"โรม" แฉระบบจัดเก็บอัตลักษณ์ไทยหมดอายุ ทำให้ไม่มีข้อมูลคนเข้า-ออกไทยกว่า 17 ล้านคน หวั่นเคสส่งตัวคนจีนทำแบบวิธีโบราณ เสี่ยงปลอมตัวกลับมาทำผิดอีกได้ ด้านรัฐบาลย้ำส่งคนจีนจากเมียนมากลับประเทศทำตามกฎหมาย ตม.ครบถ้วน ทั้งเก็บประวัติ-ผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง และมีการเก็บข้อมูลชีวภาพ
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวกล่าวหาว่า ทางการไทยอนุญาตให้ฝ่ายจีนมารับตัวชาวจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมหลอกลวงออนไลน์ที่ถูกปล่อยตัวจากเมียนมา มาขึ้นเครื่องบินที่ประเทศไทยเพื่อเดินทางกลับจีนโดยไม่ผ่านกระบวนการคัดกรองและตรวจคนเข้าเมืองของไทย ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายไทยนั้น ขอเรียนว่าไม่เป็นความจริง กรณีนี้คือกลุ่มคนจีนที่ได้รับการส่งตัวมาจากประเทศเมียนมาเพื่อเดินทางกลับจีนนั้น รัฐบาลไทยได้ใช้การดำเนินการด้านการตรวจคนเข้าเมืองของกลุ่มคนจีนกลุ่มนี้ เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายไทย ตามมาตรา 12 ประกอบมาตรา 22 ของ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งปฏิเสธการเข้าเมืองโดยกำหนดให้คนกลุ่มนี้ต้องออกนอกราชอาณาจักรทันที ซึ่งเป็นการดำเนินการตามอำนาจทางกฎหมายไทยอย่างครบถ้วน
"นอกจากนี้ ชาวจีนกลุ่มดังกล่าวจะผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง และยังต้องมีการเก็บข้อมูลชีวภาพ เพื่อประโยชน์ในการคัดกรองไม่ให้กลับมากระทำผิดซ้ำ หรือไม่ให้ใช้ไทยเป็นทางผ่านอีก ถือเป็นการใช้อำนาจอธิปไตยของไทย และของเจ้าพนักงานตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ย้ำว่าไม่มีการส่งกลับด่วนประเทศแบบวีไอพีแต่อย่างใด และนอกจากจะเป็นไปตามกฎหมายไทยแล้ว ยังได้เป็นที่ตกลงกันกับทางจีนในการดำเนินการกับคนชาติจีนด้วยแล้ว" นายจิรายุกล่าว
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม กมธ. ซึ่งมีการเชิญผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.), สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.), เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.), ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ, อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าให้ข้อมูลเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ
โดยนายรังสิมันต์กล่าวว่า ภายหลังการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขั้นต่อไปจะเป็นการส่งคนที่อยู่ในเมียวดี ทั้งเหยื่อและอาชญากรกลับไปยังประเทศต้นทาง ซึ่งความกังวลของเรื่องนี้เป็นการเก็บข้อมูล 2 ส่วน คือจะเป็นการสอบข้อเท็จจริง เช็กข้อมูลทางมือถือว่าเป็นเหยื่อจริงหรือไม่ หรือเป็นอาชญากรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และรู้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ ซึ่งถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะใช้ในการปราบปรามและทลายโครงสร้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรข้ามชาติเหล่านี้ แม้ปัจจุบันจะพอรู้รายละเอียดของกระบวนการของคอลเซ็นเตอร์บ้าง แต่ยังมีคนในระดับบอส ระดับเมเนเจอร์ ที่มีข่าวว่าหนีไปกบดานที่กรุงเทพฯ หรือ จ.เชียงใหม่บ้าง อาจไม่ได้อยู่เมียวดีตั้งแต่ต้น แต่อาจอยู่เบื้องหลัง และไม่ไกลจากใจกลางของเมืองหลวงคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ ที่จำเป็นต้องสืบรู้ให้ได้
