พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ล็อกเป้า "นายกฯ" คนเดียว จัดเต็มทุกประเด็น ทั้งไร้ภาวะผู้นำ ทำลายระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา เอื้อพวกพ้อง สมัครใจยอมเป็นหุ่นเชิดของทักษิณ ลั่นพูดถึง "แม้ว" ในสภาได้แน่ถ้าญัตติไม่ถูกแก้ไข "พปชร." ยัน "บิ๊กป้อม" หนุนทุกประเด็นซักฟอก พร้อมเข้าร่วมประชุม "วันนอร์" แย้มรัฐบาลวางคิวซักฟอกไว้ 24 มี.ค. ได้กี่วันรอวิปฯ หารือกัน "อิ๊งค์" ลั่นตอบได้ทุกคำถาม รับตั้งองครักษ์ช่วย พร้อมขอทุกพรรคหนุนมือใหม่โดนซักฟอก "ทักษิณ" ดอดเข้าบ้านพิษฯ จับเข่าคุยทีมที่ปรึกษาของนายกฯ "อนุทิน" ย้ำ ภท.ซัพพอร์ตนายกฯ เต็มที่
ที่รัฐสภา วันที่ 27 ก.พ. พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ลงรายชื่อ 166 คน ประกอบด้วย พรรค ปชน. 143 คน, พรรคเป็นธรรม 1 คน, พรรคพลังประชารัฐ 19 คน และพรรคไทยสร้างไทย 3 คน ขออภิปราย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเนื้อหาในการอภิปรายจะครอบคลุมทุกประเด็น หลายกระทรวง หลายพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากเชื่อว่าปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดินเกิดขึ้นจากการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วที่ผ่านมา
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีขาดภาวะผู้นำ ไม่สามารถควบคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลได้ ขาดวุฒิภาวะ ขาดความรู้ความสามารถ มีการแต่งตั้งบุคคลที่เขาขอมามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ยอมให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีอำนาจเหนือตนเอง รวมถึงยินยอมให้ผู้เป็นบิดาสามารถชักนำ จูงใจ มีส่วนให้บริหารราชการแผ่นดินได้
"เราเชื่อว่าทุกปัญหาเกิดจากนายกฯ ไม่มีประโยชน์ที่จะอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เพราะปัญหาทั้งหมดอยู่ที่นายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว และต้องตอบชี้แจงด้วยตนเองเท่านั้น" ผู้นำฝ่ายค้านฯ ระบุ
ด้านนายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า จะนำญัตตินี้ไปตรวจสอบตามระเบียบข้อบังคับ หลังจากนั้นจะส่งญัตติไปให้รัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลแจ้งมาว่าพร้อมเมื่อไหร่ แต่ทางรัฐบาลได้แจ้งไว้แล้วว่าพร้อมให้อภิปรายในวันที่ 24 มี.ค. ส่วนจะใช้เวลาอย่างไรเป็นเรื่องที่ผู้นำฝ่ายค้านฯ และฝ่ายรัฐบาลต้องไปตกลงกัน
"ผมมอบหมายให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เป็นประธานในที่ประชุม ผมหวังว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นไปได้ด้วยดีและเป็นประโยชน์กับประชาชน" ประธานสภาฯ กล่าว
ถามว่า ตั้งใจอภิปรายนายกฯ เพียงคนเดียวตั้งแต่แรกหรือแก้เกมข้อสอบรั่ว นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เราตั้งใจอภิปรายนายกฯ เพียงคนเดียวตั้งแต่แรก กระแสข่าวที่มีข้อสอบรั่วก็เป็นเพียงกระแสข่าว ไม่ใช่ข้อเท็จจริง
ซักว่าไม่กล้าอภิปรายพรรคร่วมรัฐบาลเพราะเขาส่งข้อมูลให้หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นการวิเคราะห์ทางการเมือง ไม่ว่าเราจะดำเนินการอย่างไรก็จะมีการวิเคราะห์อีกด้านเสมอ ขอให้ติดตามเนื้อหาในการอภิปราย เพียงแต่ว่าการลงมติ เราลงแค่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว
