"สหรัฐ-ชาติตะวันตก" ประณามไทย ส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน ละเมิดอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน จี้รัฐบาลไทยคุยจีนเปิดสถานที่-ความเป็นอยู่ผู้ลี้ภัย "UNHCR" ชี้ไทยละเมิด กม.สิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศชัดเจน " รัฐบาลญี่ปุ่น" แจ้งชาวญี่ปุ่นระวังก่อการร้ายในไทยซ้ำรอยอดีต "นายกฯอิ๊งค์" เสียงแข็งไม่ได้ทำอะไรผิด ยันชาวอุยกูร์สมัครใจกลับจีน ตามหลักสิทธิมนุษยชน-กม.ระหว่าง ปท. ปัดตอบมะกันส่งสารประณาม ลั่นคนไม่ใช่สินค้า ไม่มีดีลแลกเปลี่ยน "ภูมิธรรม" รับไม่มีทางเลือก คุยประเทศที่ 3 ไม่มีใครขอรับตัว "กัณวีร์” งัด จม.ชาวอุยกูร์ตอก รบ. ไม่เคยอยากกลับจีน "นักวิชาการ" เตือนรัฐบาลเร่งเคลียร์ทุกข้อสงสัย ก่อนเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้
มีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องภายหลังจากทางการไทยส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวน 40 คน ซึ่งถูกคุมขังในข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมายที่ประเทศไทยกว่า 11 ปี กลับไปประเทศจีน จนถูกตั้งคำถามถึงหลักสิทธิมนุษยชนจากหลายฝ่ายนั้น
เมื่อวันที่ 28 ก.พ. นายมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าวว่า เราขอประณามอย่างถึงที่สุดต่อกรณีที่ไทยผลักดันชาวอุยกูร์อย่างน้อย 40 คนกลับประเทศจีน ทำให้พวกเขาต้องอยู่ในประเทศที่ตนไม่มีสิทธิเข้าถึงกระบวนการอันควรตามกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ชาวอุยกูร์เคยถูกข่มเหง บังคับใช้แรงงาน และทรมาน ในฐานะพันธมิตรอันยาวนานของไทย เรารู้สึกตระหนกกับการกระทำนี้ ซึ่งอาจขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศของไทยภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ
นอกจากนี้ การกระทำดังกล่าวยังขัดต่อธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมานานของชาวไทยในการปกป้องกลุ่มคนที่เปราะบางที่สุด รวมถึงความมุ่งมั่นของไทยที่จะคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอีกด้วย เราเรียกร้องรัฐบาลของทุกประเทศที่ชาวอุยกูร์เข้าไปอาศัยความคุ้มครอง ให้ไม่ผลักดันกลุ่มชาติพันธุ์อุยกูร์กลับประเทศจีน
"เราขอให้ทางการจีนเปิดให้มีการตรวจสอบโดยถี่ถ้วนและสม่ำเสมอ เพื่อยืนยันถึงสวัสดิภาพของชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับ รัฐบาลไทยต้องเรียกร้องให้ทางการจีนคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์ รวมทั้งต้องพิสูจน์การดำเนินการดังกล่าวอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง"
ด้านสหภาพยุโรปก็ออกแถลงการณ์แสดงความรู้สึกเสียใจต่อการกระทำของไทยเช่นกัน โดยระบุว่า ไทยได้ละเมิดหลักการไม่ส่งตัวกลับ (non-refoulement) และพันธกรณีของประเทศไทยต่อกฎหมายทั้งในระดับชาติและในระดับระหว่างประเทศในฐานะไทยเป็นประเทศสมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human rights Council) ด้วย และได้เรียกร้องต่อทางการจีนให้ปฏิบัติตามพันธกรณีตามกฎหมายระดับชาติรวมถึงรัฐธรรมนูญของประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อคุ้มครองชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คน
