สีน้ำเงินคว่ำแก้รธน. สกัดส่งตีความ-วอล์กเอาต์สภาล่ม!ประธานฯนัดถกใหม่14กพ.

สภาล่ม! ถกแก้รัฐธรรมนูญสะดุด  "สส.-สว." วอล์กเอาต์ องค์ประชุมไม่ครบเหลือแค่ 204 คน "วันมูหะมัดนอร์" นัดประชุมใหม่ 14  ก.พ.  "เพื่อไทย" ชิงบทพระเอกอ้างหนุนส่งศาลรธน.ตีความ ชี้หยุดเดินดีกว่าเดินต่อแล้วตกเหว   "สุทิน" บอก ปชช.รู้ 3 กลุ่มใครตั้งใจแก้จริง-ไม่จริง   "ภูมิธรรม" ลั่นไม่ได้ใช้แท็กติก "ภท." ย้ำต้องแก้บนพื้นฐานความถูกต้องชอบธรรม ไม่สร้างปัญหาในอนาคต "ปชน." ซัดพรรคร่วม รบ.ขวางแก้ รธน. จี้ "นายกฯ" แสดงภาวะผู้นำคุมเสียงให้ได้ "อิ๊งค์" ระบุพรรคร่วมเห็นต่างได้ ปัด พท.หน้าอย่างหลังอย่าง

ที่รัฐสภา วันที่ 13 ก.พ.2568 เวลา 08.50 น.  นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.)  กลุ่ม สว.สีขาว ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อเวลา 08.30  น. ตนได้ยื่นญัตติด่วน เรื่องขอให้สภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ต่อนายวันมูหะมัดนอร์  มะทา ประธานรัฐสภา เรียบร้อยแล้ว โดยมีผู้ร่วมลงชื่อทั้ง สส.และ สว.กว่า 40 คน จึงถือว่าเป็นญัตติร่วมกันของสมาชิกทั้ง 2 สภา เพราะที่ประชุมรัฐสภาวันนี้จะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า พวกตนได้ฟังเสียงของสมาชิกรัฐสภา เห็นว่ามีความเห็นที่แตกต่างกันมากมายที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ เพราะการยื่นเพื่อขอให้รัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเคยมีมาหลายครั้ง แต่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2564 ระบุชัดเจนว่า การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ต้องมีการทำประชามติก่อน ซึ่งการยื่นแก้ไขในครั้งนี้เราเห็นว่าเป็นการข้ามขั้นตอน  ยังไม่มีการทำประชามติ จึงขอให้รัฐสภามีมติให้ไปทำประชามติก่อน

จากนั้นเวลา 09.40 น. การประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ได้เริ่มต้นขึ้น โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ นายไชยชนก ชิดชอบ  สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ลุกขึ้นอภิปรายในฐานะตัวแทนพรรคว่า วาระที่กำลังจะพิจารณาค่อนข้างผิด และขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ พรรค ภท.จึงขอไม่เข้าร่วมพิจารณา

ประธานรัฐสภาแจ้งว่า นพ.เปรมศักดิ์ได้เสนอญัตติด่วนขอให้รัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน   อภิปรายว่า แน่นอนว่าการเข้าชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญไม่น่าจะเป็นญัตติด่วนด้วยวาจา แต่ต้องเป็นการยื่นญัตติด่วนด้วยหนังสือ และมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่า 40 คน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครเห็นตัวญัตติ ดังนั้นระหว่างมีการแจกเอกสารให้สมาชิกพิจารณาเนื้อหา ขอให้พักการประชุม 15 นาที เพื่อให้วิปแต่ละฝ่ายได้หารือกัน 

ทั้งนี้ นายวันมูหะมัดนอร์จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่แจกเอกสารแก่สมาชิก จากนั้น เวลา 09.48 น. ได้สั่งพักการประชุม 15 นาที เพื่อให้วิป 3 ฝ่ายหารือร่วมกัน

