‘อิ๊งค์’บี้ธปท. หั่นดอกเบี้ย เข็นจีดีพีโต

"นายกฯ อิ๊งค์" ย้ำทุกภาคส่วนต้องร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจไทย ขอ “แบงก์ชาติ” ลดดอกเบี้ย บอกเงินเฟ้อยังไม่มากทำได้ เร่งแก้หนี้ครัวเรือนให้จบปลาย มี.ค. “คลัง” เร่งเข็นมาตรการกระตุ้น ศก. บี้บีโอไอกระทุ้งลงทุน ดันจีดีพีโตแตะ 3.5% แจงตั้งกองทุน Thai ESG 2 รองรับ LTF หมดอายุ 1.8 แสนล้านบาท มั่นใจ  "ประธานบอร์ด ธปท." สิ้นเดือนได้ข้อยุติ ก่อนลุยตั้ง กก.คัดเลือกผู้ว่าการคนใหม่

ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 19  กุมภาพันธ์ เวลา 09.45 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ  “เชื่อมั่นประเทศไทย” ในงานสัมมนา Matichon  Leadership Forum 2025 Trust Thailand : เชื่อมั่นประเทศไทย ว่า ตลอดปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้เผชิญกับปัญหาและความท้าทายต่างๆ มากมาย เศรษฐกิจยังไม่มีเงินในระบบ ยังฝืดเคือง แต่มีสัญญาณที่ดีมาในปลายปีที่แล้ว เศรษฐกิจมีตัวเลขจีดีพีปี 2567 ขยายตัวขึ้น 2.5% มากกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 2% จากปี 2566 การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเกิดผล การบริโภคภายในขยายตัว  ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากมาตรการฟรีวีซ่า และความเชื่อมั่นในการดูแลนักท่องเที่ยว และในปี 2568 รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้จีดีพีเติบโตขึ้นที่  3%

โดยที่แรงขับเคลื่อนที่สำคัญของการลงทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มมาคือ การใช้จ่ายของประชาชน และภาครัฐต้องขับเคลื่อนงบลงทุน แต่การนำตัวเลขเศรษฐกิจไทยเทียบกับประเทศต่างๆ ในอาเซียนว่ามีตัวเลขที่ต่ำที่สุด มองว่ายังดูปัจจัยไม่ครบทั้งภายในภายนอก เช่น ประเทศเพื่อนบ้านมีการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง แต่ของไทยไม่ได้มีการพัฒนามาหลายปี สภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจหลายอย่างไม่เพียงพอ ธนาคารยังปล่อยกู้ไม่มากพอ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง ส่งผลให้เกิดการฝึดเคืองทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่ถือเป็น 75% ของประเทศ หากกลุ่มนี้ยังไม่มีสินเชื่อมาพัฒนาเศรษฐกิจของเขา จะยังไม่มีการพัฒนาและขยายตัว ต้องขอความช่วยเหลือช่วยกันทุกภาค

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า งบประมาณของรัฐยังไม่เพียงพอ และจะถูกใช้ไปกับรายจ่ายประจำ ตนบอกทุกคนว่าให้รัดเข็มขัดในเรื่องของงบประมาณ แต่เราต้องทำเรื่องการลงทุนควบคู่ไปด้วย ทำให้เม็ดเงินต่างๆ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด  เป็นสิ่งที่ต้องจัดการให้ดี ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาในอนาคต และวันนี้เพดานกู้แทบไม่เหลือ รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศเจอปัญหาเหล่านี้ แต่พยายามหาทางออกในมุมต่างๆ ปัญหาเหล่านี้ต้องใช้เวลา ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ พยายามดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เสนอทำตลาดดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้ยอดการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 35% หรือประมาณ 1.14 ล้านล้านบาท คิดเป็น 5% ของจีดีพี เป็นสิ่งที่ขยับและเห็นผล

บี้ ธปท.ลดดอกเบี้ย

รวมถึงมีมาตรการอื่นๆ อาทิ สินเชื่อเพื่อเอสเอ็มอี การดึงอุตสาหกรรมใหม่เข้าประเทศ การสร้างสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ดึงดูดนักท่องเที่ยว  และมาตรการเร่งด่วนรัฐบาลได้พูดคุยและอยากจะขอความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ที่มีกำไรเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่อง ด้วยการปล่อยกู้ให้กับคนไทยให้มีสภาพคล่องให้การพัฒนาธุรกิจของตัวเอง และอีกเรื่องคือขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาลดดอกเบี้ยเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน ซึ่งเรื่องนี้สามารถทำได้  เพราะเงินเฟ้อยังน้อยอยู่