นอกจากนั้นยังมีสถานทูตอื่นๆ ที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยหรือประณามการกระทำของไทย และขอให้คุ้มครองสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์เหล่านี้อีก เช่น ประเทศอังกฤษ ประเทศเยอรมนี
ส่วนข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งประชาชาติ โวลเกอร์ เติร์ก กล่าวว่า การส่งกลับชาวอุยกูร์ 40 คน ซึ่งถูกควบคุมตัวที่ประเทศไทยมานานกว่า 11 ปี เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาไปยังประเทศจีนนั้น เป็นการละเมิดกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
ต่างชาติรุมประณามไทย
“นี่เป็นการละเมิดหลักการไม่ส่งกลับไปเผชิญอันตราย ซึ่งมีการห้ามอย่างเด็ดขาด ในกรณีที่มีความเสี่ยงต่อการทรมาน ทารุณกรรม หรือการทำร้ายที่ไม่สามารถแก้ไขให้กลับคืนได้หากถูกส่งกลับ”
ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า หลักการไม่ส่งกลับไปเผชิญอันตรายอยู่ในข้อที่ 3 ของอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการกระทำอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคี อีกทั้งข้อ 7 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และกฎหมายของประเทศไทยเอง
"สำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเคารพพันธกรณีของประเทศตามกฎหมายระหว่างประเทศซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อกรณีของบุคคลเหล่านี้ซึ่งแสวงหาการคุ้มครองระหว่างประเทศ และน่าเสียใจอย่างยิ่งที่พวกเขาต้องถูกบังคับส่งกลับ สำคัญมากที่รัฐบาลจีนจะเปิดเผยถิ่นที่อยู่ และรับประกันว่าพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติตามหลักการสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นได้เผยแพร่คำเตือนเกี่ยวกับภัยคุกคามจากการก่อการร้ายโดยการส่งกลับชาวอุยกูร์กลับประเทศโดยถูกบังคับ ตอนหนึ่งระบุว่า เมื่อปี 2558 ที่กรุงเทพมหานคร หลังจากชาวอุยกูร์ถูกเนรเทศกลับประเทศจีน ได้ระเบิดขึ้นที่แยกราชประสงค์ ใกล้กับศาลท้าวมหาพรหม ในวันที่ 17 ส.ค.2558 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 ราย และบาดเจ็บ 125 ราย รวมทั้งชาวญี่ปุ่น เราจึงขอให้ชาวญี่ปุ่นทุกคนที่อาศัยในญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยว พยายามหาข้อมูลเพื่อดำเนินมาตรการต่อไปนี้เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณโดยรอบแหล่งท่องเที่ยว สถานที่จัดงาน ร้านอาหาร โรงแรม ศูนย์การค้า ระบบขนส่งสาธารณะ สถานที่ทางศาสนา ฯลฯ เป็นสถานที่ที่ผู้คนจำนวนมากรวมตัวกัน จึงอาจตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายได้ ดังนั้น จึงต้องใช้ความระมัดระวังตลอดเวลา
ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีสหรัฐอเมริกาและยุโรปแถลงการณ์ประณามรัฐบาลไทยกรณีส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนว่า เรื่องนี้เราได้ตรวจสอบแล้วว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง โดยเรื่องของชาวอุยกูร์เป็นเรื่องของการเข้าเมืองผิดกฎหมาย และติดคุกที่ประเทศไทย 11 ปีแล้ว ซึ่งถือเป็นการรับโทษที่นาน ที่ผ่านมาเราตรวจสอบข้อมูลแล้วไม่เคยมีประเทศที่สามที่จะขอรับตัวเขาเหล่านั้น เพื่อที่จะไปอยู่ประเทศนั้นๆ เลย และทางจีนก็ติดต่อมาพร้อมหลักฐานว่าพวกเขาเป็นคนจีน