“แน่นอนครับ ตัวผมเชื่อมั่นใจพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เตรียมเนื้อหามาเป็นอย่างดี รวมถึงพรรคประชาชน เราได้เตรียมเนื้อหามาอย่างดีเยี่ยมเช่นเดียวกัน” นายณัฐพงษ์กล่าว
เมื่อถามว่า การอภิปรายนายกฯ เพียงคนเดียวจะกลายเป็นคู่ขัดแย้งกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า หากดูที่ตัวเนื้อหาในญัตติค่อนข้างครอบคลุมในหลายประเด็น อยากให้แยกการอภิปรายและการลงมติ หากตามกรอบญัตติ สะท้อนปัญหาทุกอย่างของรัฐบาล และอภิปรายได้ครอบคลุมแน่นอน ส่วนการลงมติจะพุ่งเป้าไปที่นายกรัฐมนตรี
พอถามถึงการเอ่ยชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะผิดข้อบังคับหรือไม่ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า ในตัวญัตติมีการเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน เรื่องนี้อยู่ที่ประธานสภาฯ เอง เมื่อพิจารณาญัตติแล้วตนเชื่อว่าไม่ได้ขัดข้อบังคับแต่อย่างใด ถ้าบรรจุญัตติได้ตามนี้ แปลว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจสามารถพูดถึงนายทักษิณได้ เพราะเป็นปัญหาสำคัญของประเทศในปัจจุบัน
ซักฟอกนายกฯ ไร้ภาวะผู้นำ
ถามว่า จะต้องถึงขั้นยื่นถอดถอนนายกฯ หรือไม่ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า โดยกระบวนการปกติของสภาจะลงมติไม่ไว้วางใจก่อน แต่แน่นอนว่าทุกครั้งสามารถดำเนินการอื่นๆ ได้ เช่น กรณีที่อดีตพรรคก้าวไกลยื่นถอดถอนนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อถามว่าหวังผลถึงขนาดยุบสภาเลยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในอดีตก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ตนไม่สามารถตอบแทนรัฐบาลได้
"เชื่อว่าเนื้อหาที่เราเตรียมมาเข้มข้นและพุ่งเป้าไปที่รัฐมนตรีหลายคน รวมถึงนายกฯ เอง ส่วนมีข้อมูลชี้ชัดถึงการทุจริตคอร์รัปชันเลยหรือไม่ ผมยืนยันมีหลักฐานที่ชี้ชัดให้เห็นถึงการขาดคุณสมบัติของนายกฯ" ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานรายละเอียดญัตติอภิปรายที่ฝ่ายค้านยื่นดังกล่าวระบุว่า พวกข้าพเจ้าเห็นว่า น.ส.แพทองธาร เป็นผู้มีพฤติการณ์อันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติ และไม่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายบริหารด้วยประการทั้งปวง ทั้งขาดภาวะผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ ขาดความรู้ความสามารถ และขาดเจตจำนงในการบริหารราชการแผ่นดินที่แก้ปัญหาให้แก่ประเทศชาติและประชาชน ส่งผลทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศชาติ จงใจลอยตัวอยู่เหนือปัญหา และไม่มีความรับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่เพียงเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง บิดา ครอบครัวและพวกพ้องเป็นตัวตั้งอยู่เหนือผลประโยชน์ของส่วนรวม