นอกจากนี้ รัฐบาลมีมาตรการแก้ปัญหาหนี้สินต่างๆ ออกมา เช่น หนี้สินครัวเรือนที่เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ  รัฐบาลได้ทำโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” จะทำให้จบในวันที่ 15 มี.ค.นี้ และยังขอให้กระทรวงการคลังหารือกับแบงก์ชาติพัฒนาโครงการคุณสู้ เราช่วย ให้ครอบคลุมถึงกลุ่มลูกหนี้เข้าถึงแหล่งทุน  ซึ่งมาตรการน่าจะออกมาปลายเดือน มี.ค.นี้

นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลจะผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ของฝั่งอ่าวไทยและอันดามันเพื่อจุดประสงค์ในการลดระยะเวลาการขนส่งสินค้า และจากการที่ไปเยือนจีนมา เขาได้สนับสนุนในเรื่องนี้ และสนใจเรื่องการลงทุนด้วย และจากการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดสงขลา ยังมีคำถามว่า เราจะสนับสนุนโครงการแลนด์บริดจ์อย่างไร และมีคนมาต่อต้าน อันนี้ไม่แปลก เมื่อประเทศจะมีการเปลี่ยนแปลง จะต้องมีคอมเมนต์ทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย นั่นคือระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว รัฐบาลตระหนักถึงข้อนี้ดี และพร้อมรับฟังทุกคน และต้องการมีเวลาอธิบายว่าทำไมโครงการใหญ่ๆ อย่างนี้ถึงต้องการสนับสนุนต่อ

"อยากย้ำในเรื่องความเชื่อมั่นของประเทศไทย แน่นอนว่ารัฐบาลเต็มที่เพื่อให้ประเทศไทยเกิดความเชื่อมั่นทั้งต่างประเทศและคนในประเทศ ซึ่งความเชื่อมั่นทั้งหมดนั้นไม่ได้มาจากรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว แต่มาจากความร่วมมือทุกภาคส่วน ขอเพิ่มเติมว่าการที่เราสามารถติดต่อกับต่างประเทศ เป็นเรื่องของรัฐบาลกับรัฐบาลด้วยกันติดต่อประสานงานกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เราไม่สามารถผิดขั้นตอนข้อตกลงระหว่างประเทศ (โปรโตคอล) เช่นบางทีโดนถามเรื่องต่างประเทศ ก็ยังไม่สามารถตอบได้ทันที เพราะว่าสิ่งที่เป็นโปรโตคอล เขาจะนับว่าตัวนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศไม่ว่าจะพูดอะไร สัมภาษณ์ที่ไหน สิ่งนั้นจะถือเป็นสิ่งที่ใช่แล้วตกลงแล้ว นี่คือสิ่งที่จำเป็น ดิฉันจะเดินสายต่อเพื่อดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามา" นายกฯ  ระบุ

อย่างไรก็ตาม จีดีพีของประเทศหรือความเป็นอยู่ของประชาชนก็ต้องค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับอย่างแน่นอน ขอให้ทุกคนมีความเชื่อมั่น มีกำลังใจว่ารัฐบาลเห็นทุกปัญหาของทุกพื้นที่ และพร้อมสนับสนุนประชาชนและภาคเอกชนอย่างเต็มที่

ต่อมาเวลา 11.15 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเดวิด เดลี เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย, นายโนเอล คลีเฮน รองประธานคณะกรรมการบริหารสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ASEAN Business Council: EU-ABC) และนางภารณี อดุลยพิเชฏฐ์ ประธานสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจและการพาณิชย์ (European Association for Business and Commerce: EABC) ประเทศไทย เป็นผู้นำคณะผู้แทนบริษัทยุโรปในอาเซียน ใน 5 สาขาธุรกิจ ได้แก่ สาขาการเงินและธุรกิจประกันภัย,  สาขาสินค้าอุปโภคบริโภค, สาขาการคมนาคม โลจิสติกส์ และพลังงาน, สาขาเคมีภัณฑ์ เภสัชภัณฑ์ และสินค้าเกษตร และสาขาการให้คำปรึกษา เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือและรับทราบนโยบายของรัฐบาล