อิ๊งค์เสียงแข็งไม่ทำผิดกฎ
"จริงๆ หากเป็นเรื่องของประเทศอื่นๆ เมื่อยืนยันได้ว่าเป็นประเทศไหนเราก็ส่งกลับประเทศนั้น เราไม่ได้ทำผิดกฎสหประชาชาติและไม่ได้ทำผิดกฎมนุษยชนแต่อย่างใด ซึ่งเราทราบดีในเรื่องสิทธิมนุษยชน และเราได้รับการยืนยันจากทางการจีนว่าถ้าเราส่งชาวอุยกูร์กลับไป เขาจะไม่ถูกดำเนินคดีแล้ว ไม่ต้องมีการสอบสวน สามารถกลับไปอยู่กับครอบครัวและสังคมได้ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลกับรัฐบาลคุยกันมาสักระยะแล้ว เมื่อมีการจัดการที่ดีของทั้งสองประเทศก็จะสามารถทำให้ชีวิตของชาวอุยกูร์เหล่านั้นปลอดภัยได้" น.ส.แพทองธารกล่าว
นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอาจจะมีการจัดการที่ผิดพลาด แต่จากการคุยกันครั้งนี้ และจากที่ตนไปเยือนอย่างจีนเป็นทางการ ได้พูดคุยกับผู้นำหลายระดับ ซึ่งเขายืนยันว่าเขาให้คำมั่นสัญญากับทางไทยแล้วว่าทุกคนที่กลับไปจะปลอดภัย ไม่อย่างนั้นเราก็คงไม่ทำการส่งตัวไปแน่นอน หากไม่ได้รับการยืนยันอย่างนี้ คงได้เห็นรูปกันแล้ว ที่ชาวอุยกูร์ได้สู่อ้อมกอดครอบครัว ก็เป็นเรื่องน่ายินดี
"จากนี้ทางการจีนยังอนุญาตให้สามารถบินไปเยี่ยมหรือสอบถามความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ว่าเป็นอย่างไร เขาไม่ได้ปิดกั้นตรงนี้เลย เราไม่มีทางส่งไปโดยที่ไม่ทราบว่าเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ถ้าเป็นแบบนั้นเราไม่ทำแน่ เราเน้นเรื่องสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว พอเรามีความชัวร์เรื่องนี้ เรื่องนี้เราถึงได้ดำเนินการ" นายกฯ กล่าว
ถามว่า มีข้อวิจารณ์ว่าการส่งตัวชาวอุยกูร์ครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนทางการค้ากับจีน นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีเลย ไม่มีการแลกเปลี่ยนทางการค้าใดๆ กับหัวข้อที่ส่งชาวอุยกูร์กลับไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น เพราะหากจะคุยเรื่องการค้าก็เป็นเรื่องของการค้า แต่นี่เป็นเรื่องของคน ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับสินค้า คนไม่ใช่สินค้า ไม่แลกกันแน่นอน
ซักว่าจะมีการชี้แจงกับสหรัฐอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ต้องมีการติดตามข้อมูล ซึ่งข้อมูลล่าสุดเราประสานอย่างจริงจัง ไม่ได้พูดกันเล่นๆ ทุกอย่างพูดกันจริงจัง และการที่ตนไม่พูดหรือแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะในตอนแรก เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง เป็นเรื่องของรัฐบาล และการที่ตนระมัดระวังเรื่องการส่งข้อความ เป็นเรื่องรัฐบาลรับทราบและต้องการจะทำให้ปลอดภัยที่สุด ไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุข้อขัดข้อง แม้กระทั่งตอนเดินทาง หรือทำอะไรรุนแรงที่ไม่เคารพสิทธิของเขา จี้ไปก็ไม่มีแต่เป็นการไปด้วยความสงบเรียบร้อย อย่างที่เห็นภาพตั้งแต่ลงเครื่องเขาได้กลับสู่ครอบครัวเขาจริงๆ