น.ส.แพทองธารยังไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์เอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบสังคม โกหกหลอกลวง ไม่ดำเนินการตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน เป็นนั่งร้านช่วยเหลือต่างตอบแทนกลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย บริหารบ้านเมืองผิดพลาดล้มเหลวอย่างร้ายแรงทั้งในด้านการเมือง การปฏิรูปกองทัพ ความมั่นคง เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม ทำลายนิติรัฐ ทำลายระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา เจตนา ตลอดจนปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันภายใต้การบริหารงานของตนเอง
"ทั้งยังทุจริตเชิงนโยบาย บริหารบ้านเมืองเพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่พวกพ้องและกลุ่มทุน แต่งตั้งบุคคลที่ขาดความเหมาะสม ขาดความรู้ความสามารถหรือไม่ซื่อสัตย์สุจริตไปเป็นรัฐมนตรีหรือตำแหน่งสำคัญอื่น นอกจากนี้ยังสมัครใจยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจจากพฤติการณ์ดังที่พวกข้าพเจ้าได้กล่าวมา หากปล่อยให้ น.ส.แพทองธารยังคงบริหารราชการแผ่นดินสืบไป จะทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างร้ายแรงจนยากจะแก้ไขเยียวยาได้" ญัตติอภิปรายของฝ่ายค้านระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในจำนวนผู้ลงชื่อทั้ง 166 คนที่ยื่นญัตติอภิปรายของฝ่ายค้านครั้งนี้ ไม่ปรากฏรายชื่อ นายไชยามพวาน มั่นคงจิตต์ พรรคไทยก้าวหน้า, นายมังกร ยนต์ตระกูล สส.บัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย, น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคไทยสร้างไทย 3 คน ได้แก่ นายหรั่ง ธุระพล สส.อุดรธานี, นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี และนางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร ที่เคยถูกขับพ้นพรรค
ส่วนนายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. พร้อมด้วย สส.พรรค พปชร. ร่วมกันแถลงข่าวว่า พรรค พปชร.ร่วมมือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคอย่างตรงไปตรงมา และจริงใจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ โดยพรรคเตรียมการทั้งข้อมูล เนื้อหาสาระ และผู้อภิปรายไว้เรียบร้อยแล้ว และขณะนี้พรรคได้รับการยืนยันจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าจะเข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังการอภิปรายในครั้งนี้ด้วย ซึ่ง พล.อ.ประวิตรก็ได้ร่วมลงชื่อญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย
"พรรค พปชร.ยังมีความเหนียวแน่น มีจุดยืนก้าวเดินไปด้วยกัน แม้จะเป็นฝ่ายค้าน แต่เป็นฝ่ายค้านมีคุณภาพ ไม่ได้เกี่ยงจะต้องเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล จะทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่ง พล.อ.ประวิตรไม่ได้เป็นหนึ่งในผู้อภิปราย แต่เป็นผู้ให้ข้อมูล กำหนดแนวทางทั้งหมด รวมถึงกำหนดประเด็นด้วย และได้ผ่านการพูดคุยกับกรรมการบริหารพรรคแล้ว" รองหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าว
'อิ๊งค์' ตอบทุกข้อตั้งองครักษ์ช่วย
วันเดียวกัน น.ส.แพทองธารเดินทางเข้าตอบกระทู้ที่สภาเป็นครั้งแรก พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ เพียงคนเดียวว่า ไม่เกินความคาดหมาย เป็นสิทธิของทางฝ่ายค้านอยู่แล้ว และก็พูดคุยกันอยู่แล้วว่าอาจจะเป็นแบบนี้ แต่วันที่ไปรับประทานอาหารกับพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีรายชื่อออกมาก่อนเป็น 10 ท่าน ก็รับทราบตามนั้น