ต่อมาเวลา 10.13 น. การประชุมร่วมรัฐสภาได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง โดยมีสมาชิกอภิปรายกันหลากหลาย ทั้งเห็นด้วยให้เลื่อนญัตติ นพ.เปรมศักดิ์ และไม่ให้เลื่อน แต่ที่ทำให้อุณหภูมิร้อนแรง เมื่อนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ลุกขึ้นอภิปรายว่า  ไม่เห็นด้วยกับการที่มีการประชุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในวันนี้ ขอยืนยันรัฐธรรมนูญปี 60 แก้ไขได้

อย่างไรก็ตาม นายวันมูหะมัดนอร์เบรกไม่ให้นายพิสิษฐ์พูด โดยย้ำว่าควรอธิบายว่าจะดำเนินการอนุญาตหรือไม่ ไม่ใช่การประชุมวันนี้ชอบหรือไม่ชอบอย่างไร รวมทั้งสมาชิกบางคนก็ประท้วงว่ายังไม่เข้าญัตติ ประธานรัฐสภาจึงชี้แจงว่า เรื่องนี้ก่อนจะบรรจุเราได้หารือกับวิป 3 ฝ่ายแล้วว่าจะบรรจุ และนายพิสิษฐ์ก็อยู่ในที่ประชุม ซึ่งไม่มีใครคัดค้านอะไร ทำให้นายพิสิษฐ์กล่าวว่า ขอขอบคุณประธาน และขออนุญาตลาการประชุม จากนั้น นพ.เปรมศักดิ์ผู้เสนอญัตติ ได้ชี้แจงเหตุผลการเสนอญัตติดังกล่าว

องค์ประชุมล่มเลื่อนถกแก้ รธน.

กระทั่งเวลา 11.15 น. นายวันมูหะมัดนอร์ได้ถามต่อที่ประชุมเพื่อลงมติเห็นสมควรจะเลื่อนญัตติด่วนของ นพ.เปรมศักดิ์ ขึ้นมาพิจารณาก่อนหรือไม่ หรือพิจารณาตามข้อบังคับ จากจำนวนผู้ลงมติ 526 คน เห็นด้วย 247 คน ไม่เห็นด้วย 275 คน งดออกเสียง 4 คน ไม่ลงคะแนน 0  คน ดังนั้นมติที่ประชุมไม่เห็นด้วยให้เลื่อนญัตติ นพ.เปรมศักดิ์ขึ้นมาพิจารณาก่อน จึงพิจารณาตามระเบียบวาระที่ได้บรรจุไว้อยู่ก่อนแล้ว คือการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับ

ต่อมาเวลา 11.37 น. นพ.เปรมศักดิ์ได้เสนอญัตติให้ประธานรัฐสภานับองค์ประชุม เพราะมีสมาชิกรัฐสภาวอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุมหลายคน จากนั้นประธานรัฐสภาได้ขอให้มีการแสดงตน ปรากฏว่ามีสมาชิกแสดงตนในห้องประชุม 204 คน ไม่ครบองค์ประชุม ทำให้ประธานรัฐสภาสั่งนัดประชุมร่วมรัฐสภาอีกครั้ง ในวันที่ 14 ก.พ. เวลา 09.30 น. ก่อนสั่งปิดการประชุมในเวลา 12.04 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบรายชื่อสมาชิกรัฐสภา พบว่าไม่เห็นด้วยให้เลื่อนญัตติด่วนของ นพ.เปรมศักดิ์ เป็นพรรคประชาชนเกือบทั้งพรรค มีเพียง สส. 6 คนที่ไม่ร่วมลงคะแนน ประกอบด้วย นางจุฬาลักษณ์ ขันสุธรรม สส.เชียงราย, นายณรงเดช อุฬารกุล  สส.บัญชีรายชื่อ, นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม., นายนิติพล ผิวเหมาะ สส.บัญชีรายชื่อ, นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ และนายศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด

ขณะที่พรรคเพื่อไทย ลงมติเห็นด้วยให้เลื่อนญัตติดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาก่อน มีเพียง สส. 12 คน ที่ไม่ร่วมลงคะแนน อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายสุชาติ ตันเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น

ส่วนพรรคภูมิใจไทย ไม่ร่วมลงคะแนนเกือบทั้งพรรค มีเพียงนายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น ที่ลงมติเห็นด้วย ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ลงมติเห็นด้วย 20 คะแนน ไม่ลงคะแนน 16 คน อาทิ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ รมว.อุตสาหกรรม, นายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ และ รมช.พาณิชย์ และนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น ด้านพรรคประชาธิปัตย์ เห็นด้วย 16 คน ไม่ลงคะแนน 9 คน โดยมีรายชื่อที่น่าสนใจ ได้แก่ นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนพรรคกล้าธรรม ทั้งพรรคลงมติเห็นด้วย ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ โหวตเห็นด้วย 1 คน ได้แก่ น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ ส่วนที่เหลือไม่ลงคะแนน พรรคชาติไทยพัฒนา เห็นด้วยครึ่งพรรค  ที่เหลือไม่ได้ลงคะแนน และพรรคประชาชาติ ลงมติเห็นด้วยทั้งพรรค ยกเว้นนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่ทำหน้าที่ประธาน และนายสาเหะมูหามัด อัลอิดรุส สส.ปัตตานี ที่งดออกเสียง ส่วนพรรคไทยสร้างไทย เห็นด้วย 2 คน ได้แก่ นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ สส.อุบลราชธานี และนางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร ขณะที่นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด ไม่เห็นด้วย สส.ที่เหลือไม่ลงคะแนน

เป็นที่น่าสังเกตคือ กลุ่มสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลงมติไม่เห็นด้วยให้เลื่อนญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ขึ้นมาพิจารณาก่อน ซึ่งมีจำนวนถึง 136 คน ไม่ร่วมลงคะแนน 26 คน งดออกเสียง 2 คน ที่เหลือเป็นเสียงข้างน้อยที่เห็นด้วยกับการเลื่อนญัตติดังกล่าว ทั้งนี้ กลุ่ม สว.ที่ลงมติไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม สว.สีน้ำเงิน ซึ่งถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ญัตติดังกล่าวไม่สามารถเลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อนได้

ผู้สื่อข่าวรายงานผลการนับองค์ประชุม ที่ปรากฏจำนวนผู้แสดงตนจำนวน 204 คน พบว่า  ผู้ที่แสดงตนคือ พรรคประชาชน จำนวน 140 คน ขาดไปเพียง 3 คนที่ไม่ได้แสดงตน ขณะที่พรรคเพื่อไทย จากจำนวน สส. 141 คน มีผู้แสดงตนเพียง 22 คน อาทิ นายชลน่าน ศรีแก้ว, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ, นายสรวงศ์ เทียนทอง, นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ, นายสุทิน คลังแสง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ที่มี สส. 25 คน มีเพียง 5 คน ที่แสดงตนคือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, นายชวน หลีกภัย, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน, นายยูนัยดี วาบา, นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สำหรับพรรคชาติพัฒนา ที่มี สส. 3 คน มีผู้แสดงตนคนเดียวคือ นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล ด้านพรรคภูมิใจไทย ที่มี สส. 70 คน ไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุม ตามที่ได้ประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมในครั้งนี้ นอกจากนั้น ยังมีพรรคร่วมรัฐบาล เช่น พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคกล้าธรรม และพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ไม่แสดงตนทั้งพรรคด้วย

พท.อ้างไม่ขานชื่อ

ฝ่ายพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุมทั้งพรรค ฝั่งพรรคไทยสร้างไทย ที่เคยมีข่าวว่ามี สส.พฤติกรรมงูเห่า มีผู้แสดงตนเพียงคนเดียวคือ นายชัชวาล แพทยาไทย และนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.พรรคไทยก้าวหน้า ไม่แสดงตนในการร่วมประชุมวันนี้

ภูมิธรรมปัด พท.ใช้แท็กติก

ขณะที่ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 199 คน มีผู้ร่วมแสดงตน 32 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็น สว.พันธุ์ใหม่ และ สว.กลุ่มอิสระ เช่น น.ส.นันทนา นันทวโรภาส, นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย, นางอังคณา นีละไพจิตร, นายอภินันท์ เผือกผ่อง รวมถึงนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา  ในฐานะรองประธานรัฐสภา ร่วมแสดงตนด้วย

พรรคภูมิใจไทย โดย น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงเหตุ ภท.ไม่เข้าร่วมพิจารณาว่า พรรคเห็นด้วยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่จะต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง ชอบธรรม และไม่สร้างปัญหาในอนาคต แต่วันนี้เป็นการพิจารณาแก้ไขมาตรา 256 ซึ่งจะนำไปสู่การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ  (ส.ส.ร.) แก้รัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ  ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญชัดเจนว่าต้องทำประชามติถามประชาชนทั้งประเทศว่ามีความเห็นอย่างไร เราจึงมีความเห็นร่วมกันอย่างชัดเจนว่า เป็นการขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เราจึงไม่ขอมีส่วนร่วมในการพิจารณา

ส่วนพรรคเพื่อไทย นำโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล  สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค, นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังที่องค์ประชุมล่ม โดยนายสุทินระบุว่า  ขอยืนยันว่าพรรค พท.มีเจตนารมณ์ที่จะแก้รัฐธรรมนูญ และแก้ให้ได้มุ่งต่อความสำเร็จ ไม่ใช่เพียงแต่ได้แก้ ตามนโยบายที่ให้ไว้แล้วมาแสดงว่าได้แก้แล้ว จบ-ไม่จบ ได้-ไม่ได้ เรื่องนั้นไม่ใช่  เพราะเรามุ่งหวังความสำเร็จสถานการณ์จึงเกิดวันนี้ขึ้น โดยหลังจากที่เราพยายามได้ยื่นมาหลายรอบ แต่เมื่อยื่นแล้วก็ยังมีข้อกังขาว่าประธานจะบรรจุหรือไม่บรรจุ นั่นคือความคลุมเครือและเป็นปัญหามาตลอด และรู้ดีว่าจะเป็นปัญหาต่อไป

"เมื่อร่างดังกล่าวถูกบรรจุเข้าสู่สภา เราพยายามที่จะประสานงานทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดความเป็นไปได้ นั่นคือเสียงพรรคร่วมรัฐบาลและเสียงของ สว. เมื่อเราทำเต็มที่และขอความร่วมมือเต็มที่แล้ว จากการประเมินเมื่อวานนี้ (12 ก.พ.) พบว่าโอกาสที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านนั้นยาก โอกาสตกสูง โอกาสที่จะผ่านแทบไม่มี ซึ่งเมื่อไม่มีโอกาสเราจะทำอย่างไร จะจำนนต่อสถานการณ์ โดยเราจะเสนอและพิจารณากันไปปล่อยให้โหวตแล้วให้ตกหรือไม่ หากทำแบบนั้นคือความล้มเหลว และเราทราบดีว่าความล้มเหลวรออยู่แล้ว" นายสุทินกล่าว

สส.พรรค พท.รายนี้ระบุว่า วิธีหนึ่งที่พอจะมีความหวังคือขอให้ร่างได้อยู่ในสภายังไม่ตก คือเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังวินิจฉัย ร่างก็ยังอยู่ และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมา เราก็มีโอกาสสำเร็จ ฉะนั้นเราจึงปรับวิธีการต่อสู้เพื่อให้บรรลุผลของเรา