"เราลองคิดดู หากเกิดขึ้นที่ประเทศของเรา ภาพออกไปทั่วโลกแบบนี้แล้ว เราจะพลิกคำที่สัญญากับประเทศเพื่อนบ้าน มันก็จะผิด ไม่ได้แต่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่ทั่วโลกก็จะมองเห็น เพราะฉะนั้นดิฉันจึงมั่นใจว่าเมื่อกลับไปจะดูแลคนกลุ่มนี้อย่างดี" นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ. นายกฯ ยังไม่ยืนยันการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน เพราะต้องการความมั่นใจก่อนว่าเขาจะเดินทางกลับไปอย่างปลอดภัยใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ตอนนั้นเป็นเรื่องโพรโตคอลหรือหลักเกณฑ์ระหว่างประเทศว่าใครจะออกมาแถลง ทางจีนจะออกมาพูดก่อนหรือไม่ แต่การรับรู้รับทราบ ต้องรับทราบอยู่แล้ว แต่มันเหมาะสมหรือไม่ที่จะพูด ณ ตอนนั้น เพราะเมื่อวันที่ 27 ก.พ. มีหลายประเด็น หากตนตอบคำถามนี้ไปแค่ 2-3 คำ ข้อความถูกเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น มันเป็นเรื่องของมั่นคง เรื่องของประเทศ ไม่สามารถที่จะพูดแค่คำสองคำแล้วเดินไปได้ แต่ต้องมีการอธิบาย ฉะนั้นวันนี้ถึงมีการให้สัมภาษณ์อย่างนี้ ซึ่งรายละเอียดนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหมได้พูดไปแล้ว
ถามอีกว่า หลังจากนี้หากสื่อไทยต้องการที่จะไปติดตามความเป็นอยู่ชาวอุยกูร์จะทำได้หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่แน่ใจ ว่าหากเป็นสื่อจะเป็นอย่างไร เพราะที่คุยกันรัฐมนตรีสามารถไปได้
"ตอนพูดคุยกันจีนยืนยันจะให้ทุกคนกลับเข้าสู่สังคมอย่างปกติ พวกเขาไม่ได้เป็นอาชญากร ไม่ได้ทำอาชญากรรม เขาเข้าเมืองผิดกฎหมายและถูกคุมขังมาแล้วสิบกว่าปี มันนานมากแล้ว เมื่อไปถึงเขาให้ครอบครัวมารับ ดิฉันเห็นจากรูปก็ไม่ได้เห็นใส่กุญแจมืออะไร" น.ส.แพทองธารกล่าว
เมื่อถามว่า มีกระแสว่าประเทศตุรกีเตรียมรับชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ไป นายกฯกล่าวว่า ไม่มีประเทศที่สามมายืนยันที่จะขอรับตัวชาวอุยกูร์เลย อย่างประเทศที่ร้องเรียนก็ไม่มีใครเสนอมาเลยสักคน และทางจีนยืนยันว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนจีน ประเทศไทยก็ต้องส่งกลับไปจีน ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติปกติ
ถามต่อว่า ชาวอุยกูร์เดินทางกลับจีนด้วยความสมัครใจ มีเอกสารยืนยันหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าเอกสารมีอันไหนบ้าง แต่ในส่วนของกระบวนการ ตนเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัย เรื่องเอกสารขอให้กระทรวงการต่างประเทศ และกลาโหมเล่าให้ฟังว่ามีเอกสารอะไรบ้าง ซึ่งยืนยันว่าเขากลับด้วยความสมัครใจ ไม่อย่างนั้นต้องลากเขาแล้ว แต่เดินปกติ
ภูมิธรรมรับไทยไม่มีทางเลือก
เมื่อถามว่า การส่งตัวกลับครั้งนี้มีความกังวลว่าจะกระทบกับความสัมพันธ์กับประเทศมุสลิมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องอาศัยเวลาในการอธิบาย และต้องดูด้วยว่าเขากลับไปแล้วปลอดภัยจริงหรือไม่ ซึ่งที่เห็นคือเขาปลอดภัยก็น่าจะเป็นเครื่องหมายในการอธิบายได้แล้วว่าไทยได้มีการประสานงานหลังบ้านแล้วว่า ถ้าไม่ชัวร์เราก็ไม่ทำแน่อยู่แล้ว ถ้าส่งกลับไปแล้วเกิดอะไรขึ้นตนก็คงรับไม่ได้เช่นกัน เราเข้าใจทุกคนเป็นมนุษย์เหมือนกัน ฉะนั้นต้องชัวร์ ชัวร์แล้วชัวร์อีก ไม่อย่างนั้นก็คงไม่กล้าส่งไป