ส่วนที่ 2 การเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล ซึ่งกลุ่มจีนเทาเหล่านี้มีเงินเยอะ สามารถซื้อสัญชาติหรือพาสปอร์ตของชาติอื่นๆ หากไทยไม่มีการเก็บอัตลักษณ์เลย คำถามจากนี้คือจะรู้ได้อย่างไรว่าคนเหล่านี้ในอนาคตอาจกลับมาไทยอีกด้วย พาสปอร์ตเล่มใหม่ อาจเป็นของประเทศหมู่เกาะอะไรสักอย่าง ก็สามารถกลับมาที่ประเทศไทยได้ และใช้ไทยเป็นทางผ่านในการทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีก หรือก่ออาชญากรรมอื่นๆ
"นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่ไทยไม่สามารถเพิกเฉยได้ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะมีการเพิกเฉยต่อเรื่องของอัตลักษณ์ และส่งตัวคนจีนกลับไปแบบนี้ ซึ่งตนได้แหล่งข่าวข้อมูลว่า วันนี้ที่ไทยไม่เก็บอัตลักษณ์ เป็นเพราะระบบที่ซื้อใช้ไม่ได้อีกแล้ว ระบบที่เราใช้กันที่สนามบินสุวรรณภูมิ จ.ภูเก็ต จ.เชียงใหม่ รวมถึงบริเวณชายแดน คาดว่าหมดอายุ มีความเป็นไปได้ว่าตอนนี้ระบบที่เคยซื้อไป ไม่ได้มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์อีกแล้วมาเป็นเวลานาน และมีความเป็นไปได้ว่าคนที่เข้า-ออกประเทศไทย ประมาณ 17 ล้านคน อาจไม่มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์เลย ข้อมูลที่เก็บทุกวันนี้เป็นเพียงหน้าพาสปอร์ต แต่ไม่ได้เป็นลักษณะของอัตลักษณ์ (BIOMETRIC)" นายรังสิมันต์กล่าวย้ำ
จากนั้นนายรังสิมันต์แถลงภายหลังการประชุมว่า ประเทศไทยไม่มีการใช้ระบบไบโอเมตริกซ์อีกแล้ว ซึ่งแปลว่าเวลา 3 ปีเต็มนี้ ไม่มีเครื่องมือในการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์นักท่องเที่ยว ทำให้มีโอกาสผิดพลาดจากการที่นักท่องเที่ยวใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการก่ออาชญากรรม โดยที่ตัวเขาเองมีสัญชาติที่แตกต่างกัน แม้วันนี้ สตม.จะใช้วิธีการถ่ายรูปและพิมพ์ลายนิ้วมือ แต่ข้อมูลที่ได้นั้นชัดเจนว่าไม่เพียงพอ และกลายเป็นช่องว่างสำคัญในการที่จะทำให้ประเทศไทยตกอยู่ในภายใต้ความอันตรายของปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน สตม.มีความรับผิดชอบที่จะป้องกันเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งที่ควรรับรู้รับทราบมาก่อนหน้านี้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้น แต่กลับปล่อยให้ License หมด จนเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น กลายเป็นสุญญากาศ ใช้วิธีการโบราณ ไม่สามารถเก็บข้อมูลได้ โดยใช้วิธีขึ้นแบล็กลิสต์ ที่ไม่สามารถรู้ได้ว่าจะมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด
นายรังสิมันต์กล่าวถึงการขยายผลและการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และทุนเทาว่า ได้พยายามรับรู้รับทราบ และพยายามเข้าใจว่าเหตุใดการออกหมายจับหม่อง ชิตตู จึงทำได้อย่างยากเย็น ซึ่งพบว่าตัวการหลักของเรื่องนี้คืออัยการ เนื่องจากเป็นคดีความผิดนอกราชอาณาจักร ทำให้อัยการสูงสุดจึงต้องเข้ามาดู แต่การออกหมายนั้น ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็พยายามดำเนินการอยู่ แต่การส่งมอบข้อมูลของสองหน่วยงานนั้นยังไม่เกิดขึ้น จึงไม่รู้ว่าจะรอช้าอยู่ไปเพื่ออะไร เพราะจะส่งผลให้เราไม่สามารถแช่แข็งบัญชีและทรัพย์สินของอาชญากรได้ ทำให้คนจำนวนมากต้องรอคอยการชดเชยเยียวยา ยังไม่ได้รับเงินคืน
