ขออภัยเหตุตากใบ! แม้วบอกใจร้อนทำพลาด โวไฟใต้จบแน่ยุค‘ลูกอิ๊งค์’

"ทักษิณ" ปากแข็งไม่กลัวบึ้ม! เจอต้อนรับตั้งแต่สนามบิน ลั่นลงพื้นที่ใน 3 สถานะ ประกาศสร้างสันติสุขชายแดนใต้ โวเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ปีหน้าจบแน่ สำเร็จยุครัฐบาลอิ๊งค์ พร้อมขออภัยเหตุตากใบรับทำพลาด "สว." ชี้บีอาร์เอ็นแสดงสัญลักษณ์ไม่เอาพ่อนายกฯ กำกับดับไฟใต้

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 08.35 น. เกิดเหตุระเบิดรถกระบะ ซึ่งจอดอยู่ใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ทำให้ไฟท้ายหลุดมีของเหลวไหลออกมา และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย นำตัวส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องผูกติดไว้กับรถกระบะ  ซึ่งเป็นรถของเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าสนามบินที่จอดไว้ข้างที่พัก  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์คาร์บอมบ์ดังกล่าว เกิดขึ้นก่อนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) จะเดินทางมาถึงท่าอากาศยานนราธิวาส ในอีก 50 นาทีข้างหน้า

ขณะที่ภายในท่าอากาศยานนราธิวาส มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา  ประธานรัฐสภา, พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.), ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และเจ้าหน้าที่ระดับสูง อยู่ภายในสนามบิน รวมถึงประชาชนที่มารอต้อนรับ ซึ่งทุกอย่างยังเป็นไปตามกำหนดการ มีการให้รถยนต์ออกไปจอดด้านนอกเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 23 ก.พ. เกิดเหตุความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนหลายจุด โดยจุดแรก เวลา 20.50 น. วันที่ 22 ก.พ. ในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เกิดเหตุระเบิดหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง สาขาบันนังสตา  ริมถนนสาย 410 (ยะลา-เบตง) หมู่ที่ 2 ต.บันนังสตา ซึ่งห่างจากที่ตั้งฐานปฏิบัติการ ชป.รพศ.ที่ 301 ประมาณ 300 เมตร ทำให้ชาวบ้านเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 4 คน และเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 7 นาย ต่อมาจุดที่ 2 ในพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส คนร้ายก่อกวนพื้นที่ด้วยการขว้างประทัดยักษ์ ก่อนจะเกิดเหตุจุดที่ 3 ในช่วงเช้าในพื้นที่สนามบินนราธิวาส

ต่อมา นายทักษิณ ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนราธิวาส พร้อมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม โดยมีประชาชนมารอต้อนรับการเดินทางมายังจังหวัดชายแดนภาคใต้ในรอบเกือบ 20 ปีของนายทักษิณ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดขึ้นในปี 2547 ในยุคที่นายทักษิณเป็นนายกฯ

จากนั้นเวลา 10.34 น. นายทักษิณ พร้อมคณะ ซึ่งเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ตำรวจ จากท่าอากาศยานนราธิวาส มายังสนาม ฮ.สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนตำบลสุไหงปาดี  ก่อนนั่งรถยนต์ ได้เดินทางถึงวัดประชุมชลธารา อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เข้ากราบพระธรรมวัชรจริยาจารย์ เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18

ดับไฟใต้จบยุครัฐบาลนี้

หลังจากนั้น นายทักษิณกล่าวระหว่างพบปะผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และผู้นำเครือข่ายชาวไทยพุทธ เพื่อหารือการพัฒนาพื้นที่ว่า ได้ลงพื้นที่ครั้งนี้ ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน  นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งให้ความสำคัญกับสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงตั้งใจมาดูสถานการณ์ในปัจจุบัน และอยากมาดูมารับฟังด้วยตัวเองว่าเป็นสถานการณ์เป็นอย่างไร รวมถึงมาสานงานที่ทำไว้เมื่อครั้งเป็นนายกฯ การแก้ปัญหาควรจะยุติได้ในสมัยที่รัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งเป็นรัฐบาลเพื่อไทยและลูกสาวตนเป็นนายกฯ