ส่วนนายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องการส่งตัวไปประเทศที่ 3 เราดำเนินการมา 11 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ส่งไปตุรกีกว่าร้อยคนเราประสบความสำเร็จ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครตอบรับเลย และตนก็ได้บอกกับชาติตะวันตกแล้วว่า หากเขารับไปก็ไม่มีปัญหา แต่เขาก็ไม่รับ เพราะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเขา ดังนั้นเมื่อทางการจีนยืนยันว่าทั้งหมดเป็นพลเรือนของจีนที่มีเชื้อสายอุยกูร์ มีที่อยู่ชัดเจน จึงอยากขอตัวกลับไป เราจึงดำเนินการตามขั้นตอน
"รัฐบาลได้ชี้แจงกับประเทศตะวันตกหลายชาติ เช่น สหรัฐ ก็ได้พูดคุยกับผม ซึ่งก็ได้ย้ำไปว่าเราจะทำภายใต้อธิปไตยและกฎหมายของไทย คำนึงถึงหลักสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ให้เกิดความผิดพลาดในเรื่องนี้ รวมถึงคำนึงถึงกฎหมายที่จะไม่ส่งคนไปเสียชีวิต เรามีสถานะอยู่แค่นี้กักตัวเอาไว้ก็ทำผิดกฎหมาย เราไม่มีทางเลือก และชัดเจนว่าเราไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรในเรื่องนี้ เพียงแต่ต้องดำรงประเทศให้มีความถูกต้องและเหมาะสม เพราะการที่เราขังชาวอุยกูร์ก็ถูกร้องเรียนมาตลอดว่าเป็นการทรมาน ซึ่งขัดต่อพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย 2565 ดังนั้น การส่งอุยกูร์กลับไปจีน จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด อีกทั้งรัฐบาลก็จะติดตามเรื่องของความปลอดภัยเป็นระยะ" นายภูมิธรรมกล่าว
ถามว่า ในด้านการข่าวมีการเคลื่อนไหวในเรื่องการก่อความไม่สงบหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อยากให้ช่วยกัน เราไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้น เราไม่ได้มีการละเมิดใคร หากส่งเขาไปเสียชีวิตอาจต้องกังวล แต่ปัจจุบันนี้เขายังอยู่ดี แต่หากมีปัญหาหลังจากนี้ ก็เป็นเรื่องของคนที่ผิดจากสิ่งที่ควรจะเป็น
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการติดตามความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งไปจีนว่า หลังจากนี้ 15 วัน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม จะเดินทางไปประเทศจีนเพื่อติดตามชาวอุยกูร์ 40 คนที่ไปถึงว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร ทำอาชีพอะไรบ้าง เพราะสถานการณ์เมื่อ 11 ปีก่อนกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน เมื่อ 11 ปีที่แล้ว เขาอยากเดินทางออกนอกประเทศ แต่ปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยน ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจที่มีการเติบโต
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) เตือนฝ่ายค้านว่าหากยิบยกประเด็นการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนมาอภิปรายในสภาเพื่อโจมตีรัฐบาลนั้น ถือเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน และอาจกระทบกับภาพลักษณ์ของประเทศ ฝ่ายค้านต้องเพิ่มความระมัดระวัง รัฐบาลแถลงชัดว่าการดำเนินการทุกขั้นตอนเป็นไปตามหลักสากลและหลักกฎหมายอย่างชัดเจน