 “วันนี้จึงคิดว่าจะทำอย่างไรให้ร่างนี้ไม่ตก และให้อยู่นานที่สุด นั่นคือองค์ประชุม ถ้าไม่ครบก็ประชุมต่อไม่ได้ ก็จะมีเวลาในการตั้งหลัก เพื่อที่จะกลับมาสู้เพื่อเป้าหมายอีกครั้ง ดีกว่าดันทุรังไปว่าพิจารณาไปแล้ว แล้วไปตายข้างหน้านั้นเราไม่เอา เรามีเจตนาเพื่อที่จะผลักดันให้สำเร็จ ถ้าเดินทางตรงไม่ได้ ก็ขอเดินทางโค้ง หากทางโค้งยังไม่สำเร็จ ขอหยุดการเดินทางไว้ก่อน ดีกว่าเดินไปตกเหว” สส.เพื่อไทยรายนี้ระบุ

นายสุทินกล่าวว่า ถึงวันนี้ประชาชนจะมองออกว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ มีอยู่ 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือพรรคภูมิใจไทยและ สว.ส่วนหนึ่งที่ไม่แก้    กลุ่มที่ 2 คืออยากแก้แสดงตัวว่าจะแก้ แต่มีข้อแม้ว่าแก้จริงหรือไม่พยายามที่จะดันต่อไปทั้งที่รู้ว่าถูกตีจะตก สังคมจะรู้ว่าแก้เพื่อหวังผลสำเร็จหรือไม่ ขณะที่พรรคเพื่อไทยเดินเกมเต็มที่ แต่เจออุปสรรค เราจึงต้องชะลอเพื่อที่จะหาทางสู้ใหม่

"ประชาชนคงมองออกว่าใครคือกลุ่มที่แก้โดยหวังผล หรือกลุ่มที่สักแต่ว่าจะได้แก้แล้ว แต่ของเราแก้ได้แล้ว เราอยากพูดคำนี้มากกว่า ไม่ใช่แก้แล้วยิ่งเดินไปก็ยิ่งจะช้ำ แล้วคนที่รู้ว่าเดินต่อก็จะตก เดินไปทำไม กับของเราที่รู้ว่าจะตกเราไม่เดินต่อ แต่เราก็ชะลอ เพื่อที่จะตั้งหลักแล้วเดินใหม่ ประชาชนน่าจะมองออก" นายสุทินกล่าว

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะการนำพรรค พท. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมี สส.พรรค พท.ไปเข้าชื่อญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ เสนอให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความการทำประชามติต้องกี่ครั้งว่า เป็นเอกสิทธิ์ของ สส.ทุกคน

ถามว่า เป็นเกมยืมมือ สว.ให้ยื่นศาลตีความเพื่อชะลอและป้องกันไม่ให้ร่างนี้ถูกโหวตควํ่าใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าไปคิดว่าเรามีทริกทางการเมือง เราตรงไปตรงมา เพราะเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยเสนอให้พรรคร่วมฯ พิจารณาและแถลงต่อรัฐสภา เป็นหน้าที่ที่เราต้องทำ ส่วนจะเกิดหรือไม่ ต้องไปดูอีกทีหนึ่ง

ปชน.ซัดพรรค รบ.ขวางแก้ รธน.

ด้านพรรคประชาชน (ปชน.) นำโดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ปชน. แถลงหลังประชุมรัฐสภาล่มว่า สิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่ามีเพื่อนสมาชิก โดยเฉพาะจากฝั่งรัฐบาลเอง ไม่กดแสดงตน ไม่เป็นองค์ประชุม ทั้งที่นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรค พท. ได้พูดไว้ในห้องประชุมว่า พท.พร้อมที่จะเป็นองค์ประชุมในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญวันนี้

ถามว่ามี สส.พรรค พท.หลายคนร่วมลงชื่อสนับสนุนให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าวว่า มีร่างของพรรค พท.เสนอเข้ามาด้วย เพราะฉะนั้นจึงยังค่อนข้างมีความสับสนว่า ในเมื่อมีร่างที่ทางฝั่งพรรค พท.เสนอมาด้วย ทำไมถึงไม่มีการแสดงตน หรือว่าไม่มีการแสดงความชัดเจนว่าอยากจะเริ่มเดินหน้าต่อในวันนี้ ซึ่งก็แสดงให้เห็นถึงความตกลงกันไม่ได้ หรือความมีรอยร้าวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง

"นายกฯ จะต้องแสดงให้เห็นถึงภาวะความเป็นผู้นำ และการควบคุมเสียงพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันให้ได้ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (14 ก.พ.) ก็จะเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่พรรค พท.และนายกฯ เองจะแสดงให้เห็นว่าสามารถควบคุมเสียงรัฐบาลได้จริง" หัวหน้าพรรค ปชน.ระบุ

ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่อาคารไปรษณีย์กลาง เขตบางรัก ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมรัฐสภาล่มว่า ก็จะได้เห็นว่าภายใต้การนำทั้ง สว.และ สส.ในสภาก็คิดต่างกันได้ เมื่อถามว่าไม่เหนือความคาดหมายเลยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ค่ะ

ซักว่าเรื่องนี้เป็นนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา จะต้องพูดคุยกันกับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คุยค่ะ ก็คุยกันก่อนแล้ว เมื่อถามอีกว่าเมื่อเป็นนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาต้องปรับจูนเพื่อให้มีความเห็นสอดคล้องกันหรือไม่  นายกฯ กล่าวว่า มีหลายเรื่องมากที่เราคิดเห็นตรงกัน แต่แน่นอนว่ามันเป็นรัฐบาลผสม เพราะฉะนั้นจะเหมือนกันทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์คงจะไม่ได้  เราก็เคารพสิทธิของความเข้าใจ ความเห็นด้วยและความไม่เห็นด้วย แต่มันก็ไม่มีอะไร

ซักว่าพรรค พท.อาจจะถูกมองว่าหน้าอย่างหลังอย่าง เพราะตอนหาเสียงและตอนอยู่ในสภาไม่เหมือนกัน นายกฯ อุทานว่า “โอ้ เราว่าไม่ใช่หน้าอย่างหลังอย่างนะ เราก็ยังยืนจุดยืนเดิม ที่ไม่แก้หมวด 1 และหมวด 2 เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นก็ผลักดันไป และต้องใส่ความก้าวร้าวหรืออย่างไร ก็ไม่ได้ การที่รักษาไว้ซึ่งความสงบและคุยกันด้วยเหตุผล แสดงจุดยืนทางประชาธิปไตยของตัวเอง"

วันเดียวกัน กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญและภาคีเครือข่าย จัดกิจกรรม “อยากเลือกตั้ง ส.ส.ร. ชวน สว.ทำเรื่องกล้วยๆ” เดินทางติดตามการประชุมร่วมกันรัฐสภา โดยมีการนำกล้วยมาเป็นสัญลักษณ์ในการทำกิจกรรมในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อทราบข่าวการประชุมร่วมรัฐสภาล่ม เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งไม่พอใจ ได้มีการขว้างกล้วยจำนวนมากพร้อมสาดสีฟ้าที่หน้าทางเข้าอาคาร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาได้ควบคุมดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เลือก‘ณรงค์-อภิชาติ’นั่งกต.คนนอก

ผู้พิพากษาทั่วประเทศเทคะเเนนเลือก “อ.ณรงค์-หมออภิชาติ” นั่ง ก.ต.คนนอก คุ้มครองอิสระการทำหน้าที่ตุลาการ “สมชาย เล่งหลัก” ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตาเก้าอี้ สว. ปมถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี  

ลดเบนซิน-ดีเซล1บาท/ลิตร

"กบน." ใจป้ำปรับลดราคาน้ำมันเบนซิน-ดีเซล 1 บาท/ลิตร เป็นของขวัญให้ประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์