ทั้งนี้ อยากเห็นการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่นี้ เมื่อก่อนนี้ตอนสมัยเป็นนายกฯ น้อมนำแนวทางพระราชดำริในหลวงรัชกาล 9 เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ซึ่งยังเป็นหลักการที่สำคัญ เข้าถึง คือ เข้าถึงจิตใจว่าพวกเขาคิดอย่างไร เมื่อเข้าถึงแล้วเพื่อให้เขาพูดความจริงก่อน เมื่อความเขาพูดความจริงแล้ว เราต้องเข้าใจเป้าหมายร่วมกัน ร่วมกันพัฒนาในการแก้ปัญหาภาคใต้

 “ณ จุดวันนี้ ผมเข้าใจว่ายังเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง และเป็นสิ่งที่ถูกต้อง  เลยอยากมาฝากกับน้องๆ ว่าเราลองหยุดหายใจสักระยะ เรามัวอยู่กับเหตุการณ์ที่เคยมีมา 20 ปีแล้ว ให้กลับมาดูว่าเราจะเข้าถึงหรือแค่ไหน และเข้าใจมาคิดร่วมกันว่าจะทำให้พี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่อย่างสันติสุข นั่นคือหลักการที่ผมมาที่นี่" นายทักษิณระบุ

ที่ปรึกษาประธานอาเซียนกล่าวว่า  เชื่อว่าทุกคนมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหา ปัญหามีทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้เห็นต่างและฝ่ายข้าราชการ ดีที่สุดคือการพูดคุย ซึ่งตนเริ่มต้นการพูดคุยด้วยการที่ไปมาเลเซีย ซึ่งในสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ได้พบกับผู้ที่เห็นต่างทั้งหลายที่อยู่ในมาเลเซีย พวกเขาบอกอยากกลับบ้าน แสดงให้เห็นว่าทุกฝ่ายพร้อมจะหันหน้าเข้ามาพูดคุยกัน เริ่มต้นชีวิตใหม่ หลายคนในวันนั้นที่ได้ส่งตัวแทนมาคุยกับตนที่ต่างประเทศ คิดว่าวันนี้แนวทางในการพูดคุย ยังเป็นแนวทางที่ถูกต้องอยู่ เราต้องพูดคุยในระดับท้องถิ่น ระดับชาวบ้าน จนถึงระดับข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นที่มีความใกล้ชิดกับกลุ่มเห็นต่าง นี่คือแนวทางที่อยากเห็น

นายทักษิณกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาความล้มเหลวของการบริหารก็คือเศรษฐกิจที่แย่ เมื่อเศรษฐกิจที่แย่ สิ่งที่ตามมาคือยาเสพติด ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ทั้งชาวพุทธและมุสลิมก็อยากจะขอให้เรื่องยาเสพติดเป็นวาระสำคัญที่เราจะต้องจัดการ

ต่อมาเวลา 12.10 น. นายทักษิณ และคณะเดินทางไปยังโรงเรียนสัมพันธ์วิทยา ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง เพื่อพบปะผู้บริหารสถานศึกษา ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น เพื่อพูดคุยหารือแนวทางการพัฒนาด้านการศึกษาของประชาชนในพื้นที่ พร้อมกล่าวว่า ขอฝากครูและผู้บริหารสถานศึกษาให้ความสำคัญกับการพัฒนาการเรียนการสอนให้แก่เด็ก เพราะเด็กคือผ้าขาว หากได้รับการเอาใจใส่ ส่งเสริมอย่างถูกต้อง  จะส่งผลให้พวกเขาได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่จะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

นายทักษิณกล่าวว่า จังหวัดชายแดนใต้เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ อยากเห็นการพัฒนาและพื้นที่เกิดสันติสุข ขอให้ทุกคนได้ช่วยกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ มีความตั้งใจอย่างมากที่จะสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ตนในฐานะที่ประธานปรึกษาประธานอาเซียน จะสนับสนุนทุกทางเพื่อประโยชน์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ปากแข็งไม่ตกใจเจอบึ้ม