ที่รัฐสภานายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม ได้นำจดหมายที่ชาวอุยกูร์ 48 คน รวมตัวกันและเขียนจดหมายฉบับหนึ่งส่งไปยัง UNHCR โดยส่งไปขอให้เข้ามาช่วยคุ้มครองระหว่างประเทศ หรือการพิจารณาสถานะผู้ลี้ภัย และระบุชัดไม่ต้องการกลับประเทศจีน มาให้สื่อดู ฉบับที่สองเป็นของญาติ ชาวอุยกูร์ ที่ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ประเทศที่สามตุรกี ส่งไปถึงนายกรัฐมนตรีของไทยขอให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา โดยหยิบยกกรณีบิดาของนายกรัฐมนตรีลี้ภัยไปในต่างประเทศมาชี้เห็น ขอให้มีการพิจารณารวมครอบครัวที่ประเทศใดก็ได้ และเป็นการส่งในช่วงต้นปี 2568 ส่วนจดหมายฉบับที่ 3 ส่งในช่วงต้นปี 2568 เนื้อหาขอร้องว่าอย่าให้ถูกผลักดันกลับประเทศจีน ขอให้มีชีวิตและอยู่ด้วยกันได้ ที่เรียกว่าเป็นจดหมาย SOS
"จดหมายทั้ง 3 ฉบับชัดเจนว่าชาวอุยกูร์ไม่ได้สมัครใจ หรือเต็มใจที่จะเดินทางกลับประเทศจีน ด้วยยังกังวลอันตรายที่จะเกิดขึ้น และสะท้อนว่าการแถลงข่าวของรัฐบาล ที่กระทรวงยุติธรรมเป็นเท็จ อ้างว่าเดินทางกลับด้วยความสมัครใจ" นายกัณวีร์ระบุ
เตือนรีบเคลียร์ก่อนเรื่องใหญ่
วันเดียวกัน คณะกรรมาธิการ (กมธ.)การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ออกแถลงการณ์เรื่องการส่งตัวชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คน กลับไปยังประเทศจีนว่า แม้รัฐบาลจะแถลงว่าผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้สมัครใจเดินทางกลับประเทศต้นทาง แต่การที่รัฐบาลส่งตัวคนเหล่านี้กลับโดยไม่เปิดเผย ไม่เปิดโอกาสให้สังคมตรวจสอบ และไม่เปิดโอกาสให้ชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คน แถลงความต้องการต่อสาธารณะ ถือเป็นการกระทำที่ปิดบังซ่อนเร้นข้อเท็จจริง
นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวว่า เราห่วงใยอย่างมากว่าสิ่งนี้จะกระทบต่อความเชื่อมั่นในเวทีโลก และทำให้เห็นว่าประเทศไทยไม่เป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับคนที่ต้องการลี้ภัย จึงหวังว่ารัฐบาลจะชี้แจงข้อเท็จจริงและนำความจริงมาเปิดเผย
“ไม่มีใครรับได้ ไม่ทราบว่ารัฐบาลไทยไปรับปากอะไรกับรัฐบาลจีนไว้ แต่รัฐบาลจะต้องไม่เอาสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย หรือชีวิต ของคนบริสุทธิ์มาแลกเปลี่ยน ซึ่งใน 40 คนที่ถูกส่งกลับ เท่าที่ทราบ 1 ในนั้นมีผู้ป่วยติดเตียง ดิฉันหวังว่าเขาจะได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรม และจะไม่ถูกส่งกลับไปด้วย” นางอังคณากล่าว
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟสบุ๊กระบุว่า ข้อสังเกตเรื่องการส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน 1.ข้อสังเกตแรกคือ ทำไมต้องมีการปิดบังการส่งตัวกลับ? คล้ายกับเกรงว่าจะถูกคัดค้าน หรือมีการต่อต้านจนส่งกลับไม่ได้ ตรงนี้ทำให้คนสงสัย เพราะหากว่าเขาเต็มใจกลับจริงๆ และทางการจีนรับรองความปลอดภัยไม่มีการทำอันตรายเขาจริงๆ ก็ควรส่งกลับเขากลับอย่างเปิดเผยโปร่งใส ซึ่งก็จะทำให้ไม่มีใครตำหนิประเทศไทยได้ 2.ท่ามกลางความขัดแย้งที่กำลังหนักหน่วงมากขึ้นระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน ประเทศไทยควรเอาใจทั้งสองประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในเรื่องการค้ากับทั้งสองฝ่าย ทำไมในเรื่องนี้เราจึงเลือกเอาใจแต่ประเทศจีน แล้วถูกสหรัฐอเมริกาประณาม?
