กรมเจ้าท่าจ่อฟ้องพรึ่บ! ธรณ์เชื่อเบากว่าปี2556

พลเอกประยุทธ์

“บิ๊กตู่” ติดตามน้ำมันรั่วมาบตาพุดใกล้ชิด “กรมเจ้าท่า” เอาผิด “SPRC” ชดเชยทุกมิติ “กรมอุทยานฯ” ตรวจสอบ 6 ชายหาดยังไม่พบคราบน้ำมัน แต่แนวโน้มเคลื่อนเข้าฝั่งระยอง “ธรณ์” ชี้เหตุการณ์เบากว่าปี 56 แรงลมเป็นปัจจัยสำคัญ

เมื่อวันที่ 28 ม.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามกรณีเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณมาบตาพุด จ.ระยอง จากท่อใต้ทะเลของทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน)  หรือ SPRC ในช่วงกลางคืนของวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมาอย่างใกล้ชิด นายกฯ ได้สั่งการให้กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม กองทัพเรือ กระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานในพื้นที่ เร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วน

นายธนกรกล่าวว่า ขณะนี้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ได้บูรณาการความร่วมมือแก้ไขสถานการณ์น้ำมันรั่ว โดยมีการทำแผนรับมืออย่างเป็นขั้นตอนตามระดับความรุนแรง เพื่อให้การปฏิบัติงานในการแก้ไขสถานการณ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุว่า ขณะที่กรมเจ้าท่ารายงานว่าขณะนี้สามารถควบคุมการกระจายตัวของน้ำมันได้ค่อนข้างดี คาดว่ามีปริมาณน้ำมันเหลือในทะเลประมาณ 4,000 ลิตร และจากการสำรวจคราบน้ำมันล่าสุดวันที่ 28 ม.ค. เมื่อเวลา 09.30 น.ทั้ง 3 จุด คือที่สุด หาดแม่รำพึง ลานหินขาว และโค้ง สอต. ยังไม่พบคราบน้ำมันแต่อย่างใด คาดการณ์ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะน้อยกว่าสถานการณ์ในปี 56 เนื่องจากลมสงบและคลื่นน้อย ทำให้การกระจายตัวของคราบน้ำมันช้าลง

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมันทั้งทางเรือและเฮลิคอปเตอร์ และสามารถลดปริมาณคราบน้ำมันและควบคุมให้อยู่ในวงจำกัด ส่วนการช่วยเหลือเยียวยา เมื่อวันที่ 27 ม.ค. กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนแล้ว เพื่อให้ SPRC รับผิดชอบชดใช้ความเสียหายในทุกมิติ ประกอบด้วย ด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ขณะที่บริษัทยืนยันพร้อมเยียวยาทั้งในระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบคราบน้ำมันเข้ามาถึงชายหาด แต่คราบน้ำมันได้ลอยขยับเข้าใกล้ฝั่งมากขึ้น อยู่ห่างจากหาดแม่รำพึงออกไปเพียง 2 กิโลเมตร จากเมื่อวันที่ 27 ม.ค. พบอยู่ห่างจากชายหาด 4 กิโลเมตร

รมช.สาธารณสุขกล่าวว่า ทาง SPRC ได้เตรียมนำทุ่นกักน้ำมันไปติดตั้งในทะเลเพิ่ม ทั้งบริเวณหน้าชายหาดแม่รำพึง ท่าเรือไออาร์พีซี บริเวณเขาแหลมหญ้า เพราะเป็นทิศทางที่ลมอาจมีแนวโน้มทำให้น้ำมันถูกซัดเข้าฝั่งเป็นจุดแรก พร้อมทั้งเตรียมกำลังคนเก็บคราบน้ำมันในทะเล และชายหาดทันทีหากพบคราบน้ำมันลอยเข้ามา นอกจากนี้ ยังจะมีการเพิ่มทุ่นกักน้ำมันในทะเล ที่เป็นจุดใหญ่ให้มีความยาวมากขึ้น เป็น 3,000 กิโลเมตร จากก่อนหน้านี้ที่วางไว้ 800 เมตร