ถามว่า ได้อ่านหัวข้อที่ยื่นแล้วเป็นอย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธารถามย้อนกลับว่า “หัวข้อยื่นว่าอะไรบ้าง ทวนสิ” โดยผู้สื่อข่าวตอบว่า ญัตติที่ฝ่ายค้านยื่นระบุว่า ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ นายกฯ จึงกล่าวว่า ใช่ ตอบได้ทุกข้อ และถ้าอันไหนเกี่ยวกับกระทรวงไหนมีรายละเอียดลงมา ก็คงให้รัฐมนตรีกระทรวงนั้นช่วยกันตอบ แต่ถ้าเป็นภาพรวมอยู่แล้วที่ถามก็พร้อมตอบอยู่แล้ว
ซักว่ามีการโยงไปถึงเรื่องการเป็นนั่งร้านให้นายทักษิณด้วย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ก็เตรียมตอบ สิ่งที่ถามมาก็เตรียมตอบ เท่านั้นเอง เมื่อถามว่าข้อกล่าวหาที่จะพุ่งเป้าไปที่นายทักษิณกังวลอะไรบ้างหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่เลยค่ะ ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย แน่นอนว่าไม่ว่าจะพูดอะไรอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าจะถามว่ากระทบต่ออะไรบ้าง หากเราไม่มีหลักยึดในเรื่องของกฎหมายมันก็จะแย่ แต่ถ้ามีหลักยึดแล้วว่ามันเป็นไปตามกฎหมาย ก็โอเค พร้อมตอบอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า คิดว่าญัตติที่ฝ่ายค้านยื่นแรงไปหรือไม่ ที่ระบุขาดภาวะผู้นำ ทำลายภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่นของประเทศ ทำให้ต่างชาติไม่เชื่อมั่น นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องดูข้อมูลจริงประกอบด้วยว่าต่างชาติไม่เชื่อมั่นหรืออย่างไร ตนเข้าใจ เพราะพรรคของตนก็เคยเป็นฝ่ายค้านร่วมกับท่านมา 8-9 ปี ก็เข้าใจอยู่แล้ว ไม่ได้ไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นก็ตอบไป อยากรู้อะไรมาก็ตอบไป
ย้ำว่ามั่นใจหรือไม่ว่าสามารถตอบได้ทุกข้อกล่าวหา นายกฯ กล่าวว่า ตอบได้อยู่แล้ว แต่จะชอบคำตอบหรือเปล่าไม่ทราบ
พอถามว่า จะต้องมีการตั้งองครักษ์ขึ้นมาช่วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีค่ะ ตั้งแน่ ทุกคนต้องช่วยกัน คนเดียวอาจจะคอแห้งนิดนึง โดยช่วงนี้นายกฯ กล่าวพร้อมกับหัวเราะ เมื่อถามย้ำว่าใครจะเป็นหัวหน้าองครักษ์ให้นายกฯ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่หรอกค่ะ ที่เราพูดคุยกันในพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าเกี่ยวข้องกับกระทรวงของตัวเอง เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าทุกกระทรวงอยากตอบ เพราะเป็นผลงานของเขา เขาอยากตอบแน่ และอื่นๆ ต้องรอหน้างาน ตนไม่ทราบเหมือนกันว่าจะออกมาอย่างไร คิดว่าจริงๆ ตั๋วฝั่งทุกๆ ท่านหน้างานอาจจะมีอีกหลายแบบที่เกิดขึ้น
ถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลไม่น่าจะปล่อยลอยแพใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลไม่ปล่อยลอยแพ ตนได้ส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือจากทุกคนแล้วว่ามือใหม่ยังไม่เคยโดนอภิปรายมาก่อน ซึ่งทุกคนพร้อมที่จะสนับสนุน อันนี้เป็นสิ่งที่เป็นกำลังใจ แน่นอนว่าพรรคร่วมรัฐบาลเราได้พูดคุยน้อยกว่าพรรคตัวเองอยู่แล้ว แต่พอมีโอกาสได้คุย ได้รับการสนับสนุน ความอบอุ่น ความน่ารักจากหัวหน้าพรรคทุกท่านก็ถือเป็นกำลังใจมาก
ซักว่านายทักษิณจะเป็นหัวหน้าองครักษ์พิทักษ์นายกฯ เองหรือไม่ น.ส.แพทองธารร้องโอ๊ย พร้อมกล่าวว่า ไม่แล้วค่ะ ท่านทักษิณจะมาเป็นองครักษ์คงไม่ใช่เรื่องมาตอบในสภา ท่านจะตอบคำถามเมื่อเราถาม และเมื่อเราอยากทราบว่าถ้าเป็นพ่อจะทำอย่างไร เดินอย่างไร ขอคำปรึกษา อันนั้นให้อยู่แล้ว 100%
เมื่อถามว่า ที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติไปเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ นายทักษิณได้ให้กำลังใจอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ท่านโทรศัพท์มาตั้งแต่เช้า แต่ยังไม่ได้รับสาย พอโทร.กลับไปท่านก็ยังไม่ได้รับ ตนไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะวันนี้ยังไม่ได้คุยกันเลย เมื่อถามอีกว่าจะขอคำแนะนำหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขอคำแนะนำเดี๋ยวรอดู ก็อาจจะขอเป็นธรรมดา แต่ขอกำลังใจ ขอแน่นอน
ทักษิณโผล่คุยกุนซือบ้านพิษฯ
กระทั่งเวลา 14.45 น. หลังจาก น.ส.แพทองธารตอบกระทู้และรับฟังการประชุมสภา ได้เดินทางออกจากอาคารรัฐสภา โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายกฯ ตอบว่า "เป็นอย่างที่เห็นจ้ะ" ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
จากนั้นนายกฯ ได้เดินทางไปยังบ้านพิษณุโลก เพื่อร่วมประชุมกับคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการประชุมประจำสัปดาห์ตามปกติ
โดยที่บ้านพิษณุโลก ที่มีการประชุมคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางมา ปรากฏว่าช่วงเวลา 13.00 น. นายทักษิณได้เดินทางออกจากบ้านพิษณุโลก โดยมีทีมที่ปรึกษานโยบายนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษา, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษา, นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษา, นายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษา และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษา รวมถึง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงมาส่งนายทักษิณขึ้นรถ หลังหารือร่วมกันนานกว่า 3 ชม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้ามาของนายทักษิณครั้งนี้ เป็นการหารือกับทีมที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี มาให้ความรู้แลกเปลี่ยนสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทยและสถานการณ์โลก ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีการให้ความรู้และแลกเปลี่ยนในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงระยะเวลาการอภิปรายว่า ปกติก็ไม่เคยถึง 5 วัน สมัยก่อนรัฐมนตรีถูกอภิปราย 10-11 คนยังใช้แค่เวลา 2-3 วันเท่านั้น แต่ครั้งนี้อภิปรายนายกรัฐมนตรีคนเดียว ตนคิดว่า 1-2 วันก็เยอะแล้ว ไม่ควรจะเกิน 2 วัน
ซักว่าในการอภิปรายสามารถระบุชื่อนายทักษิณได้หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า พูดได้เท่าที่จำเป็น และต้องไม่ให้เขาเสียหาย อย่างไรก็ตาม ปกติในสภาเขาจะไม่พูดถึงบุคคลที่ 3 เลย
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า การอภิปรายนายกฯ คนเดียวก็หมายถึงรัฐบาลทั้งรัฐบาล อย่าไปคิดว่าเป็นนายกฯ คนเดียว ทุกกระทรวงก็ต้องเตรียมตัวในการชี้แจง นายกฯ ไม่มีกระทรวง แต่ดูภาพรวมทั้งหมด หากพาดพิงไปโดนกระทรวงใดก็ต้องช่วยกันสนับสนุน ชี้แจงให้เกิดความเข้าใจ