 ทั้งนี้ นายกฯ ยืนยันว่า จะอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ รัฐบาลมุ่งมั่นผลักดันไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนที่สำคัญ  โดยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย   พร้อมเชิญชวนคณะ EU-ABC และ EABC ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและครอบคลุม โดยรัฐบาลพร้อมทำงานร่วมกับภาคเอกชนยุโรป ซึ่งจะสร้างผลประโยชน์ร่วมกันแก่ทั้งสองฝ่าย

คลังกระทุ้งบีโอไอ

วันเดียวกัน นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการเร่งพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสนับสนุนให้การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ขยายตัวได้ 3-3.5%  โดยมองว่าเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันทั้งภาครัฐและเอกชน ขณะเดียวกันต้องเร่งเครื่องการลงทุน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนบีโอไอเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งเป็นโจทย์ของบีโอไอที่ต้องไปดูว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้เกิดการลงทุนจริง

 “เราเชื่อมั่นว่าหากทุกฝ่ายร่วมมือกันในการช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ ก็เป็นไปได้ที่จีดีพีปีนี้จะอยู่ในวิสัยที่ 3.5% แต่หากไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้มีการกระตุ้นอะไรใหม่ๆ การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ก็น่าจะอยู่ที่ 2.8-3% ส่วนรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกมาหลังจากนี้ อยากให้รอดู หน่วยงานกำลังเร่งพิจารณากันอยู่ ขณะเดียวกันมองว่านโยบายการเงินควรจะต้องเข้ามาช่วยสนับสนุนด้วย เพราะหากเข้ามาช่วยกันได้ก็จะเป็นเรื่องดี จีดีพี 3.5% ก็จะง่ายขึ้น” นายลวรณระบุ

ส่วนความคืบหน้าในการพิจารณาจัดตั้งกองทุน Thai ESG กองที่ 2 เพื่อรองรับหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่กำลังจะครบกำหนด วงเงินราว 1.8 แสนล้านบาทนั้น   ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบกำลังเร่งพิจารณาและออกแบบรายละเอียดต่างๆ ทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งเบื้องต้นอยากให้เป็นการลงทุนในประเทศเป็นหลัก และรูปแบบการลงทุนอาจจะแตกต่างกับ Thai ESG  กองแรกเลยก็ได้ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปไม่เกินเดือน มี.ค.นี้ หรือไตรมาส 1/2568

ปลัดกระทรวงการคลังยังกล่าวถึงความคืบหน้าการคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่ ว่าขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ซึ่งมีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง  ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งคาดว่าจะประชุมกันปลายเดือน ก.พ.นี้ เชื่อว่าหากไม่ติดขัดเรื่องคุณสมบัติอะไร รอบนี้น่าจะได้ข้อยุติแล้ว

ส่วนการคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ธปท.นั้น กระบวนการน่าจะเริ่มได้เร็วๆ นี้ แต่ตามหลักอยากให้การคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติเรียบร้อยก่อน แต่กระทรวงการคลังจะต้องเป็นคนตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าฯ ธปท.หรือไม่นั้น  เรื่องนี้ยังไม่แน่ใจ คงต้องขอกลับไปดูรายละเอียดของข้อกฎหมายก่อน ซึ่งยังมีเวลา เพราะผู้ว่าฯ  ธปท.คนปัจจุบันจะหมดวาระในเดือน  ก.ย.2568.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หยุดยิงเขมรกระอัก ลงนาม16ข้อยึดตรงไหน‘ทหารไทย’ปักหลักตรงนั้น!

ไทย-เขมรเห็นพ้องหยุดยิงทันทีเที่ยงวัน 27 ธ.ค. ยึดปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ เปิดแถลงการณ์ร่วมยาวเหยียด 16 ข้อ เขมรกระอักเลือด พื้นที่ไทยยึดได้ยึดเลย การวางกำลังทหารในปัจจุบันโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายเพิ่มเติม

‘เท้ง’กลัวไม่ได้ตั้งรัฐบาล

กกต.เผยรับสมัคร สส.ทั้ง 400 เขตเรียบร้อยดี เตรียมรับสมัคร สส.บัญชีรายชื่อวันอาทิตย์นี้ เตือนประชาชนโพสต์ข้อความผิด กม.เลือกตั้ง เจอคุก 10 ปี

ตามล่าอาชญากร ‘ฮุนเซน-ฮุนมาเนต’

ไม่ปล่อยให้ลอยนวล เดินหน้าเอาผิด 2 พ่อลูกตระกูลฮุน อธิบดีอัยการฯ ลงพื้นที่ประชุม ผบช.ภ.3 สอบเสธ.ทหารเป็นพยานมัด "ฮุน เซน-ฮุน มาเนต"