3.ประเทศไทยได้รับเลือกเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โดยดำรงตำแหน่งตามวาระปี 2568-2570 นั่นแปลว่า หลังจากรัฐประหาร 2557 เราได้รับความยอมรับในเรื่องสิทธิมนุษยชนในระดับสากลกลับมาแล้ว ทำไมจึงไปทำเรื่องที่จะสุ่มเสี่ยงต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเรื่องสิทธิมนุษยชนอีก? 4.ที่สำคัญคือ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการอุ้มหายทรมาน มาตรา 13 บัญญัติว่า “ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐขับไล่ ส่งกลับ หรือส่งบุคคลเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังอีกรัฐหนึ่ง หากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้น จะไปตกอยู่ในอันตราย …"
5.ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ท่านนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 6) รวมถึงในฐานะประธาน สมช. (ตาม พ.ร.บ. สภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ.2559 มาตรา 6) จะปฏิเสธความรับผิดชอบ หรือปัดเรื่องให้พ้นตัวได้อย่างไร? และ 6.ข้อสงสัยที่สุดของผมคือ ทั้งๆ ที่กำลังจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี โดยฝ่ายค้านยื่นญัติติอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ซึ่งเรื่องที่จะถูกอภิปรายก็มีมากพออยู่แล้ว ทำไมจึงไปสร้างเรื่องใหม่ที่จะเป็นจุดอ่อนให้นายกฯ เพิ่มเข้าไปอีก? เรื่องนี้ดูแปลกมาก เพราะอยู่ดีๆ ก็ไปเพิ่มแต้มบุกให้ฝ่ายค้าน ราวกับโดนของหรือถูกใครวางยา
"รัฐบาลมีทางเดียวที่จะหลุดจากเรื่องนี้ได้คือ ต้องติดตามสวัสดิภาพความปลอดภัยของชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับไปอย่างจริงจัง ให้คนเห็นว่าทุกคนที่ถูกส่งกลับปลอดภัยจริงๆ รัฐบาลจีนให้เขากลับไปอยู่กับครอบครัวเขาโดยไม่ทำอะไรเขาจริงๆ ไม่งั้นประเทศไทยจะลำบาก แล้วรัฐบาลก็จะลำบากแน่ และคนที่จะลำบากที่สุดคือ คุณแพทองธารในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครับ" นายปริญญากล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พังงาจับ4หนุ่ม ขนปืน-กระสุน ภูเก็ตสั่งคุมเข้ม
ตำรวจพังงาจับ 4 ผู้ต้องหาขนอาวุธสงคราม ผงะ! เตรียมไปส่งที่ภูเก็ต
‘ปปช.’รับคดีชั้น14สุดอืด ธนกรดีดปากนิติสงคราม
เลขาฯ ป.ป.ช.รับคดีชั้น 14 อืด เหตุติดปัญหาขอข้อมูลจากหน่วยงานอื่น
โพลชี้คนไทยยี้‘กาสิโน’ หวั่นสร้างความขัดแย้ง
"นิด้าโพล" เผย ปชช.มีคำถามคาใจ "สถานบันเทิงครบวงจร" ที่รวม "กาสิโน" เพียบ!
ทักษิณลั่นซื้อหนี้เกิดปีนี้แน่!
“สวนดุสิต” พบเกินครึ่งหนุนแนวคิด “ทักษิณ” ซื้อหนี้ แต่หวั่นไม่โปร่งใสประโยชน์แอบแฝง
อยู่ในกติกาตอบได้! แม้วการันตีลูกอิ๊งค์เย้ยปชน.อย่ารุ่นใหม่แค่อายุ
“ทักษิณ” ติวการบ้าน “อิ๊งค์” เชื่อตอบได้ทุกเรื่องตรงไปตรงมา
‘อิ๊งค์’ สนุกสนาน! โชว์ภาพดินเนอร์พรรคร่วมก่อนขึ้นเขียงอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ยิ้มก่อนเครียด! "แพทองธาร" โพสต์ภาพดินเนอร์พรรคร่วมฯ หัวเราะชื่นมื่น บอกสนุกสนาน-มีกำลังใจ