นายทักษิณให้สัมภาษณ์ถึงเหตุลอบวางระเบิดรถของเจ้าหน้าที่ในสนามบินนราธิวาสว่า "เป็นการเเสดงเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น บางคนอาจทำให้ผมตกใจ เเต่ผมเป็นคนใจแข็ง ถูกลอบฆ่ามา 4 ครั้งก็ยังเฉยๆ ไม่เป็นไร แค่นี้ผมไม่กลัว ใครจะต้อนรับวิธีไหน ผมรับได้หมด”

นายทักษิณกล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในครั้งนี้ว่า จากบทบาทที่ปรึกษาประธานอาเซียน อยากเห็นความร่วมมือในพื้นที่ และความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้าน ในการคืนสันติสุขให้กับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ ตนมีความรู้สึกว่าเป็นการร่วมมือที่ไม่เคยได้รับมาก่อนเหมือนครั้งนี้ เชื่อมั่นว่าเราน่าจะแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ดีกว่า จากความร่วมมือทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ส่วนเรื่องที่จะนำไปหารือกับในประเทศอาเซียนนั้น ส่วนใหญ่คือเรื่องของการที่บุคคล 2 สัญชาติ ซึ่งไม่ผิดอะไร เป็นการข้ามไปข้ามมา เพื่อทำมาหากิน และไปเยี่ยมเยียนกัน แต่การข้ามไปข้ามมาเพื่อก่อการร้ายในประเทศได้แล้ว ไปหลบซ่อนนั้น เราได้รับการร่วมมือเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เรื่องของการนิรโทษกรรม เราต้องคุยกันก่อน หากเราคุยกันจบแล้วทุกสิ่งทุกอย่างสามารถปรับได้หมดว่าจะทำอย่างไรถึงจะให้คนที่มีความผิดไปแล้วและสำนึกผิดได้กลับมาประเทศไทยอย่างเดิม อีกหลายขั้นตอนอยู่

เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับการที่รัฐบาลทบทวนที่จะใช้นโยบาย 66/2523 นายทักษิณกล่าวว่า เป็นแนวที่เคยใช้สมัยก่อนได้ผลดี แต่วันนี้อาจจะมีการพูดคุยกันในหลายๆ ฝ่าย แล้วปรับให้เป็นไปได้

เมื่อถามย้ำว่า หลังจากไม่ได้ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มานาน มีเป้าหมายอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่า "20 กว่าปีอยากจะกลับมาเห็นว่าความรู้สึกของคนที่นี่เป็นอย่างไร ทัศนคติที่จะเห็นความปรองดองสันติสุขเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร วันนี้เท่าที่ดูแล้วมันฟูขึ้นเยอะ  ยิ่งผมไปประสานงานกับต่างประเทศด้วย มั่นใจว่ามันเป็นสิ่งที่หาข้อยุติได้ และรู้สึกดีใจเหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ภายในปีนี้มันจะเห็นสัญลักษณ์ที่ดีขึ้นเยอะ และปีหน้าน่าจะจบ"

นายทักษิณกล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้มาใน 3 บทบาท ทั้งเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน อดีตนายกฯ และผู้สนับสนุนรัฐบาลเพื่อไทยที่มีลูกสาวเป็นนายกฯ ตนมีความรู้สึกว่ายังทำงานไม่จบ อยากจะเห็นสันติสุขใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยากจะเห็นตรงนี้ให้จบ โดยการเอาประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสมัยก่อนที่เคยทำไปมาแชร์กันว่าเราควรปรับอย่างไร เพราะวันนี้ทัศนคติของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เบาลงเยอะ เข้าใจขึ้นเยอะ ภายในปีนี้ทุกอย่างคงเห็นได้ชัดขึ้น เพราะอดีตรองประธานาธิบดีของประเทศอินโดนีเซีย นายยูซุฟ คัลลา อาสามาช่วย และมีคนอาสาเข้ามาช่วยจากหลายๆ ที่ด้วย ขณะที่ตนจะพยายามอยู่ห่างๆ และให้คำแนะนำ แต่ว่าเจ้าหน้าที่ต้องทำงานของเขาโดยตรง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเข้าไปอยู่ในคณะการพูดคุย นายทักษิณปฏิเสธว่า “ไม่ครับ ผมแก่แล้ว”