น.ท.อนุสรณ์ คล้ายมงคล หัวหน้าสนับสนุนปฏิบัติการ กองปฏิบัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล กรมยุทธการทหารเรือ กล่าวว่า มีการจัดอากาศยานขึ้นบินตรวจสอบคราบน้ำมันในพื้นที่ทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย ที่ผ่านมาดำเนินการพ่นแล้ว 3 เที่ยวบิน จำนวน 2,400 ลิตร รวมถึงปล่อยทุ่นล้อมกักน้ำมันไม่ให้คราบน้ำมันเคลื่อนตัวเข้าไปในพื้นที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า รวมทั้งจัดเรือ ต.237 และเรือ ต.207 เข้าไปในพื้นที่อุทยาน เพื่อเฝ้าระวังและตรวจสอบคราบน้ำมัน

น.ท.อนุสรณ์ระบุว่า ได้มีการตรวจสอบคุณภาพน้ำแล้ว พบว่ายังไม่พบการปนเปื้อนของคราบน้ำมัน นอกจากนี้ยังได้ประสานผู้เชี่ยวชาญจากประเทศมาเลเซียในการโปรยสารเคมีขจัดคราบน้ำมันจากเครื่องบินลำเลียงซี-130 แต่ทั้งนี้ยังต้องรอการพิจารณาจากผู้ที่เกี่ยวข้องก่อน เนื่องจากเป็นสารเคมีที่มีผลกระทบต่อประชาชน  

นายธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดี และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า เหตุการณ์น้ำมันรั่วกลางทะเล จ.ระยองครั้งนี้มีความแตกต่างจากปี 56 อย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือ ในช่วงปี 56 เหตุการณ์เกิดขึ้นในเดือน ต.ค. เป็นช่วงลมแรง จึงทำให้การสกัดกั้นคราบน้ำมันทำได้ยาก จนทำให้คราบน้ำมันไหลเข้าสู่พื้นที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด เป็นระยะทางยาวประมาณ 400 เมตร

“แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดในช่วงเดือน ม.ค. แรงลมเบากว่ากัน จึงทำให้เจ้าหน้าที่มีเวลากักเก็บน้ำมันประมาณ 2-3 วัน เพราะฉะนั้นหย่อมน้ำมันจะกระจายตัวมากกว่า และเป็นการกระจายเป็นจุดๆ ไม่ใช่ลักษณะดำมืดหรือเป็นทะเลดำแบบที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” นายธรณ์ระบุ

                    นายรวมศิลป์ มานะจงประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 ศรีราชา กล่าวว่า ศูนย์ควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง กองจัดการคุณภาพน้ำ และสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 ชลบุรี ได้เก็บตัวอย่างน้ำทะเลบริเวณชายหาด วิเคราะห์สารโลหะหนักและปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอน 6 จุด ได้แก่ หาดพยูน หาดน้ำริน หาดไออาร์พีซี หาดภายในค่ายมหาสุรสิงหนาท (ร.พัน.7) ที่ระยะห่างจากฝั่ง 10 เมตรและ 100 เมตร รวมถึงหาดแม่รำพึง ผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำภาคสนามทั้ง 6 จุด อยู่ในเกณฑ์ปกติและยังไม่พบคราบน้ำมันบริเวณชายหาด

นายรวมศิลป์กล่าวอีกว่า จากแบบจำลอง OilMap ของกรมควบคุมมลพิษที่ใช้ทำนายการเคลื่อนที่ของคราบน้ำมันในทะเล ยังคงบ่งชี้ว่าคราบน้ำมันมีแนวโน้มเคลื่อนตัวสู่ชายฝั่งจังหวัด แต่เนื่องจากความเร็วและทิศทางลมของกระแสน้ำและกระแสลมแต่ละช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงไป จึงยังบอกได้ไม่แน่ชัด ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญกรมควบคุมมลพิษได้นำมูลของกระแสน้ำและกระแสลมคำนวณเพื่อคาดการณ์ทุกระยะ รวมถึง GISDA ส่งข้อมูลจากการแปลภาพถ่ายดาวเทียมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ป้องกัน เฝ้าระวัง และกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟ้องต้นตอหมอคางดำ

สภาทนายความฯ เตรียมฟ้องแพ่งบิ๊กเอกชน-หน่วยงานรัฐ ต้นตอ "เอเลี่ยนสปีชีส์"

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์