นอกจากนั้น ยังไม่มีการขยายผลไปถึงเต่ง วิน ซึ่งเป็นคนสำคัญใน BGF และเกี่ยวข้องกับบริษัท SMTY ซึ่งเป็นสัญญากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และยังมีตัวละครสำคัญใหม่ ซึ่งจะต้องขยายผลต่อไปว่าบุคคลที่อยู่ในกองกำลังดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจำนวนมาก ทั้งการลักลอบขนย้ายสารตั้งต้น และการส่งออกยาเสพติดผ่านไทยไปยังประเทศอื่น
สำหรับกรณีท่าข้าม ขอยืนยันว่ามีท่าที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง และ สมช.ก็จะเป็นผู้สรุปว่าใครบ้างที่มีอำนาจในการปิดท่าข้าม และภายในเดือนมีนาคมนี้ จะมีการสรุปว่าต้องมีท่าไหนบ้างที่จะถูกปิดไป แม้เราจะมีการช่วยเหลือเหยื่อ จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากฝั่งเมียวดี และส่งต่อไปยังประเทศอื่น แต่ต้องยืนยันว่าประเด็นเหล่านี้เป็นประเด็นที่ค่อนข้างร้ายแรง และต้องติดตามต่อไป นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังมีการสอบถามกรณีส่งตัวคนต่างชาติด้วยว่าเหตุใดจีนถึงมีเพียงบันทึกภาพและพิมพ์ลายนิ้วมือ ไม่ได้มีการคัดแยกเหยื่อและอาชญากร ซึ่งทำให้เราไม่มีข้อมูลว่าใครคืออาชญากรตัวใหญ่
"หากจีนไม่ส่งให้เรา การกระทำเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อประเทศ เพราะอาจจะมีการกลับมาก่ออาชญากรรมในประเทศไทยได้อีก ขณะที่ประเทศอื่นมีการแยก ซึ่งอาจทำให้ประเทศอื่นมองว่าเราปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกัน และจะถูกมองว่าไทยอยู่ภายใต้อิทธิพลของชาติใดชาติหนึ่ง ซึ่งไม่ควรที่จะทำให้ใครมองเราเช่นนี้ ดังนั้น รัฐบาลต้องทบทวน หากต่อไปเกิดกรณีเช่นนี้อีก ตนขอเรียกร้องไปยังนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี"
ส่วนมีการขึ้นแบล็กลิสต์จริงหรือไม่นั้น นายรังสิมันต์กล่าวว่า น่าจะเนื่องจากผู้เข้าชี้แจงไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ตรงนี้โดยตรง หากผู้ที่เขาชี้แจงไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ตนก็คิดว่าเราไม่ควรมี ผบ.ตร. หรือรอง ผบ.ตร.มากขนาดนี้ นี่เป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย และไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนรับผิดชอบ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เลือก‘ณรงค์-อภิชาติ’นั่งกต.คนนอก
ผู้พิพากษาทั่วประเทศเทคะเเนนเลือก “อ.ณรงค์-หมออภิชาติ” นั่ง ก.ต.คนนอก คุ้มครองอิสระการทำหน้าที่ตุลาการ “สมชาย เล่งหลัก” ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตาเก้าอี้ สว. ปมถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี
โจรใต้จ้องบึ้ม สั่งทุกโรงพัก เข้มถึง27มี.ค.
หน่วยมั่นคงชายแดนใต้สั่งทุก สภ.เฝ้าระวังขั้นสูงสุด ตั้งแต่คืน 25-27 มี.ค.
ฝ่ายแค้นจืดหยันเหยาะน้ำปลา
"อิ๊งค์" ยันแจงซักฟอกตรงประเด็น บอกพูดยาวไม่เป็น ชี้พรรครัฐบาลเข้มแข็ง
รัฐบาลปึ้กพ่วงงูเห่า โหวต‘อิ๊งค์’ท่วมท้น/ปิดฉากซักฟอกถลก2พ่อลูกดีลปีศาจ
ดีลแลกประเทศวันสุดท้ายร้อนฉ่า! รังสิมนต์สับ 2 ไอ้โม่งทำให้เกิดดีลปีศาจชั้น 14 ร
ลดเบนซิน-ดีเซล1บาท/ลิตร
"กบน." ใจป้ำปรับลดราคาน้ำมันเบนซิน-ดีเซล 1 บาท/ลิตร เป็นของขวัญให้ประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์
ชาวนาบุกสภาจี้รัฐบาล ประกันราคา1.1หมื่น/ตัน
ม็อบชาวนาบุกรัฐสภา ปักหลักค้างแรมร่วมฟังศึกซักฟอก เรียกร้องนายกฯ