ส่วนจะมีการถอนกำลังทหารออกหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า เราอย่าเพิ่งพูดไปไกล หลังจากวันนี้ที่มีการพูดคุยกันอะไรที่จำเป็นก็อยู่ต่อไป อะไรไม่จำเป็นก็ไม่ควรอยู่

ขอโทษเหตุตากใบ

อดีตนายกฯ ยังกล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ตากใบ หลังคดีหมดอายุความ 20 ปีว่า “เรื่องตากใบ ตอนผมเป็นนายกฯ ผมมีความตั้งใจห่วงใยพี่น้อง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การทำงานมีความผิดพลาดได้บ้าง ถ้าผมมีอะไรผิดพลาด ที่ไม่เป็นที่พอใจ ก็ขออภัยด้วย เพื่อเราจะได้หันกลับมาช่วยกันแก้ปัญหาด้วยกัน พี่น้องมุสลิมมีสิ่งที่สำคัญมาก ถูกสอนมาว่า ความเข้าใจ เกรงใจ รักสันติสุข การให้อภัย เพราะฉะนั้นเมื่อเราขออภัยในสิ่งที่ผมอาจจะทำสิ่งที่ไม่ถูกใจหรือผิดพลาดบ้าง ผมต้องขออภัยด้วย”

ช่วงบ่ายนายทักษิณและคณะเดินทางมายังโรงเรียนสายบุรีอิสลามวิทยา อ.สายบุรี จ.ปัตตานี โดยมี "ดาโต๊ะนิเดร์” หรือนายนิเดร์ วาบา ผู้ก่อตั้งโรงเรียนฯ ข้าราชการ ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ภาคประชาสังคมและประชาชน และนักเรียน กว่า 1,000 คนให้การต้อนรับ และขอถ่ายรูปเซลฟีกันอย่างคึกคัก

 นายทักษิณกล่าวว่า วันนี้ยินดีมากที่ได้กลับมาพบกับท่านนิเดร์ วาบา เพื่อนเก่า ผมเคยมาที่นี่ 20 กว่าปีที่แล้ว และออกไปอยู่ในตะวันออกกลางและในหลายประเทศ เข้าใจพี่น้องมุสลิมเป็นอย่างดี สมัยเป็นนายกฯ อาจจะใจร้อน มีข้อผิดพลาดบ้าง ก็ขอกราบขอโทษทุกๆ ท่านมาณที่นี้ และในโอกาสอีกไม่กี่วัน พี่น้องมุสลิมจะเข้าสู่เดือนรอมฎอนแล้ว ขอให้ทุกคนได้ทำบุญ ทำกุศล ทำความดีสู่เดือนรอมฎอนด้วยสันติ ขอสันติสุขแก่พี่น้องมุสลิม ณ ที่นี่ และทั่วประเทศด้วย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้มีการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดกว่าปกติ

วันเดียวกัน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร  กล่าวว่า การเดินหน้าคืนสันติภาพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องสำคัญ และการที่นายทักษิณลงพื้นที่ครั้งนี้ หวังให้มีความชัดเจนเกิดขึ้น ส่วนที่เกิดเหตุระเบิดก่อนนายทักษิณลงพื้นที่นั้นไม่อยากให้ยึดโยงโดยตรง แต่หากมีการดำเนินการด้านสันติภาพ จะทำให้เหตุความไม่สงบลดลงได้

นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นการแสดงออกจากขบวนการแบ่งแยกดินบีอาร์เอ็น ที่แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ และไม่ต้อนรับการเดินทางลงพื้นที่ของนายทักษิณ ซึ่งเป็นระเบิดขนาดเล็กไม่มีอานุภาพการทำลายล้าง เพราะต้องการแสดงสัญลักษณ์ถึงนายทักษิณและรัฐบาล ให้รู้ว่าไม่ต้องการให้นายทักษิณมาเป็นผู้กำกับการดับไฟใต้เท่านั้น.