาลขยับเรื่องมาตรา 112 “นันทนา” จี้อธิบายต่อสังคมโลกให้ดี

สทร.ปูดเจรจาบีอาร์เอ็น! บึ้มชุดคุ้มครองครูเจ็บอื้อ

ปัตตานีคนร้ายกดบึ้มตำรวจ นปพ.ชุดรักษาความปลอดภัยครูบาดเจ็บระนาว 9 นาย สาหัส 1 นาย คาดเป็นฝีมือกลุ่ม “อับดุลเลาะ มะแด” มทภ.4 ประชุมนัดพิเศษหวังสร้างรอมฎอนสันติ

ผงะ! ขุนคลัง ขอร่วมวงถก สมาคมแบงก์

“ขุนคลัง” ส่งซิกร่วมประชุมสมาคมแบงก์ หวังถกปลดล็อกปล่อยกู้ กระทุ้งหั่นดอกเบี้ย พร้อมเร่งหาข้อสรุปมาตรการ LTV ให้จบก่อนสิ้นเดือนนี้ “นักวิชาการ” หนุนหวยเกษียณ แต่แนะเพิ่มเงินรางวัล

‘ดีเอสไอ’ชิ่งหนีคดี‘ผกก.โจ้’

ตามคาด! กรรมการชุดชันสูตรพลิกศพ “อดีต ผกก.โจ้” นำหุ่นจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิต ยันผูกคอจบชีวิตได้ด้วยตัวเอง ด้าน "ดีเอสไอ" ไม่ทำคดีเพราะอ้างตาม

'เสี่ยหนู' เหน็บ 'ณฐพร' อยากดัง หลุดที่ปรึกษา คงโมโห ยื่นยุบภท.แทรกแซงเลือกสว.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมาไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)กล่าวถึงท่าทีของพรรคฯ กรณีที่ นายณฐพร โตประยูร ร้องศาลรัฐธรรมนูญ ยื่นยุบพรรค ภท.