"พรรคร่วมรัฐบาลจะซัพพอร์ตหัวหน้ารัฐบาลอยู่แล้ว คำว่าซัพพอร์ต หมายความว่าต้องให้ข้อมูลทั้งหมด เพราะนายกฯ ผลักดันนโยบายผ่านทุกกระทรวงทั้งหมด ถ้าถูกอภิปรายพาดพิงถึงกระทรวงไหน กระทรวงนั้นก็ต้องเตรียมตัวมาชี้แจง เพราะถ้าถูกพาดพิงก็สามารถใช้สิทธิ์ชี้แจงได้อยู่แล้ว" นายอนุทินกล่าว
ถามว่า พรรค ภท.จะลงมติไว้วางใจนายกฯ หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า แน่นอน เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อถามย้ำว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าพรรค ภท.จะไม่ขาดแม้เพียงเสียงเดียว นายอนุทินหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าเกิดเกินล่ะ”
นอกจากนี้ นายณัฐพงษ์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังได้แถลงถึงการเข้าชื่อ สส.และ สว.ในการตรวจสอบ ป.ป.ช. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 236 โดยมีการเข้าชื่อ 145 คน ประกอบด้วย พรรคประชาชน 143 คน, พรรคเป็นธรรม 1 คน และสมาชิกวุฒิสภาอีก 1 คน ซึ่งมีหลักฐานในการตรวจสอบทั้งหมด 18 รายการ แบ่งเป็น 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การกล่าวหา 5 ป.ป.ช. และอดีต ป.ป.ช. ต่อกรณีที่มีการยุติการสืบหาข้อเท็จจริงในทรัพย์สินแหวนเพชร นาฬิกาหรู ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี
2.ข้อกล่าวหาต่อ ป.ป.ช. 9 คน ที่ดำรงตำแหน่งระหว่าง 16 มีนาคม 2566-23 พฤษภาคม 2567 ที่เป็นข้อหาเฉพาะบุคคล ที่มีการลงมติไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครอง ในการเปิดเผยรายละเอียดของคดีดังกล่าว และ 3.ข้อกล่าวหาต่อนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรณีที่ปรากฏวิดีโอเข้าพบนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา พร้อมกับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เลือก‘ณรงค์-อภิชาติ’นั่งกต.คนนอก
ผู้พิพากษาทั่วประเทศเทคะเเนนเลือก “อ.ณรงค์-หมออภิชาติ” นั่ง ก.ต.คนนอก คุ้มครองอิสระการทำหน้าที่ตุลาการ “สมชาย เล่งหลัก” ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตาเก้าอี้ สว. ปมถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี
โจรใต้จ้องบึ้ม สั่งทุกโรงพัก เข้มถึง27มี.ค.
หน่วยมั่นคงชายแดนใต้สั่งทุก สภ.เฝ้าระวังขั้นสูงสุด ตั้งแต่คืน 25-27 มี.ค.
ฝ่ายแค้นจืดหยันเหยาะน้ำปลา
"อิ๊งค์" ยันแจงซักฟอกตรงประเด็น บอกพูดยาวไม่เป็น ชี้พรรครัฐบาลเข้มแข็ง
รัฐบาลปึ้กพ่วงงูเห่า โหวต‘อิ๊งค์’ท่วมท้น/ปิดฉากซักฟอกถลก2พ่อลูกดีลปีศาจ
ดีลแลกประเทศวันสุดท้ายร้อนฉ่า! รังสิมนต์สับ 2 ไอ้โม่งทำให้เกิดดีลปีศาจชั้น 14 ร
‘อิ๊งค์’สะกดอารมณ์ฝ่าซักฟอก2วัน รอลุ้นคะแนนโหวต-งูเห่าสมทบ!
ผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ใช้เวลา 2 วัน 24-25 มีนาคม ก่อนลงมติวันนี้ 26 มีนาคม 2568 ซึ่งลีลาของ “นายกฯ อิ๊งค์” ในการแจงข้อซักฟอกถือว่าสามารถสะกดอารมณ์ได้ดี ไม่ปล่อยหมัดเด็ดตรงๆ ใส่ฝ่ายค้าน แต่ใช้ความนิ่งตอบเจ็บๆ ในบางช่วงเช่นกัน
ชมสด! อภิปรายไม่ไว้วางใจ 'แพทองธาร ชินวัตร' นายกรัฐมนตรี
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 26 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายยกรัฐมนตรี