ครม.ร่อนหนังสือรอบ 2 ส่งตรงถึง “แบงก์ชาติ” บี้หั่นดอกเบี้ยนโยบาย หวังช่วยขยับเงินเฟ้อไทยเข้ากรอบ 1-3% พร้อมกระทุ้งให้สอดรับนโยบายการคลัง ฝ่ายค้านฉะแจกหมื่นล้มเหลว ดันจีดีพีไม่ขึ้น
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีตลาดหุ้นแตะลงไป 1,200 จุดแล้ว มีแนวทางที่จะปลุกตลาดหุ้นขึ้นมาอย่างไรบ้าง นายกฯ ได้หันมายิ้มฟังคำถามพร้อมพยักหน้า ก่อนเดินออกไปโดยไม่ตอบคำถามใดๆ
ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.ได้มีการส่งหนังสือโดยตรงถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งเป็นความเห็นเกี่ยวกับการทำนโยบายการเงินที่จะต้องคำนึงถึงเป้าหมายกรอบเงินเฟ้อที่ 1-3% รวมถึงจะต้องสอดคล้องกับนโยบายทางการคลังด้วย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ ยอมรับว่ารัฐบาลคาดหวังว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ซึ่งหากเป็นไปในทิศทางดังกล่าวน่าจะเป็นสัญญาณที่ดี ส่วนจะปรับลดลงเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอทำให้อัตราเงินเฟ้อของประเทศปรับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3% นั้น ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบที่จะพิจารณา
“ถือเป็นครั้งที่ 2 ในการส่งความเห็นของ ครม.ตรงถึง ธปท. เกี่ยวกับการทำนโยบายการเงิน ที่จะต้องสอดคล้องกับกรอบเงินเฟ้อ สอดคล้องกับนโยบายการคลัง ไม่ใช่ว่านโยบายการคลังขาเดียวจะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างมีพลัง ดังนั้นทั้ง 2 ขาต้องช่วยกัน” รมช.การคลังระบุ
นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ต้องยอมรับว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแต่ละครั้งมีส่วนสำคัญและเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจค่อนข้างเยอะ โดยช่วยให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเคลื่อนตัวได้ มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน การขยับอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากนโยบายการเงินมีขนาดใหญ่ ส่วนกรณีสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แนะให้ กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ เพื่อเป็นการเก็บกระสุนนโยบายการเงินสำหรับรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตนั้น ปัจจุบันช่องว่างของนโยบายทางการเงินของไทยยังเหลือเฟือ ยังไม่ต้องประหยัดมาก จึงสามารถลดอัตราดอกเบี้ยลงได้อีก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับต่ำมานาน และต่ำเกินไป
ที่พรรคพลังประชารัฐ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.การคลัง ในฐานะประธานร่วมศูนย์นโยบายและวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ แถลงถึงนโยบายแจกเงินสด 10,000 บาทของรัฐบาลว่า เป็นโครงการไม่ตอบโจทย์กระตุ้นเศรษฐกิจ ใช้งบประมาณมหาศาล 1.85 แสนล้านบาท แต่เศรษฐกิจกลับไม่ขยับ พลาดเป้าหมาย รัฐบาลหวังให้โครงการนี้กระตุ้นจีดีพีโตเพิ่มขึ้น 0.35% แต่ผลที่เกิดขึ้นกลับน่าผิดหวัง เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2567 โตเพียง 3.2%
"แจกหนัก แต่ผลตอบแทนต่ำ ตัวคูณทางเศรษฐกิจต่ำเพียง 0.1-0.3 เท่า หมายความว่า รัฐบาลแจกเงินทั้งสองเฟสรวม 185,552 ล้านบาท กลับสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่ถึง 60,000 ล้านบาท" อดีต รมว.การคลังกล่าว
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมได้รายงานผลการวิเคราะห์นโยบายแจกเงินสด 10,000 บาทของรัฐบาล ซึ่งไม่เป็นผลสำเร็จ จีดีพีสูงขึ้นเพียง 0.1% เท่านั้น จึงถือว่าโครงการนี้ประสบความล้มเหลว ซึ่งไม่มีรัฐบาลไหนที่ทำเช่นนี้ เพราะสถานการณ์การเงินของประเทศ ณ ปัจจุบัน ไม่สามารถเก็บรายได้ให้เพียงพอต่อรายจ่าย แต่รัฐบาลยังไม่ใส่ใจ ตัดสินใจกู้เงินมาทำโครงการประชานิยมเช่นนี้อีก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับเบอร์พรรคมีโห่ไล่ ‘อนุทิน’37เด็ดตรงหนู
จับเบอร์ผู้สมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคเพื่อไทยโชคดีได้เลข 9 เบอร์เก่า
ว่าที่นายกฯ73คน! 34พรรคส่งแคนดิเดต/ดีเด่นดังแห่สมัครสส.ปาร์ตี้ลิสต์
"กกต." รับสมัคร สส.บัญชีรายชื่อราบรื่น ส่ง 52 พรรค เสนอแคนดิเดตนายกฯ 34
ผู้อพยพกลับบ้านวัดใจเขมร
กองทัพภาคที่ 2 แจ้งประชาชนตามแนวชายแดนไทย-เขมร
‘พรรคส้ม’ไร้เพื่อน คุยลั่นมาตรฐานสูง
เห็นโฉมหน้ารัฐบาลต่อไปรำไร "อนุทิน" ย้ำห้ามแตะนิรโทษกรรม ม.112
หยุดยิงเขมรกระอัก ลงนาม16ข้อยึดตรงไหน‘ทหารไทย’ปักหลักตรงนั้น!
ไทย-เขมรเห็นพ้องหยุดยิงทันทีเที่ยงวัน 27 ธ.ค. ยึดปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ เปิดแถลงการณ์ร่วมยาวเหยียด 16 ข้อ เขมรกระอักเลือด พื้นที่ไทยยึดได้ยึดเลย การวางกำลังทหารในปัจจุบันโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายเพิ่มเติม
‘เท้ง’กลัวไม่ได้ตั้งรัฐบาล
กกต.เผยรับสมัคร สส.ทั้ง 400 เขตเรียบร้อยดี เตรียมรับสมัคร สส.บัญชีรายชื่อวันอาทิตย์นี้ เตือนประชาชนโพสต์ข้อความผิด กม.เลือกตั้ง เจอคุก 